สวัสดีปีใหม่ค่ะ. ขอให้ทุกๆท่านมีความสุขความเจริญถ้วนหน้ากัน คิดสิ่งใดขอให้สมความปรารถนา สาธุ
ดิฉันห่างเหินกับการเขียนบทความไปนานเพราะภาระกิจสารพัดรอบตัว แต่ฤดูหนาวนี้...ว่างเยอะค่ะ
เลยทำงานชิ้นนี้...เพราะตั้งใจมานานแล้วว่าจะเล่าสู่กันฟังเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่เราจะได้ชมภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ด เรื่อง Dunkirk (ไม่ทราบว่าภาษาไทยจะตั้งชื่อว่าอะไร" แถมกำลังจะตามในปีต่อไปอีกหลายเรื่องในแนวเดียวกัน เพราะหนังสงครามแบบนี้เป็นเสือนอนกิน เพราะไม่มีการขาดทุน
แต่..ในหนังนั้นก็คงจะดราม่าผสมสงครามตามสไตล์ของอเมริกัน เอาฉากเด็ดๆเป็นตัวดึงดูดพร้อมกับสร้างฮีโร่ให้ใครสักคนนึง (หรือมีมากกว่าหนึ่ง) แต่ก็เอาเถอะ...เราอย่าเอานิยมนิยายกับเรื่องบนแผ่นฟิล์มเลย เพราะความเป็นไปทั้งหมดเกี่ยวกับการยกพลขึ้นบกในครั้งนั้น..
มันไม่มีใครเป็นฮีโร่ไปมากกว่าใคร
การดำเนินการผิดพลาดก็มีมาก เป็นเพราะทหารต่างเหล่า ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ที่ต้องมารวมกันอยู่ภายใต้ของการบังคับบัญชาของ นายพลอเมริกัน
General Dwight D. Eisenhower...ที่ขนาดต้องระเบิดอารมณ์ในการทำงานครั้งนี้ว่า
"เบื่อชิบ...ที่ต้องมาปวดหัวกับไอ้พวกเรื่องมาก น่ารำคาญพวกนี้ ไปบอกพวกมันเลยนะว่า
ถ้ามันทำงานร่วมกันไม่ได้ ทะเลาะกันเป็นเด็กๆอย่างนี้ละก้อ ตรูจะไปบอกท่านนายกรัฐมนตรี (หมายถึง ท่าน วินสตัน เชอร์ชิลล์) ให้หาคนอื่นมาคุมไอ้สงครามบ้าๆนี่แทนเหอะ..."
ฝ่ายท่านผู้บังคับบัญชาระดับจอมพล Field Marshal Sir Bernard Montgomery (อังกฤษ) แม่ทัพหน่วยยานเกราะผู้ที่โด่งดังมีชัยมาจากการฟาดฟันมากับจิ้งจอกทะเลทราย Erwin Rommel ในเวทีฝั่งอาฟริกา ได้แสดงโวหารอย่างไม่เกรงใจอเมริกาว่า
"ปัญหาใหญ่มันก็มาจากไอ้พวกแยงกี้ที่รบไม่เป็น ไม่มีวินัย ไม่รู้ห่ะอะไรทั้งนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เรากำลังรบอยู่กับเยอรมัน (นะเว้ยเฮ้ย..) แล้วจะไปเอาชนะเขาได้ยังไงหากว่ามันยังนอกลู่นอกทางอย่างนี้"
ฝ่าย พลโท Everett S. Hughes (อเมริกา) ต้องโวยห้ามทัพอสย่างเหลืออดเช่นกันว่า
"พระเจ้า...ช่วยกรุณาลดความอวดดีกันซะมั่งได้ไหม....?"
อลหม่านหลังม่านวันดีเดย์....!!
ดิฉันห่างเหินกับการเขียนบทความไปนานเพราะภาระกิจสารพัดรอบตัว แต่ฤดูหนาวนี้...ว่างเยอะค่ะ
เลยทำงานชิ้นนี้...เพราะตั้งใจมานานแล้วว่าจะเล่าสู่กันฟังเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่เราจะได้ชมภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ด เรื่อง Dunkirk (ไม่ทราบว่าภาษาไทยจะตั้งชื่อว่าอะไร" แถมกำลังจะตามในปีต่อไปอีกหลายเรื่องในแนวเดียวกัน เพราะหนังสงครามแบบนี้เป็นเสือนอนกิน เพราะไม่มีการขาดทุน
แต่..ในหนังนั้นก็คงจะดราม่าผสมสงครามตามสไตล์ของอเมริกัน เอาฉากเด็ดๆเป็นตัวดึงดูดพร้อมกับสร้างฮีโร่ให้ใครสักคนนึง (หรือมีมากกว่าหนึ่ง) แต่ก็เอาเถอะ...เราอย่าเอานิยมนิยายกับเรื่องบนแผ่นฟิล์มเลย เพราะความเป็นไปทั้งหมดเกี่ยวกับการยกพลขึ้นบกในครั้งนั้น..
มันไม่มีใครเป็นฮีโร่ไปมากกว่าใคร
การดำเนินการผิดพลาดก็มีมาก เป็นเพราะทหารต่างเหล่า ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ที่ต้องมารวมกันอยู่ภายใต้ของการบังคับบัญชาของ นายพลอเมริกัน
General Dwight D. Eisenhower...ที่ขนาดต้องระเบิดอารมณ์ในการทำงานครั้งนี้ว่า
"เบื่อชิบ...ที่ต้องมาปวดหัวกับไอ้พวกเรื่องมาก น่ารำคาญพวกนี้ ไปบอกพวกมันเลยนะว่า
ถ้ามันทำงานร่วมกันไม่ได้ ทะเลาะกันเป็นเด็กๆอย่างนี้ละก้อ ตรูจะไปบอกท่านนายกรัฐมนตรี (หมายถึง ท่าน วินสตัน เชอร์ชิลล์) ให้หาคนอื่นมาคุมไอ้สงครามบ้าๆนี่แทนเหอะ..."
ฝ่ายท่านผู้บังคับบัญชาระดับจอมพล Field Marshal Sir Bernard Montgomery (อังกฤษ) แม่ทัพหน่วยยานเกราะผู้ที่โด่งดังมีชัยมาจากการฟาดฟันมากับจิ้งจอกทะเลทราย Erwin Rommel ในเวทีฝั่งอาฟริกา ได้แสดงโวหารอย่างไม่เกรงใจอเมริกาว่า
"ปัญหาใหญ่มันก็มาจากไอ้พวกแยงกี้ที่รบไม่เป็น ไม่มีวินัย ไม่รู้ห่ะอะไรทั้งนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เรากำลังรบอยู่กับเยอรมัน (นะเว้ยเฮ้ย..) แล้วจะไปเอาชนะเขาได้ยังไงหากว่ามันยังนอกลู่นอกทางอย่างนี้"
ฝ่าย พลโท Everett S. Hughes (อเมริกา) ต้องโวยห้ามทัพอสย่างเหลืออดเช่นกันว่า
"พระเจ้า...ช่วยกรุณาลดความอวดดีกันซะมั่งได้ไหม....?"