จากใจน้องสาวที่มีพี่ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนตอนอายุ 34ปี (T_T)

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้นะคะ
เริ่มเล่าเรื่องราวเลยละกันค่ะ
เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อวันที่ 05/07/2016 พี่สาวของหยกทำงานอยู่กรุงเทพฯเป็นพนักงานแบงค์หน้าตาสวยคนหนึ่ง เย็นวันนั้นได้โทรมาหาหยกบอกว่าจะมาส่งน้องชายที่ศรีราชา และอยากจะมาหาหมอโรงพยาบาลที่หยกทำงานอยู่ คืนวันนั้นก็ได้หาหมอ มาด้วยอาการตัวเหลืองตาเหลืองมา ด้วยความที่เราเคยชินก็ไม่ผิดสังเกตุว่าผิวพี่เราเหลือง นึกว่าทำงานหนักพักผ่อนน้อยอะไรประมาณนั้น แต่ตาพอเปิดดูคือเหลืองจริง หมอก็ให้ไปเจาะเลือดตรวจดูค่าตับ และซาวด์ท้อง
พี่สาวก็บอกหมอทำหน้าแปลกๆเหมือนเจออะไร แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา จนเสร็จ ผลเลือดออกหมอก็บอกว่าค่าตับผิดปกติตับค่อนข้างอักเสบ และแนะนำให้มาหาหมอเฉพาะในวันถัดไป วันรุ่งขึ้นก็มาหาหมอGI ก็มีการทำ CT ดู ก็พบว่ามีก้อนไปอุดขวางที่ท่อน้ำดีส่วนปลายบริเวรตับ และก็มีก้อนนิ่ว2ก้อน ซิ่งก้อนบริเวรท่อน้ำดีหมอก็บอกไม่ได้ว่ามันเป็นอะไร ต้องทำการส่องกล้องดู ถ้าเป็นแค่ก้อนนิ่วไปอุดตับก็แค่ทำการเอามันออก อาการที่ตัวเหลืองตาเหลืองก็จะลดลง วันที่06/07/2016 ก็ adm ที่ รพ และได้ทำการส่องกล้อง คืนนั้นใจก็ภาวนาขอให้เป็นแค่ก้อนนิ่วมันไปอุดตัน แต่สิ่งที่ขอก็ไม่เป็นผล หมอส่องกล้องบอกว่าเจอก้อนขนาด 1 cm และได้ทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ รอผลประมาณ5-7 วัน ระหว่างนี้หมอก็ใส่ท่อขยายในท่อน้ำดีให้เพื่อให้น้ำดีมันไหลได้ลดอาการตัวเหลือง
ช่วงระหว่างนี้ก็ได้แต่ไปขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้ผลออกมาไม่ใช่เนื้อราย
และวันที่หมอนัดก็มาถึง ใจก็คิดว่าอย่าเป็นเนื้อร้าย แต่ความรู้สึกกับบรรยากาศไม่เป็นออกมาอย่างที่คิดเลย และผลก็ออกมา
"คุณเป็นมะเร็ง" คำนี้ ดังขึ้นในหัว ครอบครัวเราใจแตกสลาย เริ่มที่แม่ร้องไห้ ความดันขึ้น ฉันร้องไห้ พ่อตาแดง ส่วนพี่สาวสีหน้าตกใจแต่ยังไม่ได้ร้องไห้
มาร้องตอนหลังที่แม่นอนร้องไห้ วันนั้น คิดแต่ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับครอบครัวเราได้ยังไง มันเป็นเรื่องที่ทำให้ใจเราสลายมากที่สุด
แต่หมอก็บอกว่ามันเป็นขั้นต้นๆ ถ้าได้ผ่าตัดเร็วเท่าไหร่และรีบทำคีโม โอกาสหายก็มี ซึ่งจุดที่เจอมันเกิดตรงท่อน้ำดีแต่มันเป็นมะเร็งอะไรต้องตรวจลึกๆอีกที พี่สาวก็ไม่ได้รอช้าอะไรรีบหาข้อมูล ว่าที่ไหนดี
สรุปก็ไปได้ที่ ศิริราช หมอรับผ่าตัด และได้เข้าโครงการณ์ของในหลวง ทางครอบครัวก็ดีใจ เพราะค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดค่อนข้างแพง และได้กำหนดผ่าวันที่ 25/07/2016 เป็นการผ่าตัดใหญ่ โดยใช้วิธีส่องกล้องผ่าเอาถุงน้ำดีออก ตัดท่อน้ำดีส่วนปลายออก และก็ทำการตัดต่อระหว่างกระเพาะ ลำไส้เล็กส่วนบน ตับอ่อนส่วนบน วันนั้นใช้เวลาผ่าตัดไปประมาณ เกือบ 11 ชั่วโมง เป็นการรอคอยที่ทรมานใจมาก ผ่าออกมาก็ราวๆเที่ยงคืน และคืนนั้นพี่สาวหยกต้องนอนคนเดียว สงสารมาก รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด เสียงที่ร้องออกมามันเกินบรรยาย
ผ่านมาประมาณเกือบอาทิตย์ความปวดก็เริ่มเบาลง จนหมอเริ่มให้จิบน้ำ และทานอาหารอ่อน สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีก พี่สาวหยกกินไม่ได้ กินอะไรก็อ้วกออกมาหมด หมอก็ได้แต่บอกว่าท้องมันคราก ต้องใช้เวลา ผ่านไป1เดือนก็ยังทานไม่ได้ ก็ได้ทำ ct ดูว่ามีปัญญาอะไร ปรากฎว่า ส่วนท่อที่ต่อมีจุดนึงมันพับ
เราจะโทษใครดี โทษหมอก็คงไม่ได้หมอก็บอกว่าทำดีที่สุดแล้ว แต่ ทำไมมันต้องเกิดเรื่องร้ายๆซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วหมอก็ไม่ได้ออกมาขอโทษอะไรเลย ได้แต่บอกว่าต้องผ่าตัดใหม่ มันง่ายๆอย่างนั้นเลยหรอ และที่สำคัญ ที่ว่าให้ทุนก็ต้องโดนยกเลิก เหตุเพราะตอนที่เซ็นต์ยินยอมผ่าตัด มีแม่กับแฟนพี่สาวเป็นคนเซ็นต์ เค้าตรวจสอบว่าแฟนพี่สาวมีรายได้เยอะ จึงขอสิทธิ์คืน แต่พี่สาวหยกเค้ายังไม่ได้แต่งงานกับแฟนคนนี้ไม่ได้จดทะเบียนกัน หยกคิดว่ามันไม่แฟร์เท่าไหร่ จริงๆครอบครัวเรา ไม่ได้มีเงินเยอะอะไรก็มนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ พ่อแม่ก็ขายเสื้อผ้าเงินก็ใช้เดือนต่อเดือนไม่ได้มีเงินเก็บอะไร แต่เรื่องมันเลยมาแบบนี้ก็ต้องยอมรับ จนมาถึง การผ่าตัดครั้งที่ 2
วันที่ 25/08/2016 ผ่าตัดใหม่ ต่อท่อแถวกระเพราะใหม่ พอผ่าเสร็จออกมา คราวนี้ความเจ็บปวดมันรุนแรงมากขึ้น ได้แต่มองแล้วก็น้ำตาคลอๆ ได้แต่ปลอบว่าเดี๋ยวก็หาย แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้พี่สาวหายเจ็บขึ้นเลย จนผ่านไปเกือบเดือน ก็ยังทานอะไรไม่ได้ ความท้อของพี่สาวก็มา ก็เริ่มจิตตก จนขอหมอกลับบ้าน แล้วให้หมอนัดมาดูอาการใหม่ แต่การผ่าครั้งนี้หมอได้เจาะสายต่อออกมาจากลำไส้เพื่อเอาไว้ฟีตอาหารเหลวลงไปแทนการกินทางปาก
คิดว่าเรื่องแย่ๆจะหมดแล้วนะ แต่ยังก่อน พอถึงวันนัด ได้มีการคุยถึงเรื่องการทำคีโม หมอบอกว่าเกินเวลาไม่สามารถทำคีโมได้แล้ว นี่ก็คิดในใจแล้วใครมันทำให้เกินระยะเวลาที่จะทำคีโมล่ะ และหมอก็บอกว่า มะเร็งได้ลามไปส่วนต่างๆของร่างกายแล้วตับอ่อน ตับ ม้าม ปอด ต่อมน้ำเหลือง ได้แต่ทำยังไงก็ได้ให้เค้าเจ็บปวดน้อยที่สุด
คุณคิดว่าได้ยินแบบนี้ ครอบครัวเราจะรู้สึกยังไง
แต่เราก็ยังให้กำลังใจกัน พี่สาวหยกเค้าก็เข้มแข็งพอ ก็ไปถามที่ รพจุฬาภรณ์ แต่ก็ต้องคอตกกลับบ้าน เพราะที่นั่นก็ไม่รับทำคีโมเหมือนกัน ได้แต่บอกว่าทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ เพราะทำไปไม่รู้จะได้ผลรึป่าว ระหว่างที่ผ่านมาพี่สาวหยกก็ผอมลงๆ เหลือน้ำหนัง 38 กก.
อาการปวดจากตัวโรคก็แรงขึ้นๆ ก็ได้แต่ใช้มอร์ฟีนเพื่อบรรเทาปวด
ผ่านไปจนเดือนกันยายน หมอก็นัดดูอาการ คราวนี้ไม่ได้กลับบ้าน หมอจำเป็นต่องใส่ท่อต่อกับกระเพาะ และลำไส้ใหม่ หมอบอกเป็นทางเดียวที่จะช่วยระบายเวลาเราอึดอัดจะอ้วก ตอนแรกพี่สาวก็ว่าจะยังไม่ทำพอไปๆมาๆก็สรุปทำ คราวนี้ ร่างกายที่เคยผ่าตัดมา2ครั้ง มันช้ำจนไม่รู้จำช้ำยังไง
ความเจ็บปวดหลังต่อท่อมันรุนแรงกว่า2ครั้งที่ผ่านมา ใช้เวลาอีกเป็นอาทิตย์กว่าความเจ็บปวดจะเบาลง ตอนนั้นก็ได้แต่ร้องไห้สงสารพี่สาวสุดๆ
เจ็บแล้วเจ็บอีก จนได้กลับบ้าน มาดูแลกันเองอยู่เป็นเกือบ 3 เดือน พี่สาวก็ได้สนใจการรักษาที่ญี่ปุ่น และได้ติดต่อไป ทางญี่ปุ่นตอบกลับมาว่ารับทำ
กำลังใจพี่สาวก็เหมือนมีหวังอีกครั้ง และได้ไปญี่ปุ่นเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หมอที่นั่นได้เจาะเลือดไปเพาะและเมลล์กลับมาบอกว่าสามารถทำวัคซีนได้แล้ว และนัดอีกครั้งเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนไปก็ท้องเริ่มบวมน้ำ และได้เจาะเอาน้ำออกก่อนไป และช่วงนี้ก็ไม่ทันผิดสังเกตุว่าพี่สาวเริ่มมีอาการแย่ลง เค้าเริ่มหลับง่าย นอนทั้งวัน แต่ยังพอมีแรงเดินเข้าห้องน้ำเองได้ ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นอะไร ก็เริ่มเป็นหนักตอนบินไปญี่ปุ่นรอบ 2 เริ่มมีอาการเพ้อ หลับตลอด พอได้ฉีดวัคซีนและกลับมาไทย คืนนั้นก็เหมือนคนหมดสติไม่มีแรง เราก็นึกว่าเป็นเพราะกินมอร์ฟีนมากไป ก็เลยพาไปหาหมอแถวบ้านที่ศรีราชาอีก2 วันถัดมา ก็นอน adm ที่ รพ.แต่แย่กว่านั้นพี่สาวหยกดันติดเชื้อในกระแสเลือด เลือดจาง ระดับแคลเซียมในเลือดสูง ท้องก็บวมน้ำขึ้นเรื่อยๆ
หมอบอกให้ทำใจ เค้ามาจุดสุดท้ายของตัวโรคแล้ว ได้แต่รักษาตามอาการไปทำอะไรเพิ่มกว่านี้ไม่ได้แล้วอาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ตลอดเวลา และตับเริ่มทำงานได้น้อยลง ตั้งแต่วันที่รู้ว่าเป็นมะเร็งจนวันนี้ก็ 5เดือนกว่า และหมอก็บอกว่าคนเป็นโรคนี้ระยะเวลาอยู่ได้ 6เดือนถึงเต็มที่ 1ปี
ความรู้สึกของฉันที่มีต่อพี่สาว บอกได้เลยว่า
"ถ้าเจ็บแทนได้จะเจ็บแทนให้ "
"ถ้าเป็นแทนได้จะเป็นแทนให้"
เพราะฉันกินผักได้ ยาอะไรที่เค้าว่ากินแล้วหายฉันจะกิน เพราะแกกินผักไม่ได้ทางเลือกแกก็โดนตัดไป
จนมาถึงตอนนี้เวลาของเราเหลือน้อยเต็มที ฉันจะทำให้ดีที่สุด จะดูแลป๊ากับแม่เท่าที่คนๆนึงจะทำได้ อย่าห่วงอะไร อย่าท้อแท้ เราทำดีที่สุดแล้วเท่าที่เราทำได้ ฉันรักแก ไม่บอกแกก็น่าจะรู้ ป๊ากับแม่ก็ไม่ต้องพูดถึง ฉันรักแกเท่าไหร่ป๊ากับแม่รักแกมากกว่าฉันหลายเท่า
------------------------------------------------------
วันที่30/12/2016 ก็ขอหมอกลับบ้าน เพราะพี่สาวอยากกลับ สีหน้าก็ยิ้มแย้มตลอด ขอให้มีแรงฮีดอย่างนี้เรื่อยๆนะ
ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ  ฉันไม่ได้หวังว่าพี่ฉันจะหาย แค่ขอให้ไม่เจ็บไม่ปวดไม่ทรมาน ก็ดีใจแล้ว
------------------------------------------------------
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่