คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
// เพิ่มเติม //
เขียนซักหน่อยเนาะ เดี๋ยวหาว่า "ไร้สาระ" อิอิ
มุมมองส่วนตัวเป็นแบบนี้ครับ
ผมมองว่า ทีมแชมป์ น่าจะมีค่าเฉลี่ยในการเล่น มีผลเสมอน้อย แล้วก็วัดดวง "แพ้" กับ "ชนะ" ได้ 0 หรือ 3 แต้มไปเลย
แมนซิตี้ของเป๊บ อัตราเฉลี่ย แข่ง 3 นัด จะมีผลแพ้ 1 นัด (แข่ง 20 ชนะ 13 แพ้ 4 เสมอ 3)
ขณะที่เชลซี แข่ง 5 นัด โอกาสแพ้ 1 นัด (แข่ง 20 ชนะ 16 แพ้ 3 เสมอ 1 ) ทีม "สัตว์ปีก" ทั้ง 2 ทีม มีผลเสมอ 5-6 นัด รวมถึง "ของใช้ในสงคราม" เสมอ 5 นัด ทีมเสมอบ่อยๆ มันก็ไปเวทคะแนนรวม
แมนซิตี้ มีช่วงหนึ่งที่ไม่ชนะติดต่อกัน 5 นัด มีแต่แพ้ เสมอ ติดต่อกันจนเครียดไปหมด นั่นคือ "จุดต่ำสุด" ของทีมที่ผ่านไปแล้ว ขณะที่แม้จะต้องแข่ง
บอลถ้วยใหญ่ในรอบลึกๆ และแบ่งนักเตะมาเล่นในลีก มาตรฐานของทีมก็ไม่แกว่ง หรือแตกต่างมาก (ส่วนใหญ่ดูนะครับ ไม่ได้ดูไฮไลท์)
มีทีมโรเตชั่นกับตัวจริงที่ทดแทนกันได้แบบนี้ ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ที่สำคัญที่สุด "โมเมนตั้ม" จะเริ่มเหวี่ยงกลับมาที่แมนซิตี้อีกครั้ง เริ่มจากนัดถัดไป แถมอยู่ที่ 4 (ได้คะแนนเท่าไก่) 42 คะแนน ตามหลังหงส์แค่ 2 และสิงห์แค่ 7 คะแนน เล่นแบบไม่กดดัน รักษามาตรฐานโดยรวมของทีมไว้ให้คงเส้นคงวา แพ้ให้ยากที่สุด จะตามทันและแซงสิงห์ในที่สุด ซึ่งสิงห์แพ้นัดหลังสุดให้ไก่ (แมนซิตี้ก็แพ้ไก่) ทำให้ทีมที่จะมาเจอสิงห์ ลดความกลัวลงไปเยอะ หลายโค้ชคงมองเห็นโอกาสยันสกอร์ให้เสมอได้
แต่เป๊บ แก้เกมกับทีมที่ชอบเล่น "ตั้งรับ" อุดได้แล้ว หาสูตรสำเร็จเจอแล้วครับ
อันนี้จากมุมมองแบบโลกสวย ยิ่งพอ "แก๊งค์วัยฮอร์โมนส์" มาเข้าทีมกัน ยิ่งมันส์พระเดชพระคุณในเลค 2
// เพิ่มเติม //
เป๊บ เป็นคนที่ทำให้ลูกทีมคลั่ง และเตะเพื่อเค้าได้ การยืนระยะนับจากนี้สำคัญมาก การรักษาฟอร์มการเล่นเพื่อชนะ สำหรับทีมใหญ่ๆ ที่ลุ้นแชมป์
สำคัญทุกเกมนับจากนี้ ทีมใหญ่ ทีมกลาง ทีมเล็ก พลาดไม่ได้แม้แต่นัดเดียว ทีมใหญ่ทั้ง 4 ทีม พลาดเก็บแต้มกับทีมเล็กมาแล้ว อาจจะคนละ 2-3 นัด ที่ผลมันควรชนะเท่านั้น แต่ This is Football. เป๊บ มีจิตวิทยาดี เล่นกับสื่อเป็น ปกป้องนักเตะ เหนืออื่นใด ผมว่า "เป๊บรู้จักพรีเมียร์ลีก" ดีแล้วนะ
เค้ารู้จักดีแล้ว!!!
// เพิ่มเติม //
เขียนซักหน่อยเนาะ เดี๋ยวหาว่า "ไร้สาระ" อิอิ
มุมมองส่วนตัวเป็นแบบนี้ครับ
ผมมองว่า ทีมแชมป์ น่าจะมีค่าเฉลี่ยในการเล่น มีผลเสมอน้อย แล้วก็วัดดวง "แพ้" กับ "ชนะ" ได้ 0 หรือ 3 แต้มไปเลย
แมนซิตี้ของเป๊บ อัตราเฉลี่ย แข่ง 3 นัด จะมีผลแพ้ 1 นัด (แข่ง 20 ชนะ 13 แพ้ 4 เสมอ 3)
ขณะที่เชลซี แข่ง 5 นัด โอกาสแพ้ 1 นัด (แข่ง 20 ชนะ 16 แพ้ 3 เสมอ 1 ) ทีม "สัตว์ปีก" ทั้ง 2 ทีม มีผลเสมอ 5-6 นัด รวมถึง "ของใช้ในสงคราม" เสมอ 5 นัด ทีมเสมอบ่อยๆ มันก็ไปเวทคะแนนรวม
แมนซิตี้ มีช่วงหนึ่งที่ไม่ชนะติดต่อกัน 5 นัด มีแต่แพ้ เสมอ ติดต่อกันจนเครียดไปหมด นั่นคือ "จุดต่ำสุด" ของทีมที่ผ่านไปแล้ว ขณะที่แม้จะต้องแข่ง
บอลถ้วยใหญ่ในรอบลึกๆ และแบ่งนักเตะมาเล่นในลีก มาตรฐานของทีมก็ไม่แกว่ง หรือแตกต่างมาก (ส่วนใหญ่ดูนะครับ ไม่ได้ดูไฮไลท์)
มีทีมโรเตชั่นกับตัวจริงที่ทดแทนกันได้แบบนี้ ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ที่สำคัญที่สุด "โมเมนตั้ม" จะเริ่มเหวี่ยงกลับมาที่แมนซิตี้อีกครั้ง เริ่มจากนัดถัดไป แถมอยู่ที่ 4 (ได้คะแนนเท่าไก่) 42 คะแนน ตามหลังหงส์แค่ 2 และสิงห์แค่ 7 คะแนน เล่นแบบไม่กดดัน รักษามาตรฐานโดยรวมของทีมไว้ให้คงเส้นคงวา แพ้ให้ยากที่สุด จะตามทันและแซงสิงห์ในที่สุด ซึ่งสิงห์แพ้นัดหลังสุดให้ไก่ (แมนซิตี้ก็แพ้ไก่) ทำให้ทีมที่จะมาเจอสิงห์ ลดความกลัวลงไปเยอะ หลายโค้ชคงมองเห็นโอกาสยันสกอร์ให้เสมอได้
แต่เป๊บ แก้เกมกับทีมที่ชอบเล่น "ตั้งรับ" อุดได้แล้ว หาสูตรสำเร็จเจอแล้วครับ
อันนี้จากมุมมองแบบโลกสวย ยิ่งพอ "แก๊งค์วัยฮอร์โมนส์" มาเข้าทีมกัน ยิ่งมันส์พระเดชพระคุณในเลค 2
// เพิ่มเติม //
เป๊บ เป็นคนที่ทำให้ลูกทีมคลั่ง และเตะเพื่อเค้าได้ การยืนระยะนับจากนี้สำคัญมาก การรักษาฟอร์มการเล่นเพื่อชนะ สำหรับทีมใหญ่ๆ ที่ลุ้นแชมป์
สำคัญทุกเกมนับจากนี้ ทีมใหญ่ ทีมกลาง ทีมเล็ก พลาดไม่ได้แม้แต่นัดเดียว ทีมใหญ่ทั้ง 4 ทีม พลาดเก็บแต้มกับทีมเล็กมาแล้ว อาจจะคนละ 2-3 นัด ที่ผลมันควรชนะเท่านั้น แต่ This is Football. เป๊บ มีจิตวิทยาดี เล่นกับสื่อเป็น ปกป้องนักเตะ เหนืออื่นใด ผมว่า "เป๊บรู้จักพรีเมียร์ลีก" ดีแล้วนะ
เค้ารู้จักดีแล้ว!!!
แสดงความคิดเห็น
--- ฟันธงที่แรก!!! แชมป์พรีเมียร์ลีก 2016-2017 ---
ไม่ใช่พวก "สัตว์ปีก" ครับ ตัดไปได้เลย ปีระกา "ปีชง" ตัดไป 2 ฮี้ฮี้!!
ไม่ใช่แนวภูตผีสัมพเวสีครับ โดนสะกดวิญญาญถ่วงหม้อ
ไม่ใช่ "สัตว์ใหญ่" ที่ส่งเสียงคำรามได้
ไม่ใช่ "ยุทโธปกรณ์" ใช้ในยามสงคราม ที่ชาวบ้านบางระจันเรียกหา
ทีมแชมป์ คือ "พาหนะ" ที่ใช้ข้ามมหาสมุทร และไม่ได้ใช้บนบก หรืออากาศครับ "ตึ่งโป๊ะ"
เทพีแห่งโชค ท่านกำหนดมาแบบนี้ ก็ต้องตามใจท่านนะครับ