ลำนำกุหลาบขาว ตอน 3

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 3


      มหาลัย xxx ( ย่านใจกลางเมืองที่ค่าเทอมแพงที่สุด )
ฉันไม่รู้ว่าคุณน้าสามารถทำได้ยังไงกับการถ่ายโอนย้ายฉันจากมหาลัยนึงมาอีกมหาลัยนึงได้แค่เพียงระยะเวลาสั้นๆ โดยที่มันไม่มีปัญหายุ่งยากอะไรเลย ทุกอย่างดูราบรื่นไปซะหมด  ซึ่งตรงกันข้ามกับความคิดฉัน  อันที่จริงการย้ายมหาลัยกลางคัน  มันต้องยุ่งยากเป็นลำดับต้นๆอยู่แล้ว  ไหนจะเป็นการมาติดต่อสอบเข้า ไหนจะต้องติดต่อฝ่ายทะเบียนเพื่อนถ่ายโอนหน่วยกิต   (ฉันเดาเอานะ ฟังเขามาอีกที 555)   ไหนจะระยะเวลาที่จะต้องรอผลการสอบ  และไหนจะเรื่องอื่นอีกจิปาถะ   แต่นี่..  ที่ฉันมายืนอยู่นี่  ในมหาลัยตอนนี้  มันไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยนะ  ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่ฉันคิดเลย
      คุณน้าทำได้อย่างไร?  นั่นคือคำถามที่ฉันมีอยู่  .แต่ก็เหมือนเคย    ฉันได้แค่คิด  แต่ไม่เคยตั้งคำถาม  ก็คงจะปล่อยผ่านเหมือนเช่นเคย  ขี้เกียจถามพอๆกับขี้เกียจปฏิเสธเวลาเขาเสนออะไรให้   ฉันเป็นคนประเภทหนึ่ง ที่มีนิสัยแปลกประหลาด  คือชอบสงสัยแต่เก็บไว้ในใจจนลืม ฉายาฉัน  กุหลาบถูกเหลาหนาม ฮ่าๆๆ
     “ ชอบไหมกุหลาบ มหาลัยที่นี่ ”     
      คุณน้าหันมาถามฉันในขณะที่เราทั้งสองนั้นนั่งอยู่ในรถ ฉันละสายตาออกจากวิวข้างทาง แล้วยิ้มให้นะคะ
     “ ชอบสิคะ “ ยกมือไหว้โน้มตัวไปกราบลงบนไหล่  คุณน้าลูบหัวฉันเบาๆ ดันตัวฉันออก ก่อนจะลูบแก้มด้วยความรู้สึกที่ดูเหมือนเอ็นดู  แล้วถาม
     “ หนูชอบคณะอักษรศาสตร์เหรอจ้ะ “    
     “ ใช่ค่ะ หนูว่ามันเหมาะกับหนูดี...  “
     และไม่ทันที่จะเราจะได้คุยกันแบบจริงๆจังๆสักที  ทั้งๆที่ปกติแล้ว เราสองคนน้าหลานก็แทบจะไม่มีเวลากันอยู่แล้ว  อย่าว่าแต่คุยเลย  แค่เวลาสบตายังไม่มี  พอถึงบทที่จะได้คุยกันจริงๆ  ก็เกิดมีเหตุการณ์อย่างหนึ่งมาขัดจังหวะซะก่อนอีก  
      ...นั่นคือรถคันดำยี่ห้อหรูมาชนท้ายดัง ...
       ปัง!!!
       สะนั่นหวั่นไหวทำเอาสะดุ้งกันทั้งคัน   ความแรงของมันคงทำให้ฉันและคุณน้าร่างกระเด็นพุ่งไปข้างหน้าห่างไม่มีสิ่งนี้รัดไว้  มันคือความโชคดีที่มีเข็มขัด ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพก็ตอนนี้แหละ ซึ้งจัง ...ขอบคุณนะขอบคุณ
      “ เกิดอะไรขึ้น สมชาย “
      เสียงคุณน้าทำให้ฉันที่ลืมเจ็บไปชั่วขณะนั้นกลับมาเจ็บอีกครั้ง  เธอตะโกนถามคนขับรถร่างท้วม ที่ดูจะประหม่านั่งตัวสั่นร้อนรนอยู่หลังพวงมาลัย  และไม่ทันที่ลุงสมชายจะได้ตอบ เสียงหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ประตูนอกรถดังขึ้น  ทำคนในรถต้องชะงักหันไปมอง
ปรากฏว่าเป็นผู้ชายร่างสูงคนนึง ถ้าให้ฉันเดาเขาน่าจะเป็นเจ้าของกันชนรถที่มันพุ่งมาชนท้ายรถของคุณน้าซึ่งฉันนั่งอยู่  เขายืนเคาะกระจกรัวๆ อย่างหัวเสีย ฉันเห็นในมือเขามีไม้เบสบอลด้วย และนั่นล่ะที่ทำให้ฉันถึงกับตกใจ ดึงคุณน้าย้ายมานั่งข้างหลัง แล้วเปลี่ยนเป็นเอาตัวเองไปบังแทน
ท่าทางของเขาเหมือนจะมาเอาเรื่องมากกว่ามาเจรจานะ และดูท่าทางพวกเราจะเจรจาไม่ได้ซะด้วย  เขาดูอารมณ์ร้อนเกินไป
      “ สมชาย ลงไปซิ มัวรออะไรอยู่ ”
สิ้นสุดคำสั่งคุณน้า ลุงสมชายก็พยักหน้ารับปากจะลงไป แต่เหตุไฉนฉันรู้สึกว่าแกเกรงกลัวหว้า ...หรือคิดไปเอง
      ปึง!
      มันคงจะเป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของลุงสมชายก็ว่าได้ ที่แกพยายามทำใจดีสู้เสือ กระโดดลงจากรถไป แต่ทำไมเตี้ยจัง!
ฉันพูดจริงๆนะ ลุงสมชายลงไป แกกลายเป็นคนร่างเตี้ย ตัวเล็กไปเฉยเลย เมื่อเทียบกับชายคนนั้น ที่ยืนถือไม้เบสบอลโชว์พาวอยู่ ท่าทีดูมีอีโก้สูงอยู่นะ ฉันไม่ได้ยินเสียงการสนทนาหรอกค่ะ แต่ดูจากภาพเคลื่อนไหว คล้ายทีวีภาพสีปิดเสียงแล้ว ลุงสมชายน่าจะสู้ไม่ได้
เอาไงดีล่ะทีนี้  ฉันหันหน้าไปมองคุณหน้าด้วยสายตาถามแทนเสียง คุณน้าหน้าซีดไปเลย
     “ เขาผิดนะคะคุณน้า เขาชนท้ายเรา “
ฉันลองออกความคิดเห็นดู เผื่อจะมาคำแนะนำที่ดี คือตอนนี้ทุกคนเข้าใจใช่ไหมคะ ลองนึกถึงตัวเองนะคะว่า  หากทุกคนอยู่ในเหตุการณ์ที่ฉันกำลังเผชิญอยู่นี้  เขามาชนท้ายเรา ซึ่งในรถก็มีแค่เพียงผู้หญิงกับชายวันกลางคนอีกหนึ่งชีวิต แน่นอนค่ะ ความกลัวมันต้องบังเกิดก่อนเป็นธรรมดา   แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องขาดสติไปเลย  เขาชนท้ายรถของเรา เขาน่ะผิด! ถูกต้องใช่ไหมละคะ? เพราะงั้นใช่ค่ะ ..  
    “ กุหลาบลงไปดีกว่านะคุณน้า  เผื่อลุงสมชายแกพูดแล้วคุณที่ชนท้ายเราไม่รู้เรื่อง แกจะถูกทำร้ายนะคะ “
ฉันพูดแบบนั้นนะคะ ทำท่าจะลงไปจริงๆด้วย  แต่กลับถูกคุณน้าฉวยแขนเอาไว้แล้วบอกเดี๋ยวจะโทรเรียกประกัน  ฉันก็หยุดชะงัก เห็นด้วยกับความคิดนี้  พูดถึงลุงสมชาย แกก็แก่แล้วนะ คุณคนนั้นคงไม่ทำร้ายคนแก่หรอกมั้ง จริงไหม? แต่พอหันไปเท่านั้นล่ะ ว้าย!!!
     “ คุณน้าๆ เขาจะชกลุงขับรถ “
ฉันตะโกนลั่นรถ ตัดสินใจเปิดประตูลงไป โดยไม่ฟังคำทักท้วงของคุณน้าเลยสักคำ สนใจกับสิ่งที่เห็นมากกว่า  ตกใจมากค่ะ เขากำลังทำอะไร  นั่นเขาจะทำอะไร!!
       ฉวยคอเสื้อแบบนั้น จะชกคนแก่เรอะ!!
       “ หยุดนะคะคุณ “  ฉันตะโกน วิ่งเข้าไปแยกระหว่างลุงสมชายกับนายร่างสูง และดันอกเขาออกเซถอยหลังไปสองสามก้าว  “ คิดจะทำอะไร”
       “ ผมทำอะไร”   เขาเลิกคิ้วถาม ท่าทียียวน แต่น้ำเสียงดูนิ่งมาก “ ถึงมาผลักผม ถ้าล้มขึ้นมาจะทำยังไง”
       “ ก็ลุกไงถามแปลก  คนร่างถึกอย่างคุณ  คงไม่โง่ให้ตัวเองล้มหรอกมั้ง  ถึงต่อให้ล้มหัวฝาดพื้นเป็นอัมพาต ฉันก็ไม่สนใจนายหรอก คนอันธพาล  ชนรถเขาแท้ๆ ตัวเองคือคนผิด ยังจะทำคนแก่อีก “
        ฉันร่ายยาวเป็นเรียงความฉบับย่อ ในขณะที่มีลุงสมชายกำลังยื้อทึ้งฉันอยู่
       “ คุณหนูครับอย่าว่าเขาเลยครับ”
       “ เอ๊..ลุงนี่  เขาจะทำลุงนะคะ  ยังจะปกป้องเขาอีก “
      ฉันหันไปแว้ดใส่ ส่งสายตาพิฆาตไปให้  จนลุงแกต้องเงียบก้มหน้างุน  หันกลับมามอง ชายร่างสูงคนเดิม แล้วเชิ่ดหน้าใส่ แบมือตรงหน้าเขา
     “ อะไร ?” เขาเลิกคิ้วถาม
     “ ค่าทำขวัญด้วย “ ฉันกระดิกนิ้ว “ ที่คุณทำลุงแกตกใจ ส่วนค่าเสียหายรถยุบ รอประกันค่ะ”
      เขาอ้าปากเหวอ มองหน้าฉันแบบทึ้ง ยืนนิ่งอย่างกับคนค้างชะงักงัน ไม่แม้แต่จะกระพริบตา  อึ้งใช่ไหมล่ะ ..เล่นกับใคร รู้ตัวไว้ซะด้วยนะ  คงจะ   สลดสิท่า แต่ทว่า..
       “ ฮ่าๆๆๆๆ “
       ฉันเลิกคิ้วงงทันที เมื่อหมอนั่นหัวเราะ  .. ใช่ค่ะ! ตะกี้ที่ฉันบรรยาย  ทุกอย่างที่ฉันคิด มันคือการมโนของฉันเอง นายคนนั้นไม่ได้ สะท้กสะท้านไรเลย แถมคำพูดของลุงสมชาย ทำเอาฉันหน้าแตกยับเยินอีก
        “ คุณหนูครับ เขาไม่ได้จะชกผมนะครับ ผมจะล้ม เขาช่วยพยุงไว้  “
       จึ้ก! ( เสียงมีดเสียบอก )
      เพล้ง!!! ( เสียงหน้าแตกยับเยิน )
      พระเจ้า.. ปี้บอยู่ไหนนนนน  ขอให้คนสวยสักใบ !! อายจริงๆ อายคน อายฟ้า อายดิน
     “ จะ.. จริงรึลุง “
       ฉันหันไปถามลุงสมชายเสียงแห้งๆ   คุณลุงมองนิดนึงนะคะ   พอจะทำให้ลุ้นเฉยๆ  และแกก็พยักหน้า  ฉันถึงกับขาอ่อนเลย  
      ชัดเจนเปลี่ยน !  ไม่น้า...
     “ ใครกันแน่  ที่ต้องเสียค่าทำขวัญ “
เขาบอกเสียงทุ้ม ฉันแหงนหน้าขึ้นมองปลายเส้นผมที่สูงฉลูดปริวไปตามลมอ่อนๆ ของเขา  ก่อนจะยิ้มแห้งๆไปให้ หล่อนะ เท่ด้วย แต่เดี๋ยวก่อนค่อยเก็บไปฝัน ... เถียงก่อน
      “ ใครจะไปรู้ล่ะ เห็นภาพมันฟ้อง “  ฉันบ่นพึมพำ ตัวรีบไม่ต่างกับลูกโป่งโดนเจาะลม กับหน้าที่แดงระเรื่อเหลือเพียงแค่สองนิ้ว  
      “ ยังไม่เคลียร์เรอะสมชาย “
     เสียงคุณน้าทำให้ฉันโล่งอก เธอเปิดประตูรถลงมา ในท่าเอียงคอถามอย่างงวยงง และไม่นานก็แปรเปลี่ยนสภาพเป็นตรงกันข้ามแทน  เมื่อเธอลงมาถึง
     “ อ้าว! คุณยูน กลับจากอเมริกาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ แล้ว มาทำไรที่นี่  ถึงมาชนท้ายรถฉันได้ “
เอ่อ..อันนี้ฉันควรจะงงใช่ไหม อยู่ดีๆ ก็มารู้จักกันเองซะงั้น  คุณน้ายิ้มกว้าง ดูเหมือนจะสนิมสนมกับเขา เดินเข้าไปใกล้กว่าเดิม เพื่อไปจับมือทักทายกับเขา ก่อนพูดต่อ
      “ นี่ถ้าฉันรู้ว่าเป็นคุณคงลงมาแล้ว เป็นอะไรรึเปล่าคะ “  
       หือ!! เหวอสิคะคราวนี้  แทนที่จะให้เขาถามพวกเรา คุณน้าไปถามเขาซะเอง  แต่เธอไม่ปล่อยให้ฉันอึ้งนานนะคะ เดินมาโอบไหล่ฉันค่ะ แล้วแนะนำตัวฉันให้คนตรงหน้าฟัง
      “ นี่หลานฉันค่ะคุณยูน เธอชื่อว่ากุหลาบ  เพิ่งมาจากต่างจังหวัด ดิฉันพามาฝากเรียนที่นี่   ไหว้เธอสิจ๊ะกุหลาบ“
จากนั้นก็หันมาหาฉันนะคะ ใช้ฉันยกมือไหว้คนแปลกหน้า ที่เพิ่งเถียงกันอยู่เมื่อกี้นี้  ก็เหมือนเดิมล่ะค่ะ  ความเกรงใจ กุหลาบฉายา ไม่พูดค่ะ  ทำตามแต่โดยดี  
      “ สวัสดี “
      เขายิ้มนะคะคราวนี้ เดินเข้ามาใกล้ แล้วโน้มหน้าลงมามอง ก่อนจะยื่นมือมาจับคางฉันเบาๆ ทำเอาฉันตัวชาไปสามวิ
      “ คนกันเองทั้งนั้น   ไม่คิดว่าจะเป็นรถคุณสรนะครับ  ที่ผมมาชนท้ายพอดีผมรีบไปทำธุระให้น้องชายน่ะครับ บังเอิญจริงๆ ต้องขอโทษด้วย  เดี๋ยวผมจะตามไปรับผิดชอบทีหลัง  แต่ตอนนี้ต้องขอตัวก่อนครับ หวังว่าคุณสรคงไม่ว่ากัน “
คุณยูน .. (ฟังจากที่คุณน้าเรียก ) บอกคุณน้าแบบนั้น  พลางยื่นนามบัตรมาให้  แต่ไม่วายก้มลงมามองฉันแล้วยิ้มกว้าง
      “ อย่าลืมค่าทำขวัญล่ะ ผมยังไม่ลืม”
พูดจบเขาก็เดินกลับไปที่รถของเขาเอง ที่มันมีรอยไฟแตกและถลอกปอกเปิก ไปแถบหนึ่ง พอขึ้นรถได้ไม่นาน เขาก็ตบไฟเลี้ยวออกขวานะคะ  แล้วเหยียบคันเร่งบึ้งออกไปทันที  บ่งบอกให้รู้ว่าเขาน่ะรีบจริงๆ
ว่า แต่ว่า  แล้วการกระทำเมื่อตะกี้นี้  ก่อนที่จะไปล่ะมันคืออะไร    ทำไมปล่อยให้ฉันนั้นยืนงง ..
       “ ค่าทำขวัญอะไรวะ...”

        ( โปรดติดตามตอนต่อไปเพิ่มเติมได้ที่ เพจ เกศิณี  แอดมินสกั้ง )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่