เรื่อง เล่าเรื่องไปคำชะโนด (วังนาคินทร์)
สวัสดีครับ ผมเป็นคนสายวิทยาศาสตร์ สายเทคโนโลยี สร้างเทคโนโลยีเกี่ยวกับงานวิศวกรรมซอฟต์แวร์ให้คนใช้มากมายในสังคม
แต่ผมเป็นหนึ่งในคนที่ เชื่อ เรื่องวิญญาณ และสิ่งเร้นลับเหนือธรรมชาติ
“คำชะโนด” ชื่อนี้ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็ก สมัยที่มีตำนานผีจ้างหนังคึกโคมกันในช่วงนั้น แต่ตัวผมเองเพิ่งไปมาครั้งแรกเมื่อ
วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๕๙ ที่ผ่านมา
ก่อนอื่นผมต้องขอท้าวความก่อน เมื่อ ๒ ปีที่แล้ว เคยดูรายการ รายการหนึ่ง โดยมีหมอดูชื่อดัง ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับ
วังนาคินทร์ทร์คำชะโนด ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลื่องชื่อลือนาม อยู่ที่อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
ส่วนตัวผมแล้วคิดว่าไม่มีโอกาสได้ไป เนื่องจากอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานีอยู่ไกลจากบ้านผมมาก
เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ผมไหว้พระสวดมนต์ที่บ้านกรุงเทพ ผมมีจิตเลื่อมใส ศรัทธา อยากไปสักการะบูชา "จ้าวปู่ศรีสุทโธ" และ "จ้าวย่าศรีปทุมมา" ที่คำชะโนดสักครั้งในชีวิต ก็เลยตั้งจิตอธิษฐานขอให้ได้มีโอกาสไปสักการะบูชาสักครั้ง แล้วเวลาก็ผ่านล่วงเลยไปประมาณ ๒ ปี
เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๕๙ ผมมีโอกาสเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดที่หนองบัวลำภูและได้เดินทางไปส่งงานลูกค้าที่จังหวัดอุดรธานี
แฟนโทรมาบอกว่า “ที่บ้านจะไปคำชะโนด จะไปด้วยไหม”
ใจเราก็ห่วงงาน ว่าจะเสร็จทันไหม แต่สุดท้ายก็เลยตัดสินใจตอบตกลงว่า “ไป”
ใช้เวลาขับรถจากตัวเมืองจังหวัดอุดรธานี ถึง คำชะโนด อำเภอบ้านดุง ประมาณเกือบ ๒ ชั่วโมง ด้วยความที่ไม่คุ้นชินกับถนนหนทาง ทำให้ต้องใช้เวลาขับรถที่ยาวนาน
เมื่อเดินทางถึงหมู่บ้านที่ตั้งของคำชะโนด สองข้างทางเรียงรายไปด้วยพานบายศรี กระทง พญานาค ที่ชาวบ้านนำมาวางขาย มีความขลังความสวยงาม ความประณีตอยู่ในตัว
ด้วยความที่ช่วงนั้นเป็นช่วงของงานปีใหม่ไทย ทำให้ประชาชนชาวพุทธผู้เลื่อมใสในศรัทธาองค์พญานาค หลั่งไหลกันมาทำบุญอย่างไม่ขาดสาย ทำให้จราจรติดขัดตั้งแต่ทางเข้าวัดศิริสุทโธ ซึ่งเป็นประตูสู่สะพานเดินข้ามไปยังวังนาคินทร์ หรือ คำชะโนด นั่นเอง
ระหว่างนั้นวิวข้างทางด้านซ้าย เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก เป็นวิวของเกาะคำชะโนด ต้นชะโนดสูงมาก สูงจริงๆ มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ มีลักษณะรกทึบ มองดูแล้วถึงกับขนลุกเลยทีเดียว
เมื่อสี่ล้อจอดเทียบลานจอดรถบริเวณวัด ผมรู้สึกจิตใจสดใสขึ้นมาทันที เปิดประตูรถออกไป แสงแดดเดือนธันวาคมหน้าหนาวกลางวันแดดค่อนข้างแรง ทำให้ร่างกายโดนแผดเผาไปทั่วร่าง
เมื่อเดินไปสู่ประตูวังนาคินทร์ ปรากฏว่าประชาชนเยอะมาก ต่อแถวกันเดินเข้าไปสู่วังนาคินทร์อย่างใจจดใจจ่อ
ผมเริ่มถอดใจแล้ว ด้วยความที่ตอนนั้นเวลา ประมาณบ่ายสองโมงแล้ว กลัวกลับบ้านหนองบัวลำภูด้วยระยะทางเกือบสองร้อยกิโลเมตรค่ำมืด แต่ก็ต้องเข้าไป เพราะมาถึงประตูทางเข้าแล้ว จะไม่เข้าไปก็เสียดาย ก็เลยต้องต่อแถวเข้าไปสู่วังนาคินทร์
ระหว่างที่เดินบนสะพานที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกบาดาล (ตามความเชื่อ) นั้น ระหว่างทางมีเสียงเจี้ยวจ้าวจากประชาชนผู้มาแสวงบุญ รวมถึงเสียงจากเครื่องไฟ กระจายข่าวที่อยู่วัดหน้าทางเข้าประตูวังนาคินทร์ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร สองมือพิมพ์แชทโซเชียลที่หน้าจอโทรศัพท์ ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นสัญญาณโทรศัพท์ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็ไม่มีสัญญาณ
ผมเกิดอาการแปลกใจ จึงได้มองไปบริเวณรอบๆตัว ก็พบว่า ตนเองได้ยืนอยู่บนสะพานบริเวณกลางลำน้ำซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างทางเดินจากวัดศิริสุทโธกับเกาะคำชะโนด และผมยังได้ทำการ capture หน้าจอโทรศัพท์ตอนที่ไม่มีสัญญาณไว้อีกด้วย เพราะรู้สึกว่า
เออมันแปลกดี !!! ในทางวิทยาศาสตร์อาจจะมองว่าเป็นเรื่องของการเดินผ่านจุดเชื่อมต่อสัญญาณ ฯลฯ แต่ในทางความเชื่อส่วนบุคคลคงปฏิเสธไม่ได้ว่า นั่นคือประตูเขตแดนระหว่างโลกมนุษย์กับดินแดนแห่งวังนาคินทร์ เมืองพญานาคราช
จากนั้นก็ได้เดินต่อไปเรื่อยๆ สังเกตุอีกที สัญญาณโทรศัพท์ก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
จากนั้นพอเดินเข้าไปซักพัก ก็ตื่นตาตื่นใจกับต้นชะโนดที่สูงใหญ่ ร่มรื่น สังเกตุเห็นรังผึ้งขนาดใหญ่อยู่บนยอดไม้ แล้วก็มีการปะแป้งให้กับลำต้นของต้นชะโนด ตามทางเดินประปรายกับไป สภาพบริเวณโดยรอบอุดมสมบูรณ์ พื้นดินชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ
เมื่อเดินมาได้ระยะทางประมาณ ๒๐๐ เมตร ก็เข้าสู่ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ วังนาคินทร์คำชะโนด บรรยากาศบริเวณโดยรอบเย็นสบาย พื้นที่เราเดินก็เย็นเท้า ที่สำคัญเสียงเพลงและการประกาศประชาสัมพันธ์ที่เปิดอยู่ทางวัดศิริสุทโธที่อยู่อีกฝั่งก็แทบจะไม่ได้ยินเลย ระหว่างนั้นก็ได้เดินไปกราบนมัสการศาล "จ้าวปู่ศรีสุทโธ" และ "จ้าวย่าศรีปทุมมา" ขอพรตามที่ตนเองได้ประสงค์ไว้ และเดินไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อตักน้ำมาลูบหน้า รดหัวเพื่อเป็นศิริมงคลกับตนเอง
พอเสร็จจากภาระกิจบนเกาะคำชะโนดแล้วก็เดินทางกลับ อยู่นานไม่ได้ เพราะประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทะยอยเดินทางหลั่งไหลกันมาเรื่อยๆ อย่างไม่ขาดสาย ทำให้มีพื้นที่บนเกาะคำชะโนด แออัดจนไม่มีแม้กระทั่งที่นั่ง นั่นแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อและความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อองค์พญานาคราชมีอย่างล้นหลาม
เมื่อเดินทางถึงบ้าน
คืนแรกในคืนนั้น ผมฝันว่า ผมเดินทางไปคำชะโนด พอไปยืนอยู่หน้าทางเดินเข้าสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างวัดศิริสุทโธกับเกาะคำชะโนด
ผมเห็นขบวนผู้ชายนุ่งโจงกระเบนสีแดง ไม่ใส่เสื้อ เดินต่อแถว ๒ แถว ออกมาจากเกาะคำชะโนด ไม่พูดไม่จา ใบหน้าเป็นสีเขียวมรกตทุกคน เดินออกมาเยอะมาก ผมก็เลยสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งสวดมนต์ภาวนาจนถึงรุ่งเช้า ในใจก็คิดว่า สิ่งที่เราฝันถึงนั้นคืออะไร จะใช่ในสิ่งที่เราเชื่อหรือเปล่า แต่ก็ได้แต่คิดครับ เพราะในทางหลักวิทยาศาสตร์นั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ในการไปครั้งนี้ก็อิ่มบุญอิ่มใจ ดีใจที่ได้เห็น ดีใจที่ได้ไปสักการะบูชา มีโอกาสก็อยากไปอีกครับ
สุดท้ายก็เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ และจงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ขอบคุณครับ.
[CR] เรื่อง เล่าเรื่องไปคำชะโนด (วังนาคินทร์)
สวัสดีครับ ผมเป็นคนสายวิทยาศาสตร์ สายเทคโนโลยี สร้างเทคโนโลยีเกี่ยวกับงานวิศวกรรมซอฟต์แวร์ให้คนใช้มากมายในสังคม
แต่ผมเป็นหนึ่งในคนที่ เชื่อ เรื่องวิญญาณ และสิ่งเร้นลับเหนือธรรมชาติ
“คำชะโนด” ชื่อนี้ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็ก สมัยที่มีตำนานผีจ้างหนังคึกโคมกันในช่วงนั้น แต่ตัวผมเองเพิ่งไปมาครั้งแรกเมื่อ
วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๕๙ ที่ผ่านมา
ก่อนอื่นผมต้องขอท้าวความก่อน เมื่อ ๒ ปีที่แล้ว เคยดูรายการ รายการหนึ่ง โดยมีหมอดูชื่อดัง ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับ
วังนาคินทร์ทร์คำชะโนด ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลื่องชื่อลือนาม อยู่ที่อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
ส่วนตัวผมแล้วคิดว่าไม่มีโอกาสได้ไป เนื่องจากอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานีอยู่ไกลจากบ้านผมมาก
เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ผมไหว้พระสวดมนต์ที่บ้านกรุงเทพ ผมมีจิตเลื่อมใส ศรัทธา อยากไปสักการะบูชา "จ้าวปู่ศรีสุทโธ" และ "จ้าวย่าศรีปทุมมา" ที่คำชะโนดสักครั้งในชีวิต ก็เลยตั้งจิตอธิษฐานขอให้ได้มีโอกาสไปสักการะบูชาสักครั้ง แล้วเวลาก็ผ่านล่วงเลยไปประมาณ ๒ ปี
เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๕๙ ผมมีโอกาสเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดที่หนองบัวลำภูและได้เดินทางไปส่งงานลูกค้าที่จังหวัดอุดรธานี
แฟนโทรมาบอกว่า “ที่บ้านจะไปคำชะโนด จะไปด้วยไหม”
ใจเราก็ห่วงงาน ว่าจะเสร็จทันไหม แต่สุดท้ายก็เลยตัดสินใจตอบตกลงว่า “ไป”
ใช้เวลาขับรถจากตัวเมืองจังหวัดอุดรธานี ถึง คำชะโนด อำเภอบ้านดุง ประมาณเกือบ ๒ ชั่วโมง ด้วยความที่ไม่คุ้นชินกับถนนหนทาง ทำให้ต้องใช้เวลาขับรถที่ยาวนาน
เมื่อเดินทางถึงหมู่บ้านที่ตั้งของคำชะโนด สองข้างทางเรียงรายไปด้วยพานบายศรี กระทง พญานาค ที่ชาวบ้านนำมาวางขาย มีความขลังความสวยงาม ความประณีตอยู่ในตัว
ด้วยความที่ช่วงนั้นเป็นช่วงของงานปีใหม่ไทย ทำให้ประชาชนชาวพุทธผู้เลื่อมใสในศรัทธาองค์พญานาค หลั่งไหลกันมาทำบุญอย่างไม่ขาดสาย ทำให้จราจรติดขัดตั้งแต่ทางเข้าวัดศิริสุทโธ ซึ่งเป็นประตูสู่สะพานเดินข้ามไปยังวังนาคินทร์ หรือ คำชะโนด นั่นเอง
ระหว่างนั้นวิวข้างทางด้านซ้าย เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก เป็นวิวของเกาะคำชะโนด ต้นชะโนดสูงมาก สูงจริงๆ มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ มีลักษณะรกทึบ มองดูแล้วถึงกับขนลุกเลยทีเดียว
เมื่อสี่ล้อจอดเทียบลานจอดรถบริเวณวัด ผมรู้สึกจิตใจสดใสขึ้นมาทันที เปิดประตูรถออกไป แสงแดดเดือนธันวาคมหน้าหนาวกลางวันแดดค่อนข้างแรง ทำให้ร่างกายโดนแผดเผาไปทั่วร่าง
เมื่อเดินไปสู่ประตูวังนาคินทร์ ปรากฏว่าประชาชนเยอะมาก ต่อแถวกันเดินเข้าไปสู่วังนาคินทร์อย่างใจจดใจจ่อ
ผมเริ่มถอดใจแล้ว ด้วยความที่ตอนนั้นเวลา ประมาณบ่ายสองโมงแล้ว กลัวกลับบ้านหนองบัวลำภูด้วยระยะทางเกือบสองร้อยกิโลเมตรค่ำมืด แต่ก็ต้องเข้าไป เพราะมาถึงประตูทางเข้าแล้ว จะไม่เข้าไปก็เสียดาย ก็เลยต้องต่อแถวเข้าไปสู่วังนาคินทร์
ระหว่างที่เดินบนสะพานที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกบาดาล (ตามความเชื่อ) นั้น ระหว่างทางมีเสียงเจี้ยวจ้าวจากประชาชนผู้มาแสวงบุญ รวมถึงเสียงจากเครื่องไฟ กระจายข่าวที่อยู่วัดหน้าทางเข้าประตูวังนาคินทร์ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร สองมือพิมพ์แชทโซเชียลที่หน้าจอโทรศัพท์ ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นสัญญาณโทรศัพท์ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็ไม่มีสัญญาณ
ผมเกิดอาการแปลกใจ จึงได้มองไปบริเวณรอบๆตัว ก็พบว่า ตนเองได้ยืนอยู่บนสะพานบริเวณกลางลำน้ำซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างทางเดินจากวัดศิริสุทโธกับเกาะคำชะโนด และผมยังได้ทำการ capture หน้าจอโทรศัพท์ตอนที่ไม่มีสัญญาณไว้อีกด้วย เพราะรู้สึกว่า
เออมันแปลกดี !!! ในทางวิทยาศาสตร์อาจจะมองว่าเป็นเรื่องของการเดินผ่านจุดเชื่อมต่อสัญญาณ ฯลฯ แต่ในทางความเชื่อส่วนบุคคลคงปฏิเสธไม่ได้ว่า นั่นคือประตูเขตแดนระหว่างโลกมนุษย์กับดินแดนแห่งวังนาคินทร์ เมืองพญานาคราช
จากนั้นก็ได้เดินต่อไปเรื่อยๆ สังเกตุอีกที สัญญาณโทรศัพท์ก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
จากนั้นพอเดินเข้าไปซักพัก ก็ตื่นตาตื่นใจกับต้นชะโนดที่สูงใหญ่ ร่มรื่น สังเกตุเห็นรังผึ้งขนาดใหญ่อยู่บนยอดไม้ แล้วก็มีการปะแป้งให้กับลำต้นของต้นชะโนด ตามทางเดินประปรายกับไป สภาพบริเวณโดยรอบอุดมสมบูรณ์ พื้นดินชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ
เมื่อเดินมาได้ระยะทางประมาณ ๒๐๐ เมตร ก็เข้าสู่ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ วังนาคินทร์คำชะโนด บรรยากาศบริเวณโดยรอบเย็นสบาย พื้นที่เราเดินก็เย็นเท้า ที่สำคัญเสียงเพลงและการประกาศประชาสัมพันธ์ที่เปิดอยู่ทางวัดศิริสุทโธที่อยู่อีกฝั่งก็แทบจะไม่ได้ยินเลย ระหว่างนั้นก็ได้เดินไปกราบนมัสการศาล "จ้าวปู่ศรีสุทโธ" และ "จ้าวย่าศรีปทุมมา" ขอพรตามที่ตนเองได้ประสงค์ไว้ และเดินไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อตักน้ำมาลูบหน้า รดหัวเพื่อเป็นศิริมงคลกับตนเอง
พอเสร็จจากภาระกิจบนเกาะคำชะโนดแล้วก็เดินทางกลับ อยู่นานไม่ได้ เพราะประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทะยอยเดินทางหลั่งไหลกันมาเรื่อยๆ อย่างไม่ขาดสาย ทำให้มีพื้นที่บนเกาะคำชะโนด แออัดจนไม่มีแม้กระทั่งที่นั่ง นั่นแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อและความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อองค์พญานาคราชมีอย่างล้นหลาม
เมื่อเดินทางถึงบ้าน
คืนแรกในคืนนั้น ผมฝันว่า ผมเดินทางไปคำชะโนด พอไปยืนอยู่หน้าทางเดินเข้าสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างวัดศิริสุทโธกับเกาะคำชะโนด
ผมเห็นขบวนผู้ชายนุ่งโจงกระเบนสีแดง ไม่ใส่เสื้อ เดินต่อแถว ๒ แถว ออกมาจากเกาะคำชะโนด ไม่พูดไม่จา ใบหน้าเป็นสีเขียวมรกตทุกคน เดินออกมาเยอะมาก ผมก็เลยสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งสวดมนต์ภาวนาจนถึงรุ่งเช้า ในใจก็คิดว่า สิ่งที่เราฝันถึงนั้นคืออะไร จะใช่ในสิ่งที่เราเชื่อหรือเปล่า แต่ก็ได้แต่คิดครับ เพราะในทางหลักวิทยาศาสตร์นั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ในการไปครั้งนี้ก็อิ่มบุญอิ่มใจ ดีใจที่ได้เห็น ดีใจที่ได้ไปสักการะบูชา มีโอกาสก็อยากไปอีกครับ
สุดท้ายก็เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ และจงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ขอบคุณครับ.