cnck.....สอนลูก.....ทำการค้า (3) ตอน อย่าผลักศัตรูที่อ่อนแอกว่าออกจากสมรภูมิ

เขียนเรื่องสอนลูกทำการค้ามา 2 ตอน ดีใจที่มีคนเข้ามาอ่านพอสมควร

https://ppantip.com/topic/35911522

https://ppantip.com/topic/35924875

วันนี้เลยมาเขียนตอนที่ 3 ที่ยังคงเป็นบทสนทนาในคืนนั้นอยู่


ลูก......   พ่อ โรงงาน A ที่ทำของให้เรา พ่อคุมเขาได้ไม่ใช่หรือ ?

cnck....  แล้วไง ?

ลูก.......ทำไมพ่อไม่ให้เขาขายเราคนเดียว คู่แข่งเราอีก 3 คนจะได้ไม่มีของขาย

cnck....งั้นตอบคำถามพ่อก่อน คู่แข่ง 3 คนนี้ เทียบกับเราแล้วเป็นไง

ลูก..... ก็เล็กกว่าเราทั้ง 3 เจ้า

cnck....งั้นฟังนะ


โรงงานนี้ ค้าขายกับเรามาเกือบ 40 ปีแล้ว คู่แข่งเราทั้ง 3 คนก็ค้ากับโรงงานนี้ไล่เลี่ยกับเรา

ที่ผ่านมาโรงงานนี้มันเกรงใจร้านเรามากที่สุดเพราะเราช่วยมันมาตลอด

แต่ตลอดเวลาพ่อไม่เคยบังคับให้มันขายเราคนเดียวเพราะอะไรรู้เปล่า

เพราะพ่อรู้ว่าทั้ง 3 เจ้านี้มันสู้เราไม่ได้ไง


ลองคิดดู ถ้าเราบีบให้โรงงานขายเราคนเดียว โรงงานก็จะให้เราแบกสต็อกของอีก 3 เจ้า

ซึ่งเท่ากับเราต้องสต็อกเพิ่มขึ้น แล้วถามหน่อยอีก 3 เจ้าเขาต้องดิ้นรนหาแหล่งใหม่หรือเปล่า ?

ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ผลที่ตามมาก็จะมี 2 กรณีคือ


กรณีที่พวกเขาคนใดคนหนึ่งหาแหล่งใหม่ได้  ก็ต้องมาสู้กับเรา ถึงตอนนั้น

เราจะเสียเปรียบ เพราะเราแบกโรงงานนี้อยู่  ทิ้งเขาก็ไม่ได้ เพราะเราเป็นฝ่ายขอร้องเขาให้มาอยู่กับเรา

เกมส์นี้โอกาสที่เราจะเสียหายมีมาก


กรณีที่เขาหาแหล่งใหม่ไม่ได้ เขาอาจจะเลิกไม่ค้าหมวดนี้ แต่คนอื่นเมื่อเห็นว่าเราค้าคนเดียว

ก็จะเข้ามาร่วมวงด้วย และถ้าบังเอิญคนใหม่แข็งแรงกว่าเรา หาแหล่งได้ดีกว่าเรา

คนที่จะออกจากตลาดนี้ไปก็คือเรา


เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ 1 หรือ 2 ไม่เป็นผลดีกับร้านเราทั้งสิ้น สู้อยู่แบบเราเหนือกว่าอย่างนี้ดีแล้ว


ลูก.....แล้วจะแก้ปัญหาพวกเขาตัดราคาได้ไง ?

cnck.....วิธีแก้คือ

สินค้าที่โรงงานนี้ทำทั้งหมดมี 40 กว่า ITEMS แต่ในนี้เป็นเบอร์ที่ขายดีที่สุดประมาณ 8 items

สองวันนี้ถ้าว่าง เรียกโรงงานมาคุย แล้ว make story ขึ้นมาว่า

เรารับออร์เดอร์จากเมืองนอกมา เป็นเบอร์ที่ขายดี 5 เบอร์ ซึ่งทั้ง 5 เบอร์นี้

ให้เขาทำให้เราจนกว่าเราจะบอกว่าพอ อย่าพึ่งส่งให้คนอื่น

ซึ่งโรงงานก็ต้องรับปาก เมื่อนั้น คู่แข่งเราก็จะไม่มีสินค้าที่ขายดี 5 เบอร์ในช่วงนี้

และถ้าลูกเป็นลูกค้า ถามว่า "ถ้าต้องการสั่งสินค้า 10 อย่าง จะเลือกสั่งร้านที่ราคาถูกกว่ากันนิดหน่อย แต่ของไม่ครบ

หรือสั่งร้านที่ราคาสูงกว่าเล็กน้อย แต่มีของครบ "


ถ้าเราทำแบบนี้ สินค้าเราก็ไม่จำเป็นที่ต้องลดราคาลงมาสู้ ดูเผินๆอาจจะต้องแบกสต็อกเพิ่ม

แต่ถ้าได้ออร์เดอร์จากลูกค้าของคู่แข่งเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่ต้องแข่งเรื่องราคาก็คุ้มอยู่

แต่วิธีนี้ ให้ใช้เป็นระยะๆ ประมาณ 2 เดือนปล่อย 1 เดือน

ลูก....อ้าวทำไมล่ะ ?

cnck....เพราะถ้าเราทำต่อเนื่องเป็นเวลายาวจนเกินไป คู่แข่งจะรู้ตัว แล้วเขาก็จะดิ้นรน

หาวิธีมาต่อสู้ ก็จะไปเข้าเคสข้อ 1 และ 2 ตามข้างบน จำไว้อย่างหนึ่งว่า

"การค้าถ้าเปรียบเป็นสงครามก็เป็นสงครามที่ไม่มีวันจบ เพราะฉะนั้นอย่าคิดจบสงครามแบบเด็ดขาด

เพราะเป็นไปไม่ได้"
  วิธีนี้จะตรงกับกลยุทธ์ที่ 16 ใน 36 กลยุทธ์ที่ชื่อว่า

"จับแต่แกล้งปล่อย"  欲擒鼓纵



ลูก......พอเข้าใจแล้ว แต่พ่อจะรู้ได้อย่างไรว่า โรงงานนี้ขายเราถูกกว่าคู่แข่ง

cnck....งั้นถามกลับ เคยสงสัยไหมว่า "พ่อสั่งลูกว่าให้โรงงานนี้แลกเช็คคนเดียว"

โดยมีข้อแม้ว่าต้องเป็นเช็คคู่แข่งเราทั้ง 3 คนนี้เท่านั้น

ลูก..... นั่นดิพ่อ แถมทำไมคิดดอกเบี้ยเขาแค่ร้อยละ 3 สตางค์ ต่อวันเท่านั้น เท่ากับตรงนี้

เราเอา OD แบงค์มากำไรนิดเดียวไม่คุ้มเลย

cnck....การที่เราคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำขนาดนี้ มองเผินๆเราอาจจะเสียเปรียบ

แต่โรงงานต้องซึ้งบุญคุณเรา เพราะถ้าเขาไปแลกคนอื่น จะเจอดอกร้อยละ 2 บาทต่อเดือนซึ่งถ้า

คิดเป็นตัวเงินเดือนหนึ่งจะแพงกว่ากันเกือบสองหมื่นบาท สำหรับโรงงานหรือคนร้อนเงินจะถือว่ามาก

เหตุนี้เขาถึงเกรงใจเรา

อีกอย่างการที่บอกว่า "รับแลกเฉพาะที่เป็นคู่แข่งเรา 3 คน" เราก็จะรู้ความเคลื่อนไหวของ 3 คนนี้ตลอดเวลา

เปรียบเหมือนกับพวกเขาแก้ผ้าให้เราดู ถ้าวันนึงมีการเปลี่ยนแปลงเราก็จะป้องกันได้ทันที


ลูก..... ถึงแม้เราจะรู้ว่า คู่แข่งเราซื้อกับโรงงานนี้เท่าไหร่ แต่เราจะรู้ยังไงว่า เขาขายเราถูกกว่า

cnck.....คำถามนี้ดีนะ


เคยสงสัยไหมว่า เวลาคนขับรถโรงงานนี้มาส่งของ ทำไมถึงมาส่งร้านเราก่อน ทั้งๆที่ตามเส้นทางควรไปส่ง

ร้านคู่แข่งทั้ง 3 เจ้าก่อน


คำตอบคือ เพราะพ่อบอกคนขับรถไว้ก่อนแล้ว ถามว่าทำไมมันต้องเชื่อฟังพ่อ

เพราะเวลามันมาส่ง พ่อก็ซื้อน้ำบ้าง ก๋วยเตี๋ยวบ้างเลี้ยงมันตลอด

บางครั้งมันเดือดร้อนเงิน พัน สองพัน พ่อก็ช่วยมัน เพราะฉะนั้นด้วยผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆที่ติดสินบนมัน

เวลาพ่อบอกอะไร มันก็ไม่กล้าปฏิเสธ เเม้กระทั่งขอดูบิลที่มันส่งคู่แข่งเรา

มันก็หยิบให้แต่โดยดี พ่อถึงรู้ว่า โรงงานคิดคนอื่นแพงกว่าเราไม่น้อยกว่า 5%


ลูกไม้นี้เป็นกลยุทธ์ที่ 33 ใน 36 กลยุทธ์ที่ชื่อว่า จารชน 反间计




ลูก.....เริ่มเข้าใจแล้ว ในเมื่อเราคุมสินค้ากลุ่มนี้แล้ว ทำไมเราต้องติดต่อโรงงานเมืองนอกอีก?

cnck..... การที่เราติดต่อต่างประเทศ เป็นการเผื่ออนาคตข้างหน้า การค้าไม่มีอะไรแน่นอน

การหาสำรองไว้เป้นเรื่องที่ต้องคิด ต้องทำตลอดเวลา


ในช่วงปีหน้า (2560) สถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนต้องผันผวน

รัฐบาลทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศเรา อยากให้เงินบาทอ่อน เพราะจะมีผลทำให้ภาคการส่งออกได้เงินมากขึ้น

อีกทั้งยังช่วยเรื่องการท่องเที่ยวอีกด้วย เพราะถ้า บาทอ่อน ก็จะเป็นแรงจูงใจให้ต่างชาติ

มาเที่ยวบ้านเรา ซึ่งถ้า ส่งออก กับ ท่องเที่ยว เป็นบวก GDP ก็จะโต เมื่อนั้นเศรษฐกิจก็จะดี ขอเพียงรัฐบาล

จัดการปัญหาภายในให้เรียบร้อย อย่าให้มีอะไรแทรกซ้อน



ส่วนพวกเราเป็นพวกผู้นำเข้า ต้องระวังเป็นพิเศษ เมื่อไรมีการนำเข้าต้อง fix rate ทันที ต้นทุนถึงจะคงที่

ปีนี้จะเป็นปีที่ยากต่อการทำการค้า เพราะต้องระวังหลายเรื่อง แต่ถ้าดูตามสถิติ เศรษฐกิจโลกจะแย่ก็ไม่เกิน 4 ปี

นี่มันก็ผ่านไป 3 ปีแล้ว มองในแง่ดี ถ้าจะแย่ก็น่าจะเป็นปีสุดท้าย แต่ไม่น่าเป็นเพราะ

"รัฐบาลโดยท่าน นายก ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตาม โรดแม็บ ซึ่งหมายถึงว่า จะมีเลือกตั้งในปีนี้

หรืออย่างช้าที่สุดต้นปีหน้า"



ป.ล  ท่อนสุดท้าย ไม่ได้สนทนากับลูก แต่เขียนไว้เพื่อจะได้ Tag ห้องการเมือง

ป.ล 2 ช่วงเดือนธันวาคม เงินสกุลเอเชีย อ่อนค่าไปมากเมื่อเทียบกับ usd

ป.ล 3 ถ้ายังมีคนอ่านกระทู้นี้ ก็จะเขียนตอนที่ 4 เพิ่มยอดขายโดยไม่เพิ่มทุน

ป.ล 4 สรุปกระทู้นี้ก็คือ "อย่าให้คู่แข่งหรือศัตรูที่อ่อนกว่าเราออกนอกสมรภูมิ"

ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราเป็นฝ่ายด้อยกว่า ถ้าไม่มีทางแก้ไข ให้รีบออกจากสมรภูมิทันที

อย่ากลัวเสียหน้า อย่ามีอีโก้สูงจนเกินไป

ป.ล 5 บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าเราเสียเปรียบ แต่ความเป็นจริงแล้ว เรากลับได้ประโยชน์มากกว่า

เพราะฉะนั้น "อย่าฉลาดในทุกเรื่อง"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่