สวัสดีค่ะ สาวๆคนไหนกำลังอยากเสริมสวยรับปีใหม่ เปลี่ยนเป็นคนใหม่
วันนี้ จขกท จะมา แบ่งปันข้อมูล และแนะนำคลินิคศัลยกรรมที่เพิ่งได้ไปใช้บริการมาแล้วเกิดความประทับใจค่ะ
เรา เป็นคนที่หน้าสั้นมากจนทำให้ขาดความมั่นใจ ถ่ายรูปหามุมยาก และอยากหน้าหวานกว่านี้
จึงได้เริ่มศึกษาหาข้อมูลการทำศัลยกรรมคาง แต่ก็ไม่กล้าพอ กลัวเป็นแผลเป็น เลยได้แค่ไปลองฉีดฟิลเลอร์ดู
เพื่อให้ได้มโนได้ถูกว่า หน้าเราถ้ามีคางจะเป็นยังไง
จนเห็นว่า เอ้ย มันก็หน้าหวานขึ้นนะเนี่ย เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน เลยเริ่มหาข้อมูลการทำคางอีกครั้ง และได้เจอคลินิคนึงใน Facebook
ซึ่งอยู่แถวบ้านพอดี เลยได้ลองเข้าไปอ่านรีวิวในเพจดู
จากนั้นจึงเริ่มเข้าไปปรึกษาคุณหมอและตัดสินใจ ทำศัลยกรมคาง โดยใช้วิธีเย็บจากข้างในค่ะ
ขั้นแรกคุณหมอจะประเมินรูปหน้าของเราก่อน ว่าควรใช้ ซิลิโคน Size ไหน (เพิ่งรู้ว่า ซิลิโคนมี Size ด้วย แฮ่ๆ)
และของเรามีการฉีดซิลิโคนมาก่อนนี้ จึงต้องทำการสลายซิลิโคนออกก่อน ที่นี่มีคุณหมอหลายท่านนะคะ
วันนั้น เรา ได้คุณหมอวิเวียนค่ะ โดยให้โจทย์คุณหมอไปว่า ขอหน้าหวาน ไม่หลอก ดูจิ้มลิ้มค่ะ
คุณหมอเลือก size S ให้ และก็เหลาให้รับกับหน้าเรา
(แอบได้ยินมาว่าใช้เขียงไทเทเนี่ยมด้วยนะคะ เขียงอะไรเนี่ย ชื่ออลังการมาก 5555+)
โดยขั้นตอนนี้เรามองว่าสำคัญนะคะ เพราะคลินิคบางที่ อันนี้ต้องขอย้ำนะคะ 'บางที่' ไม่เหลาและยัดซิลิโคนเข้าไปแบบนั้นเลย
จะทำให้คางเป็นก้อนเหลี่ยมๆ ดูหลอกตาค่ะ
นี่หน้าเก่าคางเก่าเราค่ะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด กลมอะไรเบอร์นั้น
ได้เวลาขึ้นเขียง... เริ่มใจแป้ว แต่ถึงขั้นนี้แล้ว ห้ามถอยค่ะ
หมอจะเริ่มจากการฉีดยาชา รอบปาก รอบคาง จากนั้นพอเริ่มๆตึง คุณหมอก็บอกว่า จะเริ่มกรีด ค่ะ
อื้อหือใจหายว้าบเลยค่ะ
แต่พอคุณหมอลงมีดเข้าจริงๆ คือเราก็ชาไปแล้วค่ะ ไม่รู้สึกอะไร แต่ .. แต่ .. แต่ !!!!
เคสเราคือเคสของคนที่ผ่านการฉีดฟิลเลอร์มา และยังมีฟิลเลอร์หลงเหลืออยู่
คุณหมอต้องขูด ฟิลเลอร์ออกเพื่อเปิดโพรงที่จะยัดซิลิโคน ตอนนั้นเรากลัวมากค่ะ
คุณหมอใช้เวลาอยู่สักัพกในการเปิดโพรงแล้วก็สำเร็จค่ะ จากนั้นก็ทำการยัดซิลิโคน
ขั้นตอนนี้คุณหมอวิเวียน พิถีพิถันมากค่ะขอชม จัดแจงให้เป้ะสมใจแล้วจึงเย็บแผล
นี่คือตอนที่ ทำเสร็จใหม่ๆ หัวเหอฟูหมดค่าาาาาาาาาา ปากยังบวมยาชาอยู่เลย
จินตนาการไว้ว่าหน้าต้องบวมมาก กะจะลางาน แต่ไม่เขียวไม่ช้ำเลยค่ะ
.กลับบ้านมา คุณหมอจะคาดเทปให้ เข้าใจเองว่าเป็นเฝือกอ่อนกันคางเคลื่อนค่ะ ซึ่งขั้นนี้ก็ยังถือว่าบวมไม่มาก
ทำใจว่าตื่นมาคงบวมแน่เลย แต่ก็ไม่บวมไม่ช้ำเหมือนเดิมค่ะ
.วันที่ 2 ก็แต่งหน้าทำงานได้ปกติแล้วค่ะ เพื่อนๆดูไม่ออกค่ะ แค่งงว่าเราติดอะไรไว้ที่คาง บอกว่าดูไม่เหมือนคนไปทำคางมา เพราะไม่มีอาการฟกช้ำเลย ทั้งที่เราต้องขูดฟิลเลอร์ออกด้วยซ้ำ
ใช้ชีวิตได้ตามปกติค่ะอาจจะมีต้องดูแลแผลด้านในปากนิดนึงคือ ระวังเรื่องหารการกิน ไม่ขยับกรามมาก ทานอาหารอ่อน และเลี่ยงอาหารรสจัดเพราะจะทำให้คันและแสบแผลค่ะ
ส่วนตัวเราเน้นบ้วนน้ำและน้ำยาบ้วนปากบ่อยๆไม่ให้แผลสกปรกค่ะ
.วันที่ 5 เริ่มเอาที่คาดออกได้แล้วค่ะ ได้เห็นคางเต็มๆสักที วันนี้คนทักว่าผอมลงเยอะมาก (จริงๆแล้วคือหน้ายาวขึ้นค่ะ 55555)
.วันที่ 7 ก็เข้าที่แล้วค่ะ ส่วนตัวคิดว่าเร็วมาก จะเห็นได้ว่าคางเราจะแหลม จิ้มลิ้ม ไม่เว่อร์มาก ซึ่งเราถูกใจมากค่ะ
ปัจจุบัน มั่นใจขึ้นเยอะมากๆ ยิ้มหรือไม่ยิ้มก็หน้าหวานขึ้น ดีใจที่วันนั้นตัดสินใจทำคาง เปลี่ยนชีวิตเลยค่ะ
ต้องขอขอบคุณ คุณหมอวิเวียน ที่สร้างความสวยให้
รีวิวนี้ก็อยากจะให้คำแนะนำ..
ส่วนตัวเราคิดว่าการศัลยกรรมเพื่อเสริมสร้างบุคลิคมันคุ้มนะคะ พอเรามั่นใจแล้ว ทุกอย่างก็จะสำเร็จได้ง่าย
สำหรับใครที่กำลังคิดจะทำคาง แนะนำที่ นาถลดาคลินิค ตรงข้ามบิ๊กซี สะพานควาย เลยค่ะ ไม่แพง บริการดีมากค่ะ
[CR] Review: ศัลยกรรมคาง 9900 บาท ราคาสบายกระเป๋า หมอมือเบา บริการดี๊ดี @นาถลดาคลินิค(สะพานควาย)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น