สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิป ประจวบเหมาะ การบินไทยออกโปรมาค่อนข้างคุ้มค่า ผมเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนก็คงจองช่วงนั้นเพื่อเดินทางเช่นกันและนั่นคือที่มาของทริปรอบนี้ของผม  10 วัน 9 คืน ในอังกฤษ  
รอบนี้โปรมาเร็ว ต้องรีบตัดสินใจจากยอดเกือบ8 คน เหลือเพียง 3คนที่กล้าเสี่ยง เรา3 คน 3 อาชีพ  อยู่กันคนละที่จึงได้มาพบกันและสร้างทริปเล็กๆแห่งความประทับใจขึ้นมาโดยที่ผมและเพื่อนไม่เคยมาอังกฤษกันเลย
เนื่องจากการเดินทางรอบนี้ค่อนข้างนาน จึงขออนุญาตแบ่งเป็น 2 กระทู้นะครับ เพราะผู้โพสอาจงงเอง โดย พาร์ทแรก เราใช้ เมือง Bath เป็นฐาน และ พาร์ท ที่ 2 ใช้ลอนดอนเป็นฐาน

ทริปเราเริ่มเดินทางกันในวันที่ 1-11 ธันวาคม ตั๋วที่ได้ แม้ไม่ได้ถูกที่สุดแต่ก็เหมาะสมที่สุดสำหรับช่วงหยุดยาว เราได้ตั๋วบินตรงการบินไทยไปกลับ กรุงเทพ ลอนดอน ด้วยราคา24000นิดๆ ต่อคน
ทำไมต้องอังกฤษ? นั่นสิครับผมเองจำได้เลาๆว่าเพื่อนคนนึงบอกว่าเออมีเพื่อนอยู่ที่นู่น สามารถไปนอนพักได้เพื่อที่จะประหยัดค่าที่พักไปได้สักนิดก็ยังดี เราได้ที่พักจากเพื่อนใจดีที่ Bath 4วัน และจองที่พักเองที่ลอนดอนอีก5 วัน  สำหรับที่พักในลอนดอนตอนแรกเราจองโรงแรมผ่านเวบชั้นนำ แต่ก็มาได้อพาร์ทเม้นงามๆพร้อมห้องครัวจาก Airbnb ในโค้งสุดท้ายก่อนเดินทาง

สำหรับแผนการเดินทาง เราเลือกที่จะลงเครื่องและนั่งรถไปเมืองบาธ Bath เมืองสวยงามอันมีเสน่ห์และประหยัดที่พักก่อน แนะนำเพื่อนๆที่จะเดินทางนะครับว่าการจองตั๋วรถไฟไปก่อนช่วยเราประหยัดได้อย่างมาก และนอกจากนี้การมีเพื่อนร่วมเดินทางก็ทำให้ประหยัดไดปได้เยอะเช่นกัน เราเลือกที่จะจองตั๋วในทุกๆวันช่วงเช้าเพื่อเป็นการบังคับตารางเวลาของเราว่าควรจะออกกี่โมงในแต่ละวัน

Day1 London-Bath
เราขึ้นเครื่องกัน ตอน 23.50 ของวันที่ 1 และเดินทางถึงลอนดอน  6.20 ใช้เวลาชั่วแว๊บ ก็ผ่านตม.ออกมา
เราเดินทางจาก Heathrow airport มายัง Paddington โดยใช้ Heathrow Connect  วิ่งตรงจากสนามบินถึง  Paddington station ในราคา 10.2 ปอนด์ ต่อคนใช้เวลาราว 30นาที ต่างจาก Heathrow Express ที่ราคาถึง 22ปอนด์ต่อคน และใช้เวลาเพียง15 นาที ขอบคุณเพื่อนที่เคยเรียนอยู่ที่นั่นเพราะผมอ่านจากหลายๆ รีวิว มีพูดถึง heathrow connect น้อยมาก และ heathrow connect ต้องซื้อที่จุดจำหน่ายตั๋ว ไม่สามารถกดจากตู้Heathrow Connect ได้
เมื่อถึงสถานี Paddington ราว 8.00 เรามีเวลาเกือบ2.00ชม. เนื่องจากเราจองตั๋วรถไฟไว้ 10.30 น. เริ่มต้นด้วยการเติมตั๋วOyster ผมเองก็ไม่เคยเติมเลย แตะการ์ด แล้วเลือก top up เลือกจำนวนราคา  หยอดเหรียญ หรือสอดธนบัตร  แล้วเดินกลับมา สักพักมีสาวเมืองผู้ดี หอบเงินเหรียญจำนวนมากมาให้เนื่องจากจริงๆ แล้วเราต้องแตะบัตรอีกรอบ วิ่งกลับไปเติมเงินกันใหม่รอบนี้ไม่พลาดละครับ

หลังจากนั้น ก็เลือกฝากท้อง ที่Salsbury ร้านซุปเปอร์ที่ผมใช้บริการมากที่สุดทุกทริป เรียกได้ว่าแทบจะ check in มันทุกเมืองเลยครับ กับของราคาที่รับได้
โชคดีที่เราเลือกจองที่นั่ง เมือ่จองตั๋ว เพราะว่ามีสงครามที่นั่งกันสนุกหนานเลยทีเดียว  
สำหรับการเดินทางผ่านรถไฟ ของ GWR เวลาเราของที่นั่งจะมีใบเสียบไว้ที่พนักพิงศีรษะครับว่าที่นี้ถูกจองและเดินทางตั้งแต่ที่ไหนถึงที่ไหน
ใช้เวลาเดินทาง ราว 1 ชม. ก็มาถึงเมือง บาธ Bath
กลิ่นอายแห่งความคลาสสิค และ บรรยากาศงานคริสต์มาสแสดงมาให้เห็นเนืองๆ เมื่อออกจากสถานี เราเข้าที่พักของเพื่อนพร้อมสัมพาระขนาดใหญ่ สามใบผ่าน แท็กซี่ที่ราคาค่อนข้างสูงเลยครับ
เพื่อนที่รักของเรา ทำอาหารเตรียมไว้ให้อย่างอร่อย หลังจากนั้นเริ่มออกเที่ยวชมในเมืองกัน
บรรยากาศ ในเมือง ตึกที่มีเอกลักษณ์ แม่น้ำAVON สายหลักที่ไหลพาดผ่านเมือง  
เริ่มต้นการเที่ยวชมในเมืองบาธหลังอาหารด้วย
Bath Abbey
ชื่อเดิมของโบสถ์นี้คือ the Abbey Church of Saint Peter and Saint Paul. สร้างในศตวรรษที่8
หารแห่งนี้มีความสวยงามแบบ Gothic มีเพดานที่เป็นมุมโค้งรูปพัด อันเป็นเอกลักษณ์ อาคารถูกสร้างเป็นมุมฉาก เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยว และที่ศรัทธาของผู้คนในท้องที่ ทั้งยังเป็นที่จัดงานคอนเสิร์ต รอบข้างโบสถ์ยังเป็นหินแกะสลักเรื่องราว ถ้อยคำของผู้คนเพื่อเป็นอนุสรณ์

โชคดีช่วงที่เข้าไป กำลังซ้อมเพลงคริสต์มัต พอดี เลยได้มีโอกาสนั่งฟังคอนเสิร์ตขนาดย่อมๆ ฟังเสียงที่สะท้อนจากในโบสถ์กังวาล และยิ่งใหญ่ เหลือเกิน

หลังจากนั้น มาต่อด้วย
โรมันบาธ (Roman Baths)

โรงอาบน้ำโรมันในยุคโบราณที่มีอายุกว่า 2,000 ปี ที่นี่จัดว่าเป็นสปาที่ดีที่สุดในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ ด้วยอาคารโอ่อ่าและยิ่งใหญ่ที่มีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติในอุณหภูมิประมาณ 46 องศาเซลเซียส สถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งทั้งเสาหิน อาคาร และบ่อน้ำธรรมชาติ
แม้ว่า โรมันบาธ จะเคยถูกชาวโรมันปล่อยทิ้งร้างมานานเป็นร้อยปี แต่โรงอาบน้ำแห่งนี้ก็ได้รับความสนใจจากกษัตริย์อังกฤษในการพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในยุคหลัง ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 มาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
การแก้ไขอีกส่วนหนึ่งก็คือปัญหาของการควบคุมน้ำ แต่เดิมเลยที่นี่จะมีปัญหาน้ำล้นในช่วงฤดูฝนและน้ำน้อยในช่วงฤดูอื่นๆ รวมถึงอุณหภูมิของบ่อน้ำร้อนที่ไม่แน่นอน แต่สองพี่น้องวิศวกรผู้ชาญฉลาดอย่าง จอห์น วู้ด (John Wood) ที่รับหน้าที่เข้ามาดูแลปัญหาในส่วนนี้ ก็ได้ทำให้ทุกคนแปลกใจ ด้วยการใช้ระบบเดินน้ำที่ถือเป็นหลักการใหม่ในยุคนั้นเข้ามาจัดการแบ่งสันปันส่วนระดับน้ำให้มีทั้งโซนน้ำร้อนและโซนน้ำเย็น จนสามารถรักษาระดับน้ำให้คงที่ได้ตลอดทั้งปี

โรมันบาธยังเปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ชั้นเยี่ยมที่มีเงินเหรียญทอง สำริด เสาหินสไตล์ โครินเธียน (Corinthian) และประติมากรรมแกะสลักที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่และชัยชนะของชาวโรมันอีกด้วย

หลังจากนั้นเราเลือกที่เดินเล่นในเมือง เก็บบรรยากาศของ คริสต์มัส ช่วงที่ไปมีตลาดคริสต์มัส หลายที่ด้วยกัน
วันนี้เหนื่อยซะแล้วครับ ช่วงที่ไปมืดค่อนเข้าวเร็ว 5 โมงก็เหมือนสองทุ่มละครับ พวกเราเข้าที่พัก หลับตาปุ๊บ ก็นิ่งกันหมดเลยครับ คงเพราะเดินทางมายาวนาน

วันที่ 2 ตื่นเช้ามาเพื่อเตรียมตัวเดินทาง วันนี้พวกเรามุ่งหน้าสู่ Stone Henge
เราเดินออกจากที่พักเลียบแม่น้ำ AVON ไปเรื่อยๆ เพื่อเก็บบรรยากาศ และมายังสะพาน Pulteny Bridge สะพานเล็กๆข้ามแม่น้ำ AVON

เราจองตั๋วไป Salisbury 8.36  เมืองเล็กๆที่แสนมีเสน่ มีโบสถ์ที่สวยงาม เมื่อไปถึง เดินหา Stonehenge tour ครับ ออกจากสถานีวนมาทางซ้าย จะมีรถจอดอยู่ มีป้าย Stonehenge tour ซื้อตั๋วบนรถได้เลยครับ บางคนก็ซื้อตั๋วออนไลน์มาก่อน ค่าชมคนละ..... ยูโร คุณลุงคนขับให้ตั๋วใบเสร็จ พร้อมโบรชัวร์ พร้อมทั้งกำชับว่าเก็บไว้ให้ดีนะยูว์  อันนี้ไว้เป็นตั๋วขากลับของพวกเราสามคน
หลังจากนั้นแจกหูฟังให้คนละอัน พวกเรารีบขึ้นไปจับจองที่นั่งด้านหน้า เสียบหูฟัง และนั่งรอรถออก  คุณลุงใจเย็นมากๆครับค่อยคิดเงินทอนเงินไปทีละคน สักพักรถก็เริ่มออก รถวิ่งออกไปในเมือง salsbury วนไปมาในแต่ละแยกก็จะมีแนะนำสถานที่ต่างๆ ทั้งซ้ายและขวามือ จอดรับคนเล็กๆน้อยๆ หลังจากนั้น ก็ถึงเวลาออกเดินทางไปยัง Stonehenge