สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ข้อแตกต่างคือ vision ของผู้นำไงครับ
- ก่อนยุดชาติชาย อย่างที่ท่านเขียนไว้ คือพึ่งพามหาอำนาจ มาตลอด สร้างระบบรัฐวิสาหกิจที่เทอะทะ ล้มเหลว นั่นรวมรัฐบาลรัฐประหาร ประชาธิปัตย์ เปรม ด้วยนะครับ
- ยุคชาติชาย คือสร้างกลุ่มอาเซียน หยุดพึ่งพามหาอำนาจ เพราะเขาหวังแค่ให้เราเป็นฐานอำนาจทางทหาร เมื่อเราหยุดโฟกัสรบในเรื่องของชาวบ้าน แล้วไป focus ผูกมิตรแล้วค้าขาย การพัฒนาก็เกิด
- ก่อนยุดทักษิณ รัฐบาลบริหารแบบ top down ธุรกิจใหญ่ๆ ได้ประโยชน์ก่อน เศษเหลือค่อยตกสู่ รากหญ้า นั่นรวมรัฐบาลรัฐประหาร ประชาธิปัตย์ เปรม ชาติชาย ด้วย
- ยุคทักษิณบริหารแบบ bottom up คือให้ชาวบ้านได้ประโยชน์ก่อน ภาคธุรกิจอื่นๆ ค่อยได้ประโยชน์ บริหารประเทศโดยมี mind map มีทิศทาง ปรับระบบราชการจนชาวบ้านสัมผัสได้ หยิบยื่นโอกาสเข้าถึงเงินทุนให้กับชุมชน ส่งเสริมการสร้างผลิตภัฒฑ์จากภูมิปัญญา ยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยระบบหลักประกันสุขภาพ ปราบปรามยาเสพติดอย่างเอาจริงเอาจังทำให้สังคมปลอดภัยมากขึ้น นับเป็นการพัฒนาประเทศครั้งใหญ่สุดของประเทศ นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เลยทีเดียว
แค่มี vision เท่านั้นเอง
- ก่อนยุดชาติชาย อย่างที่ท่านเขียนไว้ คือพึ่งพามหาอำนาจ มาตลอด สร้างระบบรัฐวิสาหกิจที่เทอะทะ ล้มเหลว นั่นรวมรัฐบาลรัฐประหาร ประชาธิปัตย์ เปรม ด้วยนะครับ
- ยุคชาติชาย คือสร้างกลุ่มอาเซียน หยุดพึ่งพามหาอำนาจ เพราะเขาหวังแค่ให้เราเป็นฐานอำนาจทางทหาร เมื่อเราหยุดโฟกัสรบในเรื่องของชาวบ้าน แล้วไป focus ผูกมิตรแล้วค้าขาย การพัฒนาก็เกิด
- ก่อนยุดทักษิณ รัฐบาลบริหารแบบ top down ธุรกิจใหญ่ๆ ได้ประโยชน์ก่อน เศษเหลือค่อยตกสู่ รากหญ้า นั่นรวมรัฐบาลรัฐประหาร ประชาธิปัตย์ เปรม ชาติชาย ด้วย
- ยุคทักษิณบริหารแบบ bottom up คือให้ชาวบ้านได้ประโยชน์ก่อน ภาคธุรกิจอื่นๆ ค่อยได้ประโยชน์ บริหารประเทศโดยมี mind map มีทิศทาง ปรับระบบราชการจนชาวบ้านสัมผัสได้ หยิบยื่นโอกาสเข้าถึงเงินทุนให้กับชุมชน ส่งเสริมการสร้างผลิตภัฒฑ์จากภูมิปัญญา ยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยระบบหลักประกันสุขภาพ ปราบปรามยาเสพติดอย่างเอาจริงเอาจังทำให้สังคมปลอดภัยมากขึ้น นับเป็นการพัฒนาประเทศครั้งใหญ่สุดของประเทศ นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เลยทีเดียว
แค่มี vision เท่านั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
ย้อนรอยประวัติศาสตร์การเมืองไทย 2500-2549 : 50 ปี จากสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถึง ทักษิณ ชินวัตร
2500-2506 เป็นช่วงของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
2506-2516 จอมพลถนอม กิตติขจร
17 ปีที่ประเทศไทยเหมือนนิ่งสนิท ช่วงนี้ ไทยเราพึ่งพาอาศัยสหรัฐทุกด้าน
แม้กระทั่งการทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ใช้กันมาถึงทุกวันนี้ ก็สหรัฐช่วยสอนให้ทำ
เชพร่อน ก็เข้ามาทำมาหากินจนถึงทุกวันนี้
2516-2519 เป็นช่วงประชาธิปไตยทำท่าเหมือนจะเริ่มตั้งไข่
ผ่านรัฐบาลสัญญา ธรรมศักดิ์ - เสนีย์ ปราโมช - คึกฤทธิ์ ปราโมช - เสนีย์ ปราโมช
(ในทางการเมือง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ช่วงเป็นหัวหน้าพรรค ปชป. ได้รับฉายาว่า "ฤาษีเลี้ยงลิง"
เพราะในพรรคฟัดกันนัวเนีย หัวหน้าพรรคเอาไม่อยู่ ไม่เหมือนอภิสิทธิ์ที่เล่นเป็นลิงกับลูกพรรคได้กลมกลืน)
แล้วก็เกิดเหตุการณ์ 6 ต.ค. 19 ตามด้วยการรัฐประหาร (พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะรัฐประหาร)
2519-2520 รัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร์
(ฉายา "รัฐบาลหอย" เพราะนายธานินทร์พูดว่า รัฐบาลเปรียบเหมือนเนื้อหอย กองทัพเป็นเปลือกหอย)
2520-2523 รัฐบาลพลเอกเกรียนศักดิ์ ชมะนันท์ เจ้าตำรับแกงเขียวหวานไก่ใส่บรั่นดี
2523-2531 รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์
เรียกได้ว่ายุคประชาชูป้าย เช่น "น้ำเป็นของปลา ฟ้าเป็นของนก นายกฯเป็นของเปรม" "ฝนแล้งเราไม่ว่า ขอให้ป๋าเป็นนายกฯ"
ช่วงนี้ มีคำว่า "โชติช่วงชัชวาลย์" เพราะมีการสูบแก๊สจากอ่าวไทยขึ้นมาใช้
แต่ไม่รู้ว่าประเทศโชติช่วง หรือบริษัทข้ามชาติโชติช่วงกันแน่
2531-2534 รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ผู้ใช้นโยบาย "เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า"
แต่เพราะความขัดแย้งกับกลุ่ม 0143 ที่มีพลเอกสุจินดา คราประยูร เป็นหัวหน้ากลุ่ม
จึงเกิดเหตุการณ์ รสช. 23 ก.พ. 2534
2534-2535 รัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน - สุจินดา คราประยูร
แล้วก็เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
2535-2538 รัฐบาลชวน หลีกภัย ยุค "มีดโกนอาบน้ำผึ้ง" (ยุคนั้นอาจฟังดูเท่ แต่ถึงยุคนี้ ฟังดูน้ำเน่าชะมัด)
วัน ๆ ได้ยินแต่นายกฯพูดจาเชือดเฉือน เรื่องบริหาร เรื่องวิสัยทัศน์ อย่าถามหา
2538-2539 รัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา
ที่โดน ปชป. อภิปรายไม่ไว้วางใจถล่มเรื่องสัญชาติด้วยกระดาษแผ่นเดียว จนบรรหารงงว่าตูเกิดที่ไหนกันแน่ฟร่ะ
2539-2540 รัฐบาลชวลิต ยงใจยุทธ ยุคเศรษฐกิจฝีแตก
2540-2543 รัฐบาลชวน หลีกภัย ผู้รักษาฝี
แต่ไม่รู้รักษายังไง สร้างหนี้ ปรส. ให้ประเทศจนถึงทุกวันนี้เกือบล้านล้านบาท ไม่นับดอกเบี้ยที่จ่ายไปทุกปีตลอดเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา
แค่ดอกเบี้ย ก็มากกว่าเงินจำนำข้าวหลายกระบุง แต่ไม่รู้เงินไปเข้ากระเป๋าใคร ทั้งต้นทั้งดอก
2544-2549 รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
ช่วง 50 ปี มีรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีที่ผ่านการเลือกตั้งไม่กี่ปี
และในช่วงไม่กี่ปีนี้ มีรัฐบาลที่สร้างผลงานสมกับเป็นรัฐบาล โชว์ฝีมือการบริหารบ้านเมืองอยู่แค่สองรัฐบาล
คือรัฐบาลพลเอกชาติชาติ และรัฐบาลทักษิณ
นอกนั้น ก็แค่ "เล่นการเมือง" บริหารแค่การเมือง แต่บริหารบ้านเมืองไม่ได้เรื่อง
อย่างนายชวน นอกจาก "มีดโกนอาบน้ำผึ้ง" แล้ว ก็ "ชวนเชื่องช้า" เพราะไม่กล้าตัดสินใจอะไร รอทางลมก่อนซะทุกเรื่อง
บรรหาร ก็ "หลงจู๊" เพราะล้วงไปทุกเรื่องจนปากมันแผล่บ
ชวลิต ก็ "จิ๋วหวานเจี๊ยบ" เพราะรับปากทุกเรื่อง แต่ทำได้หรือไม่ได้อีกเรื่อง (ก็ยังดีกว่า "ดีแต่พูด" ล่ะนะ)
ส่วนรัฐบาลที่มาจากทหาร ไม่ต้องสาธยาย คงนึกภาพออก
นายกฯที่อยู่ติดต่อกันยาวนานที่สุด คือพลเอกเปรม ติณสูลานนท์
นี่มีเรื่องให้วิจารณ์เยอะ แต่คงไม่วิจารณ์ กลัวทู้หาย
ประเทศไทย มีน้ำมีเนื้อขึ้นมาบ้างก็ช่วงรัฐบาลชาติชาย รัฐบาลทักษิณ
เพราะเป็นช่วงรัฐบาลฟังเสียงประชาชน ทำตามและตอบสนองความต้องการของประชาชน
ผลักดันนโยบายของรัฐบาลออกมาเป็นรูปธรรมได้มาก ไม่ใช่แค่ลมปาก เลือกตั้งเสร็จแล้วลืม
ดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจเก่ง กล้าตัดสินใจ มีวิสัยทัศน์ บริหารเป็น ไม่ใช่แค่เล่นการเมืองเป็นเท่านั้น
50 ปี ที่เหมือนบ้านเมืองพัฒนาแค่ในช่วงสองรัฐบาล
น่าคิดไหมล่ะครับ ?
2549-2560 โน คอมเม้นท์
จบ