RAMEN TEI เป็นหนึ่งในร้านราเมงเก่าแก่ที่เปิดกิจการในกรุงเทพ ผมไม่แน่ใจว่าเปิดมานานเท่าไหร่แล้ว แต่เมื่อตอนที่ได้ไปชิมร้าน RAMEN TEI สาขาสุขุมวิท ครั้งแรกตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ตอนนั้นร้านก็ดูเหมือนได้เดินทางผ่านกาลเวลามานานแล้วทีเดียว เลยคิดว่าที่นี่น่าจะเปิดมานานไม่ต่ำกว่า 30 ปีแล้วแน่ๆ ซึ่งความอร่อยของราเมงแกงกะหรี่ที่ได้ลองในครั้งแรกก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำมาตลอด
หลังจากไม่ได้กลับไปเยี่ยมร้านโปรดร้านนี้มานาน เพราะมัวแต่ไปลองราเมงจากร้านใหม่ๆที่มาเปิดในเมืองไทยมากมาย ในที่สุดเวลาและความคิดถึงก็พาให้เราได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และเพียงแค่เปิดประตูเข้าไปในร้านก็จะพบกลับบรรยากาศคลาสสิคสไตล์ญี่ปุ่น และเสียงสนทนาเป็นภาษาญี่ปุ่นจากลูกค้าที่เป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆที่มาทำงานในเมืองไทยที่นั่งกันเต็มแทบทุกโต๊ะ เรียกได้ว่าเหมือนเราเปิดประตูวิเศษของโดราเอมอนไปโผล่ที่ญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ธรรมดาเวลามาร้านนี้จะได้ไปนั่งที่โต๊ะอาหารตลอด แต่วันนี้โชคดีที่โต๊ะธรรมดาเต็มเลยทำให้ได้ไปนั่งที่เคาท์เตอร์ตรงครัว ซึ่งที่นี่จะเป็นครัวแบบเปิด ทำให้ระหว่างรออาหารที่สั่งเลยได้นั่งดูโชว์จากบรรดาพ่อครัวที่กำลังทำอาหารกันอย่างชุลมุน ไม่ได้หยุด เพราะว่าลูกค้าคนญี่ปุ่นเองก็มาเพิ่มตลอดไม่ได้หยุดเช่นกัน
พี่ผู้ชายในรูป ตอนแรกนึกว่าพี่เป็นคนหั่นผักธรรมดาเพราะว่าเห็นพี่เน้นหั่นผัก จัดวัตถุดิบ นั่งๆดูไปสักพักเลยรู้ว่าพี่เขาน่าจะเป็นพ่อครัวระดับ senior ทีเดียว เพราะว่าพ่อครัวคนอื่นเวลาทำอาหารเสร็จก็จะต้องตักตัวอย่างมาใส่ในช้อนชิมของพี่เขา เพื่อให้พี่ใหญ่คนนี้ได้ชิมก่อนว่าผ่านไหม ถ้าพี่เขารู้สึกว่ายังขาดรสอะไรไปก็จะบอกให้พ่อครัวเติมเครื่องปรุงรสนั้นเพิ่มเข้าไป เลยทำให้ได้รู้ว่าที่นี่มี QC อาหารด้วย ไม่ได้ให้พ่อครัวปรุงเสร็จแล้วเอาไปเสิร์ฟเลย เพราะพ่อครัวน่าจะมีการเข้าออกกันบ่อยๆ ซึ่งถ้าฝีมือยังไม่นิ่งพออาจจะทำให้เสียมาตรฐานของร้านได้ ยังงี้นี่เองเลยทำให้ความอร่อยของร้านนี้คงเส้นคงวามาตลอดลูกค้าเลยติดไม่ไปไหน
แล้วพนักงานก็ยกเกี๊ยวซ่าที่สั่งไปมาเสิร์ฟ พอคุณแฟนผู้ชื่นชอบเมนูเกี๊ยวซ่าที่เคยมาร้านนี้ครั้งแรกได้ชิมไปถึงกับชมว่าอร่อย ซึ่งเมนูเกี๊ยวซ่าที่ดูเหมือนเป็นเมนูง่ายๆ เบสิคๆ แต่เอาเข้าจริงมีร้านไม่กี่ร้านเท่านั้นที่ทำออกมาแล้วอร่อย เกี๊ยวซ่าที่นี่ทำมาได้ลงตัวทุกอย่างทั้งความหนาของแป้ง ระยะเวลาในการทอด การปรุงไส้เกี๊ยวซ่า รวมไปถึงน้ำจิ้ม
จากนั้นพนักงานก็ยกพระเอกของเรื่องมาเสิร์ฟ ราเมงของที่นี่จะไม่ได้เป็นเหมือนราเมงของร้านส่วนใหญ่ที่จะมีแค่พวกเส้น หมูชาชู กับผักนิดหน่อย แต่ราเมงของร้านนี้จะอัดผักมาเต็มชามกันเลยทีเดียว ทำให้รู้ว่าร้านนี้เป็นราเมงสไตล์ลูกครึ่งญี่ปุ่นผสมจีน เพราะนอกจากราเมงที่มาเป็นสไตล์ลูกครึ่งแล้ว เมนูอาหารจานเดียวอื่นๆในร้านก็จะเป็นสไตล์ญี่ปุ่นผสมจีนแทบทั้งหมด เรื่องรสชาติของเมนูนี้เรียกว่าอร่อยเลยทีเดียว แต่มันจะเป็นความอร่อยอีกแบบนึงที่ไม่เหมือนกับพวกราเมงญี่ปุ่นแท้ๆ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะรสของผักที่เข้ามาเพิ่มมิติแปลกใหม่เข้าไปในราเมงชามนี้
นี่คือหน้าตาของนางเอกของร้านข้าวแกงกะหรี่หมูทอดทงคัตซึ แต่สำหรับผมเมนูนี้คืออันดับ 1 ในดวงใจประจำร้านนี้เลย ตัวหมูทอดดูหน้าตาธรรมดาไม่หล่อไม่สวยเหมือนพวก SABOTEN หรือ WAGO จนทำให้คิดว่าไม่น่าจะกรอบใช่ไหมครับ แต่น้องเขากรอบนะ เนื้อหมูด้านในก็โอเคเลย เรียกว่าทอดได้อร่อยกำลังดีทีเดียว ส่วนแกงกะหรี่ของที่นี่ก็จะคล้ายๆกับเมนูอื่นๆของร้านคือ อร่อยแบบสไตล์ลูกครึ่งญี่ปุ่นผสมจีน เพราะจะไม่ได้แบบข้นอย่างเดียวเหมือนร้านญี่ปุ่นที่อร่อยๆ แต่จะมีความหวานนุ่มสไตล์แกงกะหรี่จีนเข้ามาเสริมด้วย ทำให้จานนี้อร่อยแบบแปลกใหม่อีกแล้ว
สรุป ร้าน RAMEN TEI คืออีกหนึ่งร้านญี่ปุ่นที่คู่ควรแก่การไปลองชิมเป็นอย่างมาก เพื่อเปิดประสบการณ์การชิมอาหารญี่ปุ่นให้ได้รู้ว่าหากอาหารญี่ปุ่นได้มา featuring กับอาหารจีน แล้วจะเป็นอย่างไร และถึงแม้ว่าว่าชื่อร้านดูเหมือนว่าจะเป็นร้านที่เน้นเมนูราเมงเป็นหลัก แต่อาหารจานอื่นๆของที่นี่ก็อร่อยมากเช่นเดียวกัน เพราะเท่าที่สังเกตลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่นั่งกันเต็มร้าน ปรากฎว่ามีไม่น้อยที่สั่งแบบเป็นกับข้าวมาทานกันกับเพื่อนๆ หรือครอบครัว ซึ่งถ้าครั้งหน้าได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง ผมจะลองสั่งเป็นแบบกับข้าวดูบ้างว่าจะอร่อยเลิศรสเพียงใด
และถ้าปีใหม่นี้ใครไม่ได้ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น แต่อยากได้บรรยากาศเหมือนว่าได้ไปญี่ปุ่นก็ลองพาพ่อแม่ ครอบครัว มาที่ร้านนี้ดู เพราะว่าร้านนี้อยู่ในซอยสุขุมวิท 33/1 ซึ่งมีฉายาว่า LITTLE TOKYO จากการที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นมากมาย และมีร้าน 100 เยน (60 บาท) กับ FUJI SUPERMARKET ที่มีของญี่ปุ่นเต็มร้านไว้เพิ่มบรรยากาศเหมือนว่าได้ไปญี่ปุ่นอยู่ด้วย รับรองว่าถูกใจคนรักญี่ปุ่นกันแน่ๆครับซอยนี้
สำหรับเรื่องการเดินทาง เพื่อนๆสามารถนั่งรถ BTS มาลงที่สถานีพร้อมพงษ์ได้เลยนะครับ แล้วค่อยเดินย้อนมายังซอยสุขุมวิท 33/1 ที่อยู่ฝั่งเดียวกับเอ็มควอเทียร์ เข้าซอยไป 50 เมตร ร้านอยู่ซ้ายมือครับ หรือถ้าใครขับรถมาก็จะมีที่จอดหน้าร้านเล็กน้อย (ต้องลุ้น) หรือจะไปจอดด้านในซอยแบบเสียเงินก็ได้เช่นกัน
นอกจากที่สาขานี้แล้ว รู้สึกว่าทางร้านยังได้ไปเปิดสาขาใหม่ๆเพิ่มเติมอีกด้วยนะครับ
แล้วถ้าเพื่อนๆคนไหนสนใจติดตามรีวิวร้านอาหารอร่อยๆแบบนี้อีกละก็ สามารถกด LIKE เพจน้อยๆของผมที่ชื่อว่า Eat by Pro ได้เลยนะครับ ที่
https://www.facebook.com/eatbypro
ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
Eat by Pro
[CR] RAMEN TEI เมื่ออาหารญี่ปุ่นมา Featuring กับอาหารจีน ผลที่ได้คือ????
หลังจากไม่ได้กลับไปเยี่ยมร้านโปรดร้านนี้มานาน เพราะมัวแต่ไปลองราเมงจากร้านใหม่ๆที่มาเปิดในเมืองไทยมากมาย ในที่สุดเวลาและความคิดถึงก็พาให้เราได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และเพียงแค่เปิดประตูเข้าไปในร้านก็จะพบกลับบรรยากาศคลาสสิคสไตล์ญี่ปุ่น และเสียงสนทนาเป็นภาษาญี่ปุ่นจากลูกค้าที่เป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆที่มาทำงานในเมืองไทยที่นั่งกันเต็มแทบทุกโต๊ะ เรียกได้ว่าเหมือนเราเปิดประตูวิเศษของโดราเอมอนไปโผล่ที่ญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ธรรมดาเวลามาร้านนี้จะได้ไปนั่งที่โต๊ะอาหารตลอด แต่วันนี้โชคดีที่โต๊ะธรรมดาเต็มเลยทำให้ได้ไปนั่งที่เคาท์เตอร์ตรงครัว ซึ่งที่นี่จะเป็นครัวแบบเปิด ทำให้ระหว่างรออาหารที่สั่งเลยได้นั่งดูโชว์จากบรรดาพ่อครัวที่กำลังทำอาหารกันอย่างชุลมุน ไม่ได้หยุด เพราะว่าลูกค้าคนญี่ปุ่นเองก็มาเพิ่มตลอดไม่ได้หยุดเช่นกัน
พี่ผู้ชายในรูป ตอนแรกนึกว่าพี่เป็นคนหั่นผักธรรมดาเพราะว่าเห็นพี่เน้นหั่นผัก จัดวัตถุดิบ นั่งๆดูไปสักพักเลยรู้ว่าพี่เขาน่าจะเป็นพ่อครัวระดับ senior ทีเดียว เพราะว่าพ่อครัวคนอื่นเวลาทำอาหารเสร็จก็จะต้องตักตัวอย่างมาใส่ในช้อนชิมของพี่เขา เพื่อให้พี่ใหญ่คนนี้ได้ชิมก่อนว่าผ่านไหม ถ้าพี่เขารู้สึกว่ายังขาดรสอะไรไปก็จะบอกให้พ่อครัวเติมเครื่องปรุงรสนั้นเพิ่มเข้าไป เลยทำให้ได้รู้ว่าที่นี่มี QC อาหารด้วย ไม่ได้ให้พ่อครัวปรุงเสร็จแล้วเอาไปเสิร์ฟเลย เพราะพ่อครัวน่าจะมีการเข้าออกกันบ่อยๆ ซึ่งถ้าฝีมือยังไม่นิ่งพออาจจะทำให้เสียมาตรฐานของร้านได้ ยังงี้นี่เองเลยทำให้ความอร่อยของร้านนี้คงเส้นคงวามาตลอดลูกค้าเลยติดไม่ไปไหน
แล้วพนักงานก็ยกเกี๊ยวซ่าที่สั่งไปมาเสิร์ฟ พอคุณแฟนผู้ชื่นชอบเมนูเกี๊ยวซ่าที่เคยมาร้านนี้ครั้งแรกได้ชิมไปถึงกับชมว่าอร่อย ซึ่งเมนูเกี๊ยวซ่าที่ดูเหมือนเป็นเมนูง่ายๆ เบสิคๆ แต่เอาเข้าจริงมีร้านไม่กี่ร้านเท่านั้นที่ทำออกมาแล้วอร่อย เกี๊ยวซ่าที่นี่ทำมาได้ลงตัวทุกอย่างทั้งความหนาของแป้ง ระยะเวลาในการทอด การปรุงไส้เกี๊ยวซ่า รวมไปถึงน้ำจิ้ม
จากนั้นพนักงานก็ยกพระเอกของเรื่องมาเสิร์ฟ ราเมงของที่นี่จะไม่ได้เป็นเหมือนราเมงของร้านส่วนใหญ่ที่จะมีแค่พวกเส้น หมูชาชู กับผักนิดหน่อย แต่ราเมงของร้านนี้จะอัดผักมาเต็มชามกันเลยทีเดียว ทำให้รู้ว่าร้านนี้เป็นราเมงสไตล์ลูกครึ่งญี่ปุ่นผสมจีน เพราะนอกจากราเมงที่มาเป็นสไตล์ลูกครึ่งแล้ว เมนูอาหารจานเดียวอื่นๆในร้านก็จะเป็นสไตล์ญี่ปุ่นผสมจีนแทบทั้งหมด เรื่องรสชาติของเมนูนี้เรียกว่าอร่อยเลยทีเดียว แต่มันจะเป็นความอร่อยอีกแบบนึงที่ไม่เหมือนกับพวกราเมงญี่ปุ่นแท้ๆ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะรสของผักที่เข้ามาเพิ่มมิติแปลกใหม่เข้าไปในราเมงชามนี้
นี่คือหน้าตาของนางเอกของร้านข้าวแกงกะหรี่หมูทอดทงคัตซึ แต่สำหรับผมเมนูนี้คืออันดับ 1 ในดวงใจประจำร้านนี้เลย ตัวหมูทอดดูหน้าตาธรรมดาไม่หล่อไม่สวยเหมือนพวก SABOTEN หรือ WAGO จนทำให้คิดว่าไม่น่าจะกรอบใช่ไหมครับ แต่น้องเขากรอบนะ เนื้อหมูด้านในก็โอเคเลย เรียกว่าทอดได้อร่อยกำลังดีทีเดียว ส่วนแกงกะหรี่ของที่นี่ก็จะคล้ายๆกับเมนูอื่นๆของร้านคือ อร่อยแบบสไตล์ลูกครึ่งญี่ปุ่นผสมจีน เพราะจะไม่ได้แบบข้นอย่างเดียวเหมือนร้านญี่ปุ่นที่อร่อยๆ แต่จะมีความหวานนุ่มสไตล์แกงกะหรี่จีนเข้ามาเสริมด้วย ทำให้จานนี้อร่อยแบบแปลกใหม่อีกแล้ว
สรุป ร้าน RAMEN TEI คืออีกหนึ่งร้านญี่ปุ่นที่คู่ควรแก่การไปลองชิมเป็นอย่างมาก เพื่อเปิดประสบการณ์การชิมอาหารญี่ปุ่นให้ได้รู้ว่าหากอาหารญี่ปุ่นได้มา featuring กับอาหารจีน แล้วจะเป็นอย่างไร และถึงแม้ว่าว่าชื่อร้านดูเหมือนว่าจะเป็นร้านที่เน้นเมนูราเมงเป็นหลัก แต่อาหารจานอื่นๆของที่นี่ก็อร่อยมากเช่นเดียวกัน เพราะเท่าที่สังเกตลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่นั่งกันเต็มร้าน ปรากฎว่ามีไม่น้อยที่สั่งแบบเป็นกับข้าวมาทานกันกับเพื่อนๆ หรือครอบครัว ซึ่งถ้าครั้งหน้าได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง ผมจะลองสั่งเป็นแบบกับข้าวดูบ้างว่าจะอร่อยเลิศรสเพียงใด
และถ้าปีใหม่นี้ใครไม่ได้ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น แต่อยากได้บรรยากาศเหมือนว่าได้ไปญี่ปุ่นก็ลองพาพ่อแม่ ครอบครัว มาที่ร้านนี้ดู เพราะว่าร้านนี้อยู่ในซอยสุขุมวิท 33/1 ซึ่งมีฉายาว่า LITTLE TOKYO จากการที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นมากมาย และมีร้าน 100 เยน (60 บาท) กับ FUJI SUPERMARKET ที่มีของญี่ปุ่นเต็มร้านไว้เพิ่มบรรยากาศเหมือนว่าได้ไปญี่ปุ่นอยู่ด้วย รับรองว่าถูกใจคนรักญี่ปุ่นกันแน่ๆครับซอยนี้
สำหรับเรื่องการเดินทาง เพื่อนๆสามารถนั่งรถ BTS มาลงที่สถานีพร้อมพงษ์ได้เลยนะครับ แล้วค่อยเดินย้อนมายังซอยสุขุมวิท 33/1 ที่อยู่ฝั่งเดียวกับเอ็มควอเทียร์ เข้าซอยไป 50 เมตร ร้านอยู่ซ้ายมือครับ หรือถ้าใครขับรถมาก็จะมีที่จอดหน้าร้านเล็กน้อย (ต้องลุ้น) หรือจะไปจอดด้านในซอยแบบเสียเงินก็ได้เช่นกัน
นอกจากที่สาขานี้แล้ว รู้สึกว่าทางร้านยังได้ไปเปิดสาขาใหม่ๆเพิ่มเติมอีกด้วยนะครับ
แล้วถ้าเพื่อนๆคนไหนสนใจติดตามรีวิวร้านอาหารอร่อยๆแบบนี้อีกละก็ สามารถกด LIKE เพจน้อยๆของผมที่ชื่อว่า Eat by Pro ได้เลยนะครับ ที่ https://www.facebook.com/eatbypro
ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
Eat by Pro