จริง ๆ ผมเคยได้ยินหลายคนเค้าพูดกันมานานแล้วว่า อย่าง ดร.นิเวศน์ เซียนหุ้น VI อันดับ 1 ของเมืองไทย ได้รับเงินปันผลปีละกว่า 300 ล้านบาท (จากพอร์ตมูลค่า 3-4 พันล้านบาท)
แล้วที่สำคัญก็คือว่า ดร.นิเวศน์ ได้เงินปันผลระดับนี้ มานานมากแล้วครับ เกือบ 10 ปี ได้แล้วมั้ง
อันนี้เป็นคลิปรายการของกองทุนบัวหลวง ที่เชิญ ดร.นิเวศน์ มาพูดแสดงทัศนะในเรื่องการลงทุน
ดร.นิเวศน์ พูดเองเลยครับว่า ทุกวันนี้มีผลตอบแทนจากการลงทุน ไม่รวมเงินต้น (ซึ่งก็คือ เงินปันผล นั่นเอง) มีเงินไหลเข้ามาให้ ดร.ใช้เนี่ย เฉลี่ยแล้วได้วันละ 1 ล้านบาท หรือมากกว่า (ผมประมาณไว้ว่าน่าจะ 1.2 - 1.5 ล้านบาท/วัน)
(อยากรู้เรื่อง มีเงินเข้ามาให้ใช้วันละ 1 ล้านบาท ให้ฟังตั้งแต่นาทีที่ 16.30 เป็นต้นไป หรือถ้าให้ดี ควรฟังทั้งคลิปครับ)
ดร. บอกว่า ทุกวันนี้มีเงินไหลเข้ามาให้ใช้วันละ 1 ล้านบาท (ไม่รวมเงินต้น ไม่เกี่ยวกับเงินต้นเลยนะ) แต่ท่านก็กลุ้มนะ เพราะไม่รู้จะใช้ยังไงให้หมด ใช้วันนี้หมด 1 ล้าน พรุ่งนี้ก็มีมาให้ใช้อีก 1 ล้าน แล้วก็จะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต (ถ้าบริษัทที่ ดร. ถือหุ้นอยู่ในพอร์ตไม่เจ๊งไปซะก่อนนะ)
ถามจริง คนเราจะใช้เงินอะไรเยอะแยะ วันละ 1 ล้านบาท นี่เยอะมากนะครับ (แถมมีมาให้ใช้ทุกวัน)
สุดท้าย ดร.นิเวศน์ ก็ให้ทัศนะไว้ว่า พอคนเรามีเยอะมาก ๆ แล้วเนี่ย (อย่าง ดร. วันละ 1 ล้านบาท) .. พอถึงจุด ๆ นึง จะไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้น หรือรู้สึกอะไรเกี่ยวกับเงินแล้ว เพราะมันเยอะจนไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไร (สุดท้ายก็เก็บไว้ลงทุนเพิ่ม หรือบริจาค)
และอีกอย่างก็คือ เงินก็ใช่ว่าจะซื้อความสะดวกสบาย หรือซื้อความสุขให้เราได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ เพราะมีกี่ร้อย กี่พันล้านบาท ก็ซื้อสุขภาพดีไม่ได้ (นอกจากเราจะออกกำลังกายด้วยตัวเอง)
และนี่ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไม ดร.นิเวศน์ ถึงยังใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ไม่จ้างแม่บ้าน ทำความสะอาดบ้านเอง ออกไปเดินห้าง ไปเที่ยวด้วยตัวเอง ซื้อของกิน-ของใช้เอง เพราะอย่างน้อย ก็ให้ร่างกายมันได้ขยับบ้าง ออกแรงบ้าง ร่างกายจะได้แข็งแรง (ตามวัย)
ฟังแบบนี้แล้วก็สบายใจครับ เพราะการลงทุนในหุ้น สามารถสร้างอิสรภาพทางการเงินได้จริง มี ดร.นิเวศน์ ทำสำเร็จให้ดูแล้วจริง ๆ (และได้ฟังจากปาก ดร. เองด้วย)
จริง ๆ แล้ว ถ้าเรายึด ดร. เป็นแบบอย่าง เราเอาเพียงแค่ 10% ของ ดร. นั่นคือ เราได้รับเงินปันผลจากพอร์ต เฉลี่ยวันละ 1 แสนบาท ผมว่า นั่นก็เยอะมาก ๆ แล้วนะครับ (ถามหน่อย มีเงินให้ใช้วันละ 1 แสนบาท คงไม่มีใครเอาเงินไปดาวน์บ้าน ดาวน์รถ กันทุกวี่ ทุกวันหรอกนะ ใช้ชีวิตธรรมดา ๆ กิน-เที่ยว ซื้อของฟุ่มเฟือย ยังไงก็ไม่หมด)
และไม่เพียงแต่เฉพาะแนวทางการลงทุนแบบ VI เท่านั้น แม้แต่การลงทุนแนวเทคนิค หรือสายกราฟ ผมว่าพวกเซียนระดับประเทศ เค้าก็ได้ปันผลระดับนี้เช่นเดียวกับ ดร. เหมือนกัน (เพียงแต่ไม่ได้มานั่งพูดออกสื่อเท่านั้นเอง)
ฉะนั้น ในเมื่อมีเรามี ดร.นิเวศน์ เป็นต้นแบบ ซึ่งท่านก็ได้แสดงให้ดูแล้วว่า สามารถสร้างเงินปันผลเฉลี่ยวันละ 1 ล้านบาท ได้จริง (จากเงินลงทุนก้อนสุดท้ายในชีวิต 10 ล้านบาท ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 มาจนถึงปัจจุบัน และลงทุนถือยาวในแนวทาง VI)
พวกเรา ในฐานะที่ยังเป็นมือใหม่ หรือ อาจจะลงทุนมานานแล้ว ก็สามารถทำแบบ ดร.นิเวศน์ ได้เช่นกัน โดยเริ่มต้นขอเพียงแค่ 10% คือ ปันผลวันละ 1 แสนบาท ให้ได้ก่อน (ผมเชื่อว่า มีบางคนในห้องสินธร ทำได้ตั้งนานแล้ว ที่ได้รับเงินปันผลเกินวันละ 1 แสนบาท)
สุดท้ายนี้ ก็ขอให้ทุกท่าน ตั้งเป้าเอาไว้ ได้เงินปันผลเท่าไหร่ ก็ถือว่าเป็นกำไรจากฝีมือเราเอง ไม่ต้องซีเรียส ลงทุนอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะสาย VI หรือ สายเทคนิค สายกราฟ ก็ขอให้ลงทุนในหุ้นถูกตัว ถูกจังหวะเวลา แล้วประสบความสำเร็จไปด้วยกันครับ
ขอบคุณมากครับ
[คลิป] ดร.นิเวศน์ พูดเองเลยครับ ทุกวันนี้มีเงินเข้ามาให้ใช้ "วันละ 1 ล้านบาท หรือมากกว่า"
แล้วที่สำคัญก็คือว่า ดร.นิเวศน์ ได้เงินปันผลระดับนี้ มานานมากแล้วครับ เกือบ 10 ปี ได้แล้วมั้ง
อันนี้เป็นคลิปรายการของกองทุนบัวหลวง ที่เชิญ ดร.นิเวศน์ มาพูดแสดงทัศนะในเรื่องการลงทุน
ดร.นิเวศน์ พูดเองเลยครับว่า ทุกวันนี้มีผลตอบแทนจากการลงทุน ไม่รวมเงินต้น (ซึ่งก็คือ เงินปันผล นั่นเอง) มีเงินไหลเข้ามาให้ ดร.ใช้เนี่ย เฉลี่ยแล้วได้วันละ 1 ล้านบาท หรือมากกว่า (ผมประมาณไว้ว่าน่าจะ 1.2 - 1.5 ล้านบาท/วัน)
(อยากรู้เรื่อง มีเงินเข้ามาให้ใช้วันละ 1 ล้านบาท ให้ฟังตั้งแต่นาทีที่ 16.30 เป็นต้นไป หรือถ้าให้ดี ควรฟังทั้งคลิปครับ)
ดร. บอกว่า ทุกวันนี้มีเงินไหลเข้ามาให้ใช้วันละ 1 ล้านบาท (ไม่รวมเงินต้น ไม่เกี่ยวกับเงินต้นเลยนะ) แต่ท่านก็กลุ้มนะ เพราะไม่รู้จะใช้ยังไงให้หมด ใช้วันนี้หมด 1 ล้าน พรุ่งนี้ก็มีมาให้ใช้อีก 1 ล้าน แล้วก็จะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต (ถ้าบริษัทที่ ดร. ถือหุ้นอยู่ในพอร์ตไม่เจ๊งไปซะก่อนนะ)
ถามจริง คนเราจะใช้เงินอะไรเยอะแยะ วันละ 1 ล้านบาท นี่เยอะมากนะครับ (แถมมีมาให้ใช้ทุกวัน)
สุดท้าย ดร.นิเวศน์ ก็ให้ทัศนะไว้ว่า พอคนเรามีเยอะมาก ๆ แล้วเนี่ย (อย่าง ดร. วันละ 1 ล้านบาท) .. พอถึงจุด ๆ นึง จะไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้น หรือรู้สึกอะไรเกี่ยวกับเงินแล้ว เพราะมันเยอะจนไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไร (สุดท้ายก็เก็บไว้ลงทุนเพิ่ม หรือบริจาค)
และอีกอย่างก็คือ เงินก็ใช่ว่าจะซื้อความสะดวกสบาย หรือซื้อความสุขให้เราได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ เพราะมีกี่ร้อย กี่พันล้านบาท ก็ซื้อสุขภาพดีไม่ได้ (นอกจากเราจะออกกำลังกายด้วยตัวเอง)
และนี่ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไม ดร.นิเวศน์ ถึงยังใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ไม่จ้างแม่บ้าน ทำความสะอาดบ้านเอง ออกไปเดินห้าง ไปเที่ยวด้วยตัวเอง ซื้อของกิน-ของใช้เอง เพราะอย่างน้อย ก็ให้ร่างกายมันได้ขยับบ้าง ออกแรงบ้าง ร่างกายจะได้แข็งแรง (ตามวัย)
ฟังแบบนี้แล้วก็สบายใจครับ เพราะการลงทุนในหุ้น สามารถสร้างอิสรภาพทางการเงินได้จริง มี ดร.นิเวศน์ ทำสำเร็จให้ดูแล้วจริง ๆ (และได้ฟังจากปาก ดร. เองด้วย)
จริง ๆ แล้ว ถ้าเรายึด ดร. เป็นแบบอย่าง เราเอาเพียงแค่ 10% ของ ดร. นั่นคือ เราได้รับเงินปันผลจากพอร์ต เฉลี่ยวันละ 1 แสนบาท ผมว่า นั่นก็เยอะมาก ๆ แล้วนะครับ (ถามหน่อย มีเงินให้ใช้วันละ 1 แสนบาท คงไม่มีใครเอาเงินไปดาวน์บ้าน ดาวน์รถ กันทุกวี่ ทุกวันหรอกนะ ใช้ชีวิตธรรมดา ๆ กิน-เที่ยว ซื้อของฟุ่มเฟือย ยังไงก็ไม่หมด)
และไม่เพียงแต่เฉพาะแนวทางการลงทุนแบบ VI เท่านั้น แม้แต่การลงทุนแนวเทคนิค หรือสายกราฟ ผมว่าพวกเซียนระดับประเทศ เค้าก็ได้ปันผลระดับนี้เช่นเดียวกับ ดร. เหมือนกัน (เพียงแต่ไม่ได้มานั่งพูดออกสื่อเท่านั้นเอง)
ฉะนั้น ในเมื่อมีเรามี ดร.นิเวศน์ เป็นต้นแบบ ซึ่งท่านก็ได้แสดงให้ดูแล้วว่า สามารถสร้างเงินปันผลเฉลี่ยวันละ 1 ล้านบาท ได้จริง (จากเงินลงทุนก้อนสุดท้ายในชีวิต 10 ล้านบาท ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 มาจนถึงปัจจุบัน และลงทุนถือยาวในแนวทาง VI)
พวกเรา ในฐานะที่ยังเป็นมือใหม่ หรือ อาจจะลงทุนมานานแล้ว ก็สามารถทำแบบ ดร.นิเวศน์ ได้เช่นกัน โดยเริ่มต้นขอเพียงแค่ 10% คือ ปันผลวันละ 1 แสนบาท ให้ได้ก่อน (ผมเชื่อว่า มีบางคนในห้องสินธร ทำได้ตั้งนานแล้ว ที่ได้รับเงินปันผลเกินวันละ 1 แสนบาท)
สุดท้ายนี้ ก็ขอให้ทุกท่าน ตั้งเป้าเอาไว้ ได้เงินปันผลเท่าไหร่ ก็ถือว่าเป็นกำไรจากฝีมือเราเอง ไม่ต้องซีเรียส ลงทุนอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะสาย VI หรือ สายเทคนิค สายกราฟ ก็ขอให้ลงทุนในหุ้นถูกตัว ถูกจังหวะเวลา แล้วประสบความสำเร็จไปด้วยกันครับ
ขอบคุณมากครับ