วิธีการลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 8-10% ต่อปี


การลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 8-10% เป็นเรื่องที่ไม่ยากเลยครับ
และผมก็เชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้ ! ซึ่งหลังจากที่ผมพูดประโยคนี้ออกไป
หลายๆคนก็เข้ามาถามปนกับสงสัยคลางแคลงใจว่า มันจะเป็นไปได้ยังไง !?

กระทู้นี้ ผมจะมาแชร์และไขข้อข้องใจให้อ่านกันครับ หัวเราะ

ต้องบอกก่อนเลยว่า “ผลตอบแทน” ที่สูงขึ้นมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร
มาพร้อมความเสี่ยงเสมอเลยนะครับ ขนาดฝากธนาคารยังมีความเสี่ยงเลย

ความเสี่ยงที่ว่านี้ก็คือ โอกาสที่ผลตอบแทนที่เราต้องการไม่เป็นไปอย่างที่คิด
หรือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือเราจะขาดทุน ซึ่งโอกาสขาดทุนก็มีตั้งแต่ 0.1%
ไปจนถึงสูญเงินทั้งก้อนนั้น !

เช่น ถ้าเราไปปล่อยกู้นอกระบบดอกเบี้ย 3% ต่อเดือน
แน่นอนว่าผลตอบแทนดีเชียวล่ะ ปีนึงมากกว่า 36%
แต่โอกาสขาดทุนเงินทั้งหมดก็มี ก็คือ ลูกหนี้ไม่เอาเงินมาคืน !!

ดังนั้น ถ้าใครมาชวนลงทุนแล้วบอกว่ามีการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนเท่านั้นเท่านี้
โดยผลตอบแทนมีการการันตีต่างๆนาๆ ว่าให้มากกว่าการฝากธนาคาร
พึงระลึกไว้เลยว่า มี “ความเสี่ยง” ทั้งนั้น !!

ดังนั้น การลงทุนที่ให้ผลตอบแทน 8-10% แบบไม่เสี่ยงไม่มีแน่นอน !!
โดยเฉพาะในระยะสั้นๆ ความเสี่ยงจะยิ่งสูงมาก
นั่นหมายความว่า ถ้าเราลงทุนได้นานเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็ยิ่งลดลง

ถ้าถามผมว่า ... การลงทุนอะไรที่ในผลตอบแทนมากกว่า 8% ได้บ้าง ?
ส่วนตัวคิดว่าก็มี “หุ้น” กับ “อสังหาริมทรัพย์” เนี้ยแหละครับ

ขอไม่พูดถึงการลงทุนพวกตราสารอนุพันธ์ต่างๆนะ
อันนี้ผลตอบแทนสูงมากกกกกกกก เรียกว่า ก. ไก่เพิ่มอีก 100 ตัว !
ความเสี่ยงก็สามารถขาดทุนเกิน 100% ได้
เพราะต้องเติมเงินเข้าพอร์ต สำหรับใครที่เล่นอยู่น่าจะพอเข้าใจนะครับ

แต่ถ้าใครที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุน อย่าเพิ่งไปถึงตรงนั้นเลย
เพราะผมมองว่ามันค่อนข้างโหดร้ายพอสมควร !!

สำหรับบางคนที่เงินทุนยังไม่เยอะมาก
แล้วจะไปให้ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ก็คงดูเป็นเรื่องไกลตัว
ก็เลยขออนุญาตแนะนำไปที่ “หุ้น” ซะเป็นส่วนใหญ่

เรามาดู “ตลาดหุ้นไทย” หรือที่คุ้นชื่อว่า SET เนี้ยแหละ
เปิดตลาดมาตั้งแต่ปี 2518 ปัจจุบันก็ปี 2559
เรียกได้ว่าเปิดมามากกว่า 41 ปีแล้วล่ะ
แน่นอนว่าก็มีคนที่รวยจากผลตอบแทนของตลาดหุ้นก็เยอะ
แต่ผมว่าคนที่เจ๊งจากผลตอบที่ไม่ตอบแทนเยอะกว่านะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

ขอย้อนไปปี 2545 ละกันเน้าะ (เพราะหาข้อมูลได้แค่นั้น ฮ่าา)
ดัชนีของตลาดบ้านเราที่รวมเงินปันผลด้วย (SET TRI)
ถือกำหนดขึ้นมาด้วยค่าเริ่มต้นที่ 1,000 จุด
ปัจจุบัน ณ วันที่ 30/11/2559 อยู่ที่ 8,865.94 จุด
โดยแต่ละปีให้ผลตอบแทนจากการลงทุนตามนี้เลย

ปี 2545 เท่ากับ 20.27%
ปี 2546 เท่ากับ 126.35%
ปี 2547 เท่ากับ -10.64%
ปี 2548 เท่ากับ 11.22%
ปี 2549 เท่ากับ -0.26%
ปี 2550 เท่ากับ 31.37%
ปี 2551 เท่ากับ -46.57%
ปี 2552 เท่ากับ 76.08%
ปี 2553 เท่ากับ 47.80%
ปี 2554 เท่ากับ 3.69%
ปี 2555 เท่ากับ 40.53%
ปี 2556 เท่ากับ -3.63%
ปี 2557 เท่ากับ 19.12%
ปี 2558 เท่ากับ -11.23%
ปี 2559 (11 เดือน)  เท่ากับ 21.13%

ถ้าเอาผลตอบแทนเฉลี่ยแบบเลขคณิตมาคิดเลย
ก็เท่ากับ 21.72% ต่อปี แล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆ
แค่นี้ก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะ ปีละ 20% เยอะมาก !!

แต่ถ้าจะดูผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวจริงๆ
แนะนำว่าให้ใช้ “เรขาคณิต” นะ จะตรงตามความจริงมากกว่า
(ตรงนี้ถ้าใครสงสัยลองหาข้อมูลเรื่องสถิติดูเองนะครับ กูเกิ้ลเอาเลย)
ก็จะได้เท่ากับ 15.66% ต่อปี …….  ผลตอบแทนก็ยังไม่เลวอยู่ดี

แล้วถ้าเรามาดูผลตอบแทนเฉลี่ยย้อน 10 ปีในแต่ละช่วงเวลา
ของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยหรือว่า SET TRI กันดู

ปี 2545 – 2554 ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 17.72%
ปี 2546 – 2555 ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 19.52%
ปี 2547 – 2556 ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 9.78%
ปี 2548 – 2557 ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 12.98%
ปี 2549 – 2558 ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 10.46%
ปี 2550 – 2559 (11 เดือน) ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 12.63%

ช่วงที่ต่ำสุดที่ผลตอบแทนเฉลี่ยยังเท่ากับ 9.78% ต่อปี !!
โอโห้วววววววววววว ผลตอบแทนในฝันเลย ขุ่นพระ !

แต่ถ้าเรามาดูผลตอบแทนย้อนหลัง 7 ปีในแต่ละช่วงเวลาดูกันบ้าง

ปี 2545 – 2551 ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 9.55%
ปี 2546 – 2552 ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 15.69%
ปี 2547 – 2553 ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 8.85%
ปี 2548 – 2554 ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 11.19%
ปี 2549 – 2555 ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 14.97%
ปี 2550 – 2556 ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 14.41%
ปี 2551 – 2557 ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 12.82%
ปี 2552 – 2558 ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 21.30%
ปี 2553 – 2559 (11 เดือน) ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 14.99%

ผลตอบแทนไม่ว่าช่วงเวลาไหนก็ยังได้มากกว่า 8% อยู่ดี
แต่ถ้าเราไปดูที่ระยะสั้นขึ้นที่ 6 ปี
ผลตอบแทนช่วงที่ต่ำที่สุดจะตกไปเหลือ 3.44% ต่อปี

แล้วยิ่งถ้าลงทุนเพียงแค่ 5 ปี
ผลตอบแทนช่วงที่ต่ำที่สุดต่ำสุดถึง -7% ต่อปีเลยทีเดียว

ซึ่งนั่นหมายความว่า …
ถ้าเราคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างเช่นที่ผลตอบแทน 8-10%
ผมขอแนะนำให้ลงทุนอย่างน้อย “7 ปีขึ้นไป” เท่านั้น
เพราะโอกาสที่เราจะขาดทุนจะน้อยลง แล้วผลตอบแทนคาดหวังจะสูงขึ้น

ส่วนตัวผมมักจะแนะนำให้ลงทุนใน “กองทุนรวม” มากกว่าซื้อหุ้นรายตัว
เพราะอย่างน้อยๆก็มีมืออาชีพคอยดูแลเงินให้กับเราอยู่
แล้วเราก็สามารถเลือกกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่เราชอบได้ด้วย
“กองทุนรวมหุ้น” หลายๆกอง ผลตอบแทนสูงกว่า 8-10% ไปเยอะอยู่ก็มี
แล้วผมว่าเลือกกองทุนง่ายกว่าการเลือกหุ้นเยอะมาก

ขออนุญาตแนะนำลิ้งค์เพิ่มเติม สามารถลองไปศึกษา
เรื่อง “กองทุนรวม” ได้ ที่นี่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แล้วจะหลงรักกองทุนรวมกันเลยล่ะครับ

แล้วเหตุผลที่คนเจ๊งจากการลงทุนในหุ้น ส่วนใหญ่ก็คือ…
รอไม่เป็น ใจร้อน อยากรวยเร็วๆ รวยแรงๆ
ผลก็สุดท้ายก็เลยหันหลังให้ตลาดหุ้นไปตลอด…

แต่ตลาดหุ้นต้องระวังด้วยเหมือนกันนะ
ผลตอบแทนที่เอามาคำนวณให้ดู เป็นผลตอบแทนใน “อดีต” เท่านั้น ดูเป็นทิศทางแนวโน้มได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะดีนะ เป็นความเสี่ยงที่เราต้องรับเอาเองนะครับ

ถ้าใครมีความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากนี้ สามารถมาแชร์กันได้นะครับ หัวเราะ

ติดตามเรื่องเล่าเข้าใจง่ายๆของ Money Buffalo ได้ที่
www.moneybuffalo.in.th หรือ
FB Page : fb.com/moneybuffalo
LINE : http://bit.ly/29bCfy4

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่