หมาเป็น Parvo virus โอกาสรอดน้อยมากจริงหรือ?

เราขอมาแชร์ประสบการณ์ การดูแลน้องหมาป่วยเป็นโรคลำไส้อักเสบ Parvo virus น้องหมาที่เราเลี้ยงเป็นพันธุ์ปั๊ก อายุ 6 เดือน ทำวัคซีนครบตามที่คุณหมอนัดทุกครั้ง น้องก็ร่าเริงแจ่มใสดีมาก เป็นที่รักของทุกคนในครอบครัว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จนวันนึงเราพาไปเที่ยวนอกบ้าน ไปชายหาดค่ะ วันนั้นน้องมีความสุขมากๆ เดินเล่นยิ้ม โพสท่าเป็นนางแบบให้เราถ่ายภาพมีความสุขกันกับครอบครัวเล็กๆของเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จากนั้น 4 วัน น้องเริ่มไม่กินอาหารเม็ด ที่ปกติจะกินเก่งมากๆ ตามสไตล์ปั๊ก สติ้ก Jerhigh ยังไม่กินเลย จนเราแปลกใจ แล้วก็มีถ่ายเหลวเป็นน้ำ กลิ่นเหม็น มีมูกนิดหน่อย แต่ไม่มีเลือดปนนะคะ พอถ่าย 2 ครั้งผิดปกติแล้วเราเลยพาไปหาคุณหมอ คุณหมอใช้ชุดตรวจ พบว่าเป็น Parvo virus แถมมี Corona virus ด้วยอีก เอาล่ะสิลูกเอ๋ย...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เริ่มใจไม่ดี เพราะรู้ว่าโรคนี้มันรุนแรงมากๆๆๆๆ มีโอกาสตายสูงมาก หมาเราก็มีคลื่นไส้อาเจียน กินไม่ได้ ถ่ายเหลวอีก เสียทั้งน้ำและเกลือแร่ ทำให้น้องหมาดูซึมลง และอ่อนแรงมาก

คุณหมอให้น้ำเกลือ ฉีดยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ฉีดยากันโรคกระเพาะ ให้งดน้ำงดอาหารก่อน ให้ลำไส้ได้พักฟื้น

เราก็กังวลสุดๆ คิดว่ายังไงเราต้องผ่านมันไปให้ได้ ห่วงลูกก็ห่วง เสียใจที่พาไปเที่ยว เลยทำให้ได้รับเชื้อมา เราเริ่ม search ข้อมูลเกี่ยวกับตัวโรค การรักษาต่างๆ search journal ต่างประเทศ และสอบถามเพื่อนๆที่เป็นสัตวแพทย์ ได้ข้อมูลเป็นเสียงเดียวกันว่า
1. รักษาตามอาการ ยังไม่มียาต้านไวรัสตัวนี้
2. ไม่ควรป้อนโยเกิร์ต หรืออะไรแปลกปลอม ขอให้เชื่อมั่นในการ(สัตว)แพทย์แผนปัจจุบัน ทำตามที่คุณหมอบอก
3. ต้องทำความสะอาดพื้นบ้าน ของเล่น ชามอาหาร ด้วยน้ำยาที่คุณหมอให้มา
4. ไวรัสนี้อยู่ในสิ่งแวดล้อมนานเป็นปีเลยทีเดียว ต้องแยกน้องหมาออกจากหมาตัวอื่นๆในบ้านให้เด็ดขาด เดี๋ยวจะติดกันได้
5. ระหว่างนี้ รอภูมิคุ้มกันของน้องหมาดีขึ้น จะกำจัดเชื้อได้เอง ต้องคอยกอด ให้กำลังใจ คุยกับเค้าบ่อยๆ (เราไม่ได้ให้ admit นะคะ กลัวเค้าเครียดแล้วอาการยิ่งแย่ลง)
6. เราขอคุณหมอ ขอเอา set น้ำเกลือมาด้วย เผื่อถ่ายมากๆ ให้ทางใต้ผิวหนังชดเชยได้ทัน
7. เอา test kit มาตรวจหมาที่บ้านตัวอื่นๆด้วย แยกกันอยู่กับตัวที่ป่วย และเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด

หมาเรายังกินไม่ได้เข้าสู่วันที่ 3 ใจคอเราไม่ดีเลย สงสารน้องหมามาก น้องอ่อนแรงและทำหน้าเศร้า ดีที่ได้น้ำเกลือเลยพอมีแรงบ้าง พอวันที่ 4 เริ่มถ่ายน้อยลง ไม่มีอาเจียนแล้ว คุณหมอให้เริ่มป้อนอาหารสัตว์ป่วย น้องเริ่มมาดมๆ และกินได้เองสักครึ่งช้อนได้ เราก็เริ่มใจชื้นขึ้นมา และเริ่มซ่าได้บ้างแล้ว

โพสนี้จึงขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆ กับน้องหมาที่ป่วยเป็นลำไส้อักเสบทุกท่านนะคะ เราได้ตกผลึกความคิดว่า

1. ต้องพาน้องหมาฉีดวัคซีนให้ครบ แม้ครบแล้วยังมีโอกาสเป็นโรคได้อยู่ แต่อาการจะไม่เยอะมาก มีโอกาสหายได้
2. โอกาสเสียชีวิตเยอะมากจากโรคนี้ เราเชื่อคุณหมอ ปฏิบัติตามคำแนะนำ ไม่พยายามรักษาเองด้วยวิธีอื่นๆ
3. ให้กำลังใจน้องหมาที่ป่วย คอยปลอบโยน คุยกับเค้า ให้กำลังใจเค้าค่ะ
4. ค่ารักษาไม่ได้แพงอย่างที่คิดค่ะ (ไม่ได้เป็นหมื่นอย่างที่  search เจอ แต่ก็ขึ้นกับความรุนแรงด้วยค่ะ)
- น้ำเกลือใต้ผิวหนัง ครั้งละ 150 บาท
- ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เข็มละ 150 บาท
- ยากระเพาะ ลดคลื่นไส้อาเจียน 150 บาท
- ผงเกลือแร่สุนัข ซองละ 30 บาท

ประมาณนี้ค่ะ ตอนนี้ก็ยังต้องฟื้นฟูอาการต่อเนื่องไปก่อน คุณหมอบอกว่าสัญญาณดีขึ้น ถ้าเริ่มกินได้ อย่างไรเราจะดูแลน้องให้ดีที่สุดค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เปลี่ยนจากเกลือแร่ เป็นน้ำผึ้งละลายน้ำอุ่นก็ดีครับ
ดูดซึมง่าย ให้พลังงาน-ความอบอุ่น กระตุ้นภูมิฯ และช่วยต้านเชื้อโรคชนิดอื่นด้วย

ส่วนอย่างอื่นก็ตามนั้นครับ

ยาเคลือบกระเพาะ ทำหน้าที่เดียวกับโยเกิร์ตอยู่แล้ว
ยาปฏิชีวนะ ทำหน้าที่เดียวกับฟ้าทะลายโจรอยู่แล้ว
การให้สารน้ำชดเชย เพื่อป้องกันการขาดน้ำ
แรงใจจากเจ้าของ (อันนี้ผมก็ว่าสำคัญมาก)

ที่เหลือก็รอให้เค้าสร้างภูมิฯขึ้นมากำจัดเชื้อโรคเอง

ปล.ระวังเรื่องอากาศเย็น และถ้าช่วงเช้าให้เค้าสัมผัสแดดบ้างก็จะยิ่งดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่