มีเรื่องเล่าที่อาจจะเป็นข้อคิดสำหรับการใช้ชีวิตมาแบ่งปันครับ
แกะคำบรรยายมาให้อ่านกันเผื่อดูคลิปแล้วอ่านไม่ทัน
"ก่อนอื่นเลย ผมขอถามทุกคนก่อน
มีใครชอบเงินไหมครับ? ถามคณะกรรมการด้วย ถ้ามียกมีเลย
โอเคไม่มีนะครับ ทุกคนชอบเงินหมด
ก่อนหน้านี้ทุกคนก็ชอบเงินมากเหมือนกัน
เงินซื้อความอยากคุณได้ ซื้อความฝันคุณได้
ขอแค่มีเงินอยากทำอะไรก็เป็นได้ทั้งนั้น"
....เงินนี่มันสุดยอดไปเลย....
ตอนเด็กๆแม่ผมเล่าให้ฟังว่าบ้านเราลำบากยากจนมาก
ถ้าหากว่าโจรขึ้นบ้านนะ โจรยังต้องร้องไห้ออกไป...(หัวเราะ)
ครอบครัวผม 6 คนอาศัยห้องเล็กๆของลุงผมอยู่
อยากรู้ไหมครับว่าเล็กขนาดไหน?
ถ้าสมมุติมีแขกมานอนค้างที่บ้าน
ผมกับพี่ๆน้องๆต้องยืนนอนกันเลยทีเดียว
ตอนหลังครับ พ่อผมทำธุรกิจได้เงินมาก้อนใหญ่
พ่อก็ไปซื้อบ้านที่กลางเมือง ครอบครัวเราย้ายไปอยู่ที่นั่น
โหวว..ช่วงนั้นได้ห้องส่วนตัวกันทุกคนเลยครับ
...บ้านใหญ่เลย....
นั่นเป็นครั้งแรก ที่ผมรู้ถึงอำนาจของเงิน
จากนั้นผมตั้งใจเลยว่า อีกหน่อยผมต้องหาเงินให้ได้มากกว่านี้
ครับ...ผมโชคดีที่ได้ทำงานเป็นศิลปิน
ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมหาเงินได้เยอะมาก มากจริงๆ
หามาได้ก็ต้องเสพสุขสิครับ
ทั้งรถหรูๆ แบรนด์เนมดังๆ นาฬิกาแพงๆ
ทานอาหารแพงๆ ท่องเที่ยวไปทั่ว
ผู้ชายนะครับ พอมีเงิน ก็เจ้าชู้
แฟน...ผมเปลี่ยนไม่ซ้ำหน้า
ตอนนั้นแฮปปี้มาก ผมใช้เงินซื้อทุกอย่างที่ผมอยากได้
แต่ก็เงินนี่แหละครับ ที่ค่อยๆทำให้ชีวิตผมพังลง
ผมเริ่มชอบเที่ยวกลางคืน
ปาร์ตี้ สังสรรแทบทุกคืน
ผมสายเฮฮาอยู่แล้ว ชอบเรียกเพื่อนมาสนุก คนยิ่งเยอะผมยิ่งชอบ
ถ้าคนน้อย ผมจะรู้สึกไม่โอเค ไม่สนุก ไม่มันส์
ช่วงนั้นมีประโยค ๆ หนึ่งที่ได้ยินบ่อยมากๆ
เฮียหม่า...จากนี้ไปเรื่องของพี่ก็เรื่องของผมนะ
มีเรื่องอะไรโทรหาผมได้ตลอดเลย...ผมช่วยพี่เต็มที่...
ห้องปาร์ตี้ผมใหญ่ขึ้นๆ คนที่มาก็เยอะขึ้นๆ
แต่มีอยู่ครั้งนึง ผมไปผับ
มีผู้หญิงคนนึง เห็นผมปุ๊บก็วิ่งมาแต่ไกลเลย
...เฮียหม่าาาขาา ไม่เจอกันนานเลยนะคะ
เดี๋ยวนะ...เมื่อคืนเราเพิ่งร้องคาราโอเกะกันยันเช้า
เธอดันมาบอกว่า ไม่เจอกันนานเลย..
ตอนหลังยิ่งร้ายไปกว่านั้น
คนที่มาปาร์ตี้ผมเป็นใคร ชื่ออะไร เป็นเพื่อนของใคร
แม้แต่ทำอาชีพอะไร ผมยังไม่รู้เลย
แต่ทุกคนดูสนิทกับผมมากเลย ล้อมหน้าล้อมหลัง
เฮียอย่างโน้น เฮียอย่างงี้
....สนุกครับตอนนั้นสนุกจริงๆ....
แต่ไม่รู้ทำไม เช้าตื่นมาบนพื้น
ผมพบว่าข้างกายที่อยู่เป็นเพื่อนมีแต่ขวดเหล้า
ผมมองดูขวดพวกนั้นก็คิดนะ
ถ้าเหล้า 1 ขวดแทนเพื่อนได้ 1 คน
ถ้าผมนอนหมดสภาพเนี่ย
จะมีซักคนไหมที่มาช่วยพยุงผมขึ้นมา?
ตอนนั้นผมรู้สึกอย่างเดียวเลย คือ มันว่างเปล่ามาก...
ผมไม่มีความสุข...
หรือเพราะหาเงินได้มากไม่พอ?
ใช่ๆมันต้องเป็นอย่างนั้นแน่...
ผมเริ่มหาวิธี ที่จะหาเงินได้มากขึ้นๆๆ
สุดท้ายผมก็เจอทางตันของชีวิตครับ...
ผมดันไปหลงเชื่อเพื่อนผมคนนึง
เขาชวนให้ผมร่วมลงทุนในธุรกิจที่ผมไม่มีความรู้เลย
เสร็จแล้วเขาก็เอาทุกอย่างที่เป็นของผมไป...
ถีบหัวผมส่ง...แล้วยังแย่งแฟนผมตอนนั้นไปด้วย...
ผมแทบคิดอยากจะฆ่าตัวตาย
จากนั้นไม่นาน ไต้ฝุ่นมรกต ไต้ฝุ่นที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี
พัดถล่มไต้หวันกวาดเอาทุกอย่างไป
ผมอยู่ที่บ้านเปิดทีวีดู ภัยพิบัติครั้งนี้ออกข่าวทุกช่อง
หมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่าโดนไต้ฝุ่นถล่มเรียบ
บ้านทุกหลังราบเป็นหน้ากลอง
ภาพในทีวีหน้าผมตอนนี้ คือ
ชาวบ้านที่ท้อแท้หมดหวัง หวาดกลัวและสิ้นหวัง
อยู่ๆความเศร้ามันก็ถาโถมใส่ผม
ภาพภัยพิบัติที่ปรากฎมันช่างเหมือนความรู้สึกที่อยู่ในใจผม ณ ตอนนั้น
พวกเขาไม่เหลืออะไรแล้ว ผมก็เหมือนกัน
...ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...
วินาทีนั้นผมคิดได้อย่างเดียวว่า... ผมต้องไปที่นั่น
ผมอยากจะไปช่วยพวกเขา
มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้บ้างไหม?
ผมเตรียมจะเกณฑ์เพื่อนฝูงผมไปช่วยในพื้นที่
แต่วินาทีที่ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะกด...
ผมดันไม่รู้ว่า...ผมจะโทรหาใคร...??
แค่ใครซักคน...ผมยังไม่รู้ว่าต้องโทรหาใครเลย
เพราะผมไม่รู้เลยว่า ใครเป็นเพื่อนของผม...
ผมเลยเอาความคิดเรื่องช่วยผู้ประสบภัย โพสต์ลงไปบนอินเตอเน็ต
คนที่ตอบรับมาร่วมกับผม กลายเป็นใครก็ไม่เคยรู้จักทั้งนั้น...
แต่ไอ้พวกที่เคยล้อมหน้าล้อมหลัง
เรียกผมว่า ...เฮียๆๆ...ไม่โผล่หัวมาซักคน!
ตลกนะ ว่าไหม?...(ปรบมือๆๆ)
ผมไม่รอช้า เก็บข้าวของ มุ่งหน้าไปยังเขตภัยพิบัติ
พอไปถึงผมก็ต้องช๊อคกับภาพต่อหน้าผมมาก
ทุกอย่างพังยับ บอกได้คำเดียวว่า "พินาศ"
ทุกอณูในอากาศมีแต่กลิ่นซากศพ...
สิ่งที่ผมคิดว่าหนักหนาสาหัส
มันเทียบไม่ได้เลยกับความพินาศที่อยู่ตรงหน้าผม
ผมรีบสงบจิตสงบใจ ตั้งมั่นแน่วแน่เรื่องเดียว
คือ "ช่วยเหลือผู้ประสบภัย"
หลังผมเหนื่อยมา 1 วันเต็มๆ
....ผมเหนื่อยมากครับ...
ผมล้มตัวนอนลงบนโคลนตรงนั้น
...มันโล่ง...อย่างบอกไม่ถูกครับ
ในตอนนั้นก็มียายคนนึงถือน้ำ 1 แก้วเดินเข้ามาหาผม
คิดดูครับ...ภัยพิบัติครั้งนั้น ยายแกไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
เหลือก็แค่น้ำแก้วนี้...ยายยื่นมาให้แล้วก็บอกขอบคุณผม
นัยย์ตาคุณยายมันเต็มไปด้วยคำว่า "ขอบคุณ"
วินาทีนั้น ความอ้างว้าง ว่างเปล่า
ความเจ็บปวดเสียใจของผมมันหายเกลี้ยงเลยครับ
ผมรู้สึกอิ่มเอม...มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
มันต่างจากความสุขที่ผมเคยสังสรรค์
ความสุขที่ผมเคยใช้เงินซื้อมาอย่างสิ้นเชิง
ผมนึกมาตลอดว่าคนอย่างผมมันไม่เหลืออะไรแล้ว
แต่ตอนนี้ผมอยู่ที่นี่ ช่วยคนอื่นจากตรงนี้
....ชีวิตของผม...มัน...มี...คุณ..ค่า..
น้ำตาผมค่อยๆไหลออกมา
ผมมาที่นี่เพราะผมมาช่วยพวกเขา
คิดไม่ถึงว่า...สุดท้ายคนที่ถูกช่วย...กลับเป็นผมเอง
....ผู้ให้ ย่อมอิ่มใจกว่าผู้รับ...
...ให้เราช่วยผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน...
2 ประโยคนี้เราท่องกันมาตั้งแต่สมัยประถม
แต่ผมกลับต้องใช้เวลาชีวิตถึง 30 ปี...
กว่าจะเข้าใจมัน...
เพราะภัยพิบัติครั้งนั้น...
การให้โดยไม่หวังผลในครั้งนั้น...
และน้ำ 1 แก้วของคุณยายในครั้งนั้น...
ถึงทำให้ผมรู้ซึ้งถึงความหมายของ 2 ประโยคนั้นครับ
ปัจจุบัน ผมก็ยังคงตั้งใจทำงาน ขยันหาเงิน
แต่ผมไม่ได้เอาเงินไปซื้อความสุขอีกแล้ว
ผมเลิกทำงานงกๆๆ เพื่อไขว่คว้า
ของนอกกายที่ตายไปก็เอาจติดตัวไปไม่ได้
....ทุกคนครับ เงินไม่ใช่ของที่ไม่ดี...
ยังไงเงินก็ยังสำคัญมากๆอยู่
แต่ในขณะที่หาเงินกันงกๆๆ...
จำไว้นะครับ อย่าได้หลงในอำนาจของเงิน
ตอนที่คุณมีเงิน คุณอย่าลืมที่จะ
...แบ่งปัน...
ช่วยเหลือผู้อื่น
........อย่าได้...สิ้นเนื้อประดาตัวจนเหลือแค่....เงิน !!!
แปลไทย #Ryoli #johnyshooter
ที่มาเพจ "ลุยจีน Shoot2China"
https://www.facebook.com/plugins/video.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fshoot2china%2Fvideos%2F1013311752107484%2F
อย่าได้...สิ้นเนื้อประดาตัวจนเหลือแค่...เงิน
แกะคำบรรยายมาให้อ่านกันเผื่อดูคลิปแล้วอ่านไม่ทัน
"ก่อนอื่นเลย ผมขอถามทุกคนก่อน
มีใครชอบเงินไหมครับ? ถามคณะกรรมการด้วย ถ้ามียกมีเลย
โอเคไม่มีนะครับ ทุกคนชอบเงินหมด
ก่อนหน้านี้ทุกคนก็ชอบเงินมากเหมือนกัน
เงินซื้อความอยากคุณได้ ซื้อความฝันคุณได้
ขอแค่มีเงินอยากทำอะไรก็เป็นได้ทั้งนั้น"
....เงินนี่มันสุดยอดไปเลย....
ตอนเด็กๆแม่ผมเล่าให้ฟังว่าบ้านเราลำบากยากจนมาก
ถ้าหากว่าโจรขึ้นบ้านนะ โจรยังต้องร้องไห้ออกไป...(หัวเราะ)
ครอบครัวผม 6 คนอาศัยห้องเล็กๆของลุงผมอยู่
อยากรู้ไหมครับว่าเล็กขนาดไหน?
ถ้าสมมุติมีแขกมานอนค้างที่บ้าน
ผมกับพี่ๆน้องๆต้องยืนนอนกันเลยทีเดียว
ตอนหลังครับ พ่อผมทำธุรกิจได้เงินมาก้อนใหญ่
พ่อก็ไปซื้อบ้านที่กลางเมือง ครอบครัวเราย้ายไปอยู่ที่นั่น
โหวว..ช่วงนั้นได้ห้องส่วนตัวกันทุกคนเลยครับ
...บ้านใหญ่เลย....
นั่นเป็นครั้งแรก ที่ผมรู้ถึงอำนาจของเงิน
จากนั้นผมตั้งใจเลยว่า อีกหน่อยผมต้องหาเงินให้ได้มากกว่านี้
ครับ...ผมโชคดีที่ได้ทำงานเป็นศิลปิน
ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมหาเงินได้เยอะมาก มากจริงๆ
หามาได้ก็ต้องเสพสุขสิครับ
ทั้งรถหรูๆ แบรนด์เนมดังๆ นาฬิกาแพงๆ
ทานอาหารแพงๆ ท่องเที่ยวไปทั่ว
ผู้ชายนะครับ พอมีเงิน ก็เจ้าชู้
แฟน...ผมเปลี่ยนไม่ซ้ำหน้า
ตอนนั้นแฮปปี้มาก ผมใช้เงินซื้อทุกอย่างที่ผมอยากได้
แต่ก็เงินนี่แหละครับ ที่ค่อยๆทำให้ชีวิตผมพังลง
ผมเริ่มชอบเที่ยวกลางคืน
ปาร์ตี้ สังสรรแทบทุกคืน
ผมสายเฮฮาอยู่แล้ว ชอบเรียกเพื่อนมาสนุก คนยิ่งเยอะผมยิ่งชอบ
ถ้าคนน้อย ผมจะรู้สึกไม่โอเค ไม่สนุก ไม่มันส์
ช่วงนั้นมีประโยค ๆ หนึ่งที่ได้ยินบ่อยมากๆ
เฮียหม่า...จากนี้ไปเรื่องของพี่ก็เรื่องของผมนะ
มีเรื่องอะไรโทรหาผมได้ตลอดเลย...ผมช่วยพี่เต็มที่...
ห้องปาร์ตี้ผมใหญ่ขึ้นๆ คนที่มาก็เยอะขึ้นๆ
แต่มีอยู่ครั้งนึง ผมไปผับ
มีผู้หญิงคนนึง เห็นผมปุ๊บก็วิ่งมาแต่ไกลเลย
...เฮียหม่าาาขาา ไม่เจอกันนานเลยนะคะ
เดี๋ยวนะ...เมื่อคืนเราเพิ่งร้องคาราโอเกะกันยันเช้า
เธอดันมาบอกว่า ไม่เจอกันนานเลย..
ตอนหลังยิ่งร้ายไปกว่านั้น
คนที่มาปาร์ตี้ผมเป็นใคร ชื่ออะไร เป็นเพื่อนของใคร
แม้แต่ทำอาชีพอะไร ผมยังไม่รู้เลย
แต่ทุกคนดูสนิทกับผมมากเลย ล้อมหน้าล้อมหลัง
เฮียอย่างโน้น เฮียอย่างงี้
....สนุกครับตอนนั้นสนุกจริงๆ....
แต่ไม่รู้ทำไม เช้าตื่นมาบนพื้น
ผมพบว่าข้างกายที่อยู่เป็นเพื่อนมีแต่ขวดเหล้า
ผมมองดูขวดพวกนั้นก็คิดนะ
ถ้าเหล้า 1 ขวดแทนเพื่อนได้ 1 คน
ถ้าผมนอนหมดสภาพเนี่ย
จะมีซักคนไหมที่มาช่วยพยุงผมขึ้นมา?
ตอนนั้นผมรู้สึกอย่างเดียวเลย คือ มันว่างเปล่ามาก...
ผมไม่มีความสุข...
หรือเพราะหาเงินได้มากไม่พอ?
ใช่ๆมันต้องเป็นอย่างนั้นแน่...
ผมเริ่มหาวิธี ที่จะหาเงินได้มากขึ้นๆๆ
สุดท้ายผมก็เจอทางตันของชีวิตครับ...
ผมดันไปหลงเชื่อเพื่อนผมคนนึง
เขาชวนให้ผมร่วมลงทุนในธุรกิจที่ผมไม่มีความรู้เลย
เสร็จแล้วเขาก็เอาทุกอย่างที่เป็นของผมไป...
ถีบหัวผมส่ง...แล้วยังแย่งแฟนผมตอนนั้นไปด้วย...
ผมแทบคิดอยากจะฆ่าตัวตาย
จากนั้นไม่นาน ไต้ฝุ่นมรกต ไต้ฝุ่นที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี
พัดถล่มไต้หวันกวาดเอาทุกอย่างไป
ผมอยู่ที่บ้านเปิดทีวีดู ภัยพิบัติครั้งนี้ออกข่าวทุกช่อง
หมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่าโดนไต้ฝุ่นถล่มเรียบ
บ้านทุกหลังราบเป็นหน้ากลอง
ภาพในทีวีหน้าผมตอนนี้ คือ
ชาวบ้านที่ท้อแท้หมดหวัง หวาดกลัวและสิ้นหวัง
อยู่ๆความเศร้ามันก็ถาโถมใส่ผม
ภาพภัยพิบัติที่ปรากฎมันช่างเหมือนความรู้สึกที่อยู่ในใจผม ณ ตอนนั้น
พวกเขาไม่เหลืออะไรแล้ว ผมก็เหมือนกัน
...ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...
วินาทีนั้นผมคิดได้อย่างเดียวว่า... ผมต้องไปที่นั่น
ผมอยากจะไปช่วยพวกเขา
มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้บ้างไหม?
ผมเตรียมจะเกณฑ์เพื่อนฝูงผมไปช่วยในพื้นที่
แต่วินาทีที่ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะกด...
ผมดันไม่รู้ว่า...ผมจะโทรหาใคร...??
แค่ใครซักคน...ผมยังไม่รู้ว่าต้องโทรหาใครเลย
เพราะผมไม่รู้เลยว่า ใครเป็นเพื่อนของผม...
ผมเลยเอาความคิดเรื่องช่วยผู้ประสบภัย โพสต์ลงไปบนอินเตอเน็ต
คนที่ตอบรับมาร่วมกับผม กลายเป็นใครก็ไม่เคยรู้จักทั้งนั้น...
แต่ไอ้พวกที่เคยล้อมหน้าล้อมหลัง
เรียกผมว่า ...เฮียๆๆ...ไม่โผล่หัวมาซักคน!
ตลกนะ ว่าไหม?...(ปรบมือๆๆ)
ผมไม่รอช้า เก็บข้าวของ มุ่งหน้าไปยังเขตภัยพิบัติ
พอไปถึงผมก็ต้องช๊อคกับภาพต่อหน้าผมมาก
ทุกอย่างพังยับ บอกได้คำเดียวว่า "พินาศ"
ทุกอณูในอากาศมีแต่กลิ่นซากศพ...
สิ่งที่ผมคิดว่าหนักหนาสาหัส
มันเทียบไม่ได้เลยกับความพินาศที่อยู่ตรงหน้าผม
ผมรีบสงบจิตสงบใจ ตั้งมั่นแน่วแน่เรื่องเดียว
คือ "ช่วยเหลือผู้ประสบภัย"
หลังผมเหนื่อยมา 1 วันเต็มๆ
....ผมเหนื่อยมากครับ...
ผมล้มตัวนอนลงบนโคลนตรงนั้น
...มันโล่ง...อย่างบอกไม่ถูกครับ
ในตอนนั้นก็มียายคนนึงถือน้ำ 1 แก้วเดินเข้ามาหาผม
คิดดูครับ...ภัยพิบัติครั้งนั้น ยายแกไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
เหลือก็แค่น้ำแก้วนี้...ยายยื่นมาให้แล้วก็บอกขอบคุณผม
นัยย์ตาคุณยายมันเต็มไปด้วยคำว่า "ขอบคุณ"
วินาทีนั้น ความอ้างว้าง ว่างเปล่า
ความเจ็บปวดเสียใจของผมมันหายเกลี้ยงเลยครับ
ผมรู้สึกอิ่มเอม...มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
มันต่างจากความสุขที่ผมเคยสังสรรค์
ความสุขที่ผมเคยใช้เงินซื้อมาอย่างสิ้นเชิง
ผมนึกมาตลอดว่าคนอย่างผมมันไม่เหลืออะไรแล้ว
แต่ตอนนี้ผมอยู่ที่นี่ ช่วยคนอื่นจากตรงนี้
....ชีวิตของผม...มัน...มี...คุณ..ค่า..
น้ำตาผมค่อยๆไหลออกมา
ผมมาที่นี่เพราะผมมาช่วยพวกเขา
คิดไม่ถึงว่า...สุดท้ายคนที่ถูกช่วย...กลับเป็นผมเอง
....ผู้ให้ ย่อมอิ่มใจกว่าผู้รับ...
...ให้เราช่วยผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน...
2 ประโยคนี้เราท่องกันมาตั้งแต่สมัยประถม
แต่ผมกลับต้องใช้เวลาชีวิตถึง 30 ปี...
กว่าจะเข้าใจมัน...
เพราะภัยพิบัติครั้งนั้น...
การให้โดยไม่หวังผลในครั้งนั้น...
และน้ำ 1 แก้วของคุณยายในครั้งนั้น...
ถึงทำให้ผมรู้ซึ้งถึงความหมายของ 2 ประโยคนั้นครับ
ปัจจุบัน ผมก็ยังคงตั้งใจทำงาน ขยันหาเงิน
แต่ผมไม่ได้เอาเงินไปซื้อความสุขอีกแล้ว
ผมเลิกทำงานงกๆๆ เพื่อไขว่คว้า
ของนอกกายที่ตายไปก็เอาจติดตัวไปไม่ได้
....ทุกคนครับ เงินไม่ใช่ของที่ไม่ดี...
ยังไงเงินก็ยังสำคัญมากๆอยู่
แต่ในขณะที่หาเงินกันงกๆๆ...
จำไว้นะครับ อย่าได้หลงในอำนาจของเงิน
ตอนที่คุณมีเงิน คุณอย่าลืมที่จะ
...แบ่งปัน...
ช่วยเหลือผู้อื่น
........อย่าได้...สิ้นเนื้อประดาตัวจนเหลือแค่....เงิน !!!
แปลไทย #Ryoli #johnyshooter
ที่มาเพจ "ลุยจีน Shoot2China"
https://www.facebook.com/plugins/video.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fshoot2china%2Fvideos%2F1013311752107484%2F