ไฮเปอร์ไทรอยด์ เลี่ยงไม่ได้ เราก็ต้องอยู่ให้ได้!!!

สวัสดีค่ะ เราชื่อเม อายุ 21 ปี  เราตรวจเจอไทรอยด์เป็นพิษ หรือเรียกอีกอย่างว่า hyperthyroid เมื่อประมาณเดือนมกราคม 2556 อาการตอนนั้นไม่ได้รุนแรงมากเท่าไหร่ ก็จะมีอาการใจสั่น เหนื่อยง่าย ปัสสาวะบ่อย จากคนที่ไม่เคยตื่นกลางคืนเลยก็ตื่นเพราะฉี่บ่อยเป็นเหตุ ถ่ายบ่อยมากวันละ4-5รอบ แต่น้ำหนักไม่ค่อยลดเท่าไหร่(แอบเสียใจนะเนี่ย55) โดยโรคนี้มีสาเหตุมาจากการที่ต่อมไทรอยด์ที่คอของเราเนี่ยมันทำงานมากกว่าปกติ ทำให้ฮอร์โมนไทรอยด์หลั่งออกมามากกว่าปกติตามไปด้วย ฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกายเราทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโต และควบคุมเมตาบอลิซึมของร่างกาย เร่งกายหายใจ ควบคุมการเผาผลาญสารอาหารต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น เร่งการสลายไขมัน เร่งการสลายไกลโคเจน จึงมีผลต่อการสร้างพลังงาน และอุณหภูมิของร่างกายอย่างมาก ดังนั้นหากฮอร์โมนตัวนี้ในร่างกายเพิ่มขึ้น จะทำให้มีอาการใจสั่น เหนื่อยง่าย ปัสสาวะและถ่ายบ่อยกว่าปกติ น้ำหนักลดลง
             เราไปตรวจและรักษาที่รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ประมาณ 1 ปี 8 เดือน ทานยาTimazole นั่นแหละค่ะคนเป็นไทรอยด์จะรู้กัน โดยช่วง4เดือนแรกที่มีใจสั่นก็จะได้ทานยาใจสั่นเม็ดสีบานเย็นควบคู่ไปด้วย
             เป็นโรคนี้ต้องทำใจค่ะ เพราะเป็นโรคที่โอกาสหายขาดน้อย ทางเลือกในการรักษาสำหรับผู้ที่เป็นไฮเปอร์ไทรอยด์นั้นมี 3 วิธีด้วยกัน
             1. ทานยาค่ะ ยาที่ว่าก็คือยาที่ไปลดฮอร์โมนไทรอยด์นั่นเองค่ะ ปริมาณที่ทานก็ไม่เท่ากันในแต่ละคน แต่ละเดือน เพราะดูปริมาณฮอร์โมนในร่างกายเราแล้วปรับปริมาณยาตาม วิธีนี้เป็นวิธีพื้นฐานที่คนที่เป็นไฮเปอร์ไทรอยด์ระยะแรกๆ ตรวจเจอใหม่ๆรักษากัน โอกาสหายก็มีนะคะ ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้วิถีชีวิตอย่างไร ถ้าดูแลสุขภาพดี ทานยาเป็นประจำทุกวันไม่เคยขาด พบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ก็มีโอกาสหายค่ะ แต่หลังจากงดยาแล้วถ้าไม่ดูแลสุขภาพดีๆมีสิทธิ์กลับมาเป็นใหม่นะคะ เตือนไว้ก่อน^^
             2. กลืนแร่รังสีไอโอดีน วิธีนี้จะได้รักษาก็ต่อเมื่อวิธีแรกไม่ได้ผล คือทานยาแล้วอาการไฮเปอร์ไทรอยด์ไม่ดีขึ้น หรือแพ้ยาที่ใช้รักษา มะเร็งไทรอยด์ ก้อนไทรอยด์โตขึ้น(ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ )และอีกกรณีคือหายแล้วกลับมาเป็นซ้ำค่ะ โดยแพทย์ที่รักษาเราจะให้เราพิจารณาว่าจะเลือกรักษาด้วยวิธีนี้มั้ย ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราค่ะ โดยแร่รังสีไอโอดีนที่กลืนไปนั้นจะเข้าไปจับกับเซลล์ต่อมไทรอยด์ของเราและทำลายมันค่ะ เซลล์ไทรอยด์จะไม่กลับมาแบ่งตัวอีก พูดง่ายๆคือบางส่วนของต่อมไทรอยด์จะหายไป ทำให้ฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกายเราลดลงตามค่ะ ซึ่งปริมาณแต่รังสีที่เรากลืนนั้นขึ้นอยู่กับขนาดต่อไทรอยด์และฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกายเรานั่นเอง เพราะฉะนั้นแต่ละคนจะกลืนรังสีในปริมาณที่ไม่เท่ากันค่ะ และวิธีนี้หากต่อมไทรอยด์เราถูกทำลายไปเยอะหรือหมดไปเลยนั้น ภาวะที่ตามมาก็จะเป็นไฮโปไทรอยด์แทน ซึ่งจะได้ทานฮอร์โมนไทรอยด์เสริมแทน (ผลข้างเคียงหรือเสี่ยงอันตรายน้อยกว่าการรักษาไฮเปอร์ไทรอยด์ด้วยการทานยา)
           3. การผ่าตัด คือการผ่าจัดต่อมไทรอยด์ออกไปเลย วิธีนี้ส่วนมากใช้รักษาผู้ที่เป็นมะเร็งไทรอยด์ค่ะ แต่ไฮเปอร์ไทรอยด์ก็สามารถรักษาด้วยวิธีนี้ได้นะคะ การผ่าตัดนี้จะทำให้ต่อมไทรอยด์หายไปจากร่างกายเรา ไม่กลับมาอีกเลย55 ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคนและการแนะนำ/รักษาของแพทย์ด้วยค่ะ

             ช่วงที่เป็นใหม่ๆ 3 เดือนแรกต้องทายา 3 เม็ดเลย เพราะฮอร์โมนไทรอยด์สูงมากก เราเครียดมาก เพราะหลังจากทานยา น้ำหนักเพิ่มมา 10 กว่า กิโล จากน้ำหนัก 54-55 kg. เพิ่มมาเป็น 67-68 กิโลกรัม แถมพ่วงด้วยความดันสูง  มีใจสั่นและยังคงเหนื่อยง่ายอยู่ ประมาณ 6-7 เดือนให้หลังก็ไม่ค่อยมีอาการใจสั่นแล้ว ช่วงนั่นเริ่มทำใจเรื่องน้ำหนัก แต่เรายังคงกังวลเรื่องความดันสูงกับอาการเหนื่อยง่าย เราปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองขึ้น จากคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกายก็เริ่มเรียนรู้ที่จะออกกำลังกาย เช่น วิ่ง  เต้นแอโรบิก สลับกันไปในแต่ละวัน ตื่นมาวิ่งตอนเช้าบ้าง โดยออกกำลังกายวันละประมาณ 30-40 นาที ความหนักการออกกำลังกายคือให้เรารู้สึกเหนื่อยแบบพูดได้แค่คำสองคำ  ส่วนเรื่องอาหารก็ควบคุมอาหารมากขึ้น ทานผัก ผลไม้มากกว่าเดิม ลดพวกอาหารทอดมัน เค็ม และหวาน   ของหวานอย่างเช่นเค้ก น้ำหวาน นี่ทานอาทิตย์ละครั้งสองครั้งแทน  แต่ก็ไม่ได้เคร่งมากเหมือนคนที่ลดน้ำหนักนะคะ  
              เมื่อปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ออกกำลังกายเป็นประจำ3-5ครั้งต่อสัปดาห์ ทำไปได้ประมาณ 3-4 เดือน  หลังจากตรวจผลเลือดช่วงเดือนสิงหาคม(หลังเป็นไฮเปอร์ฯประมาณ 8 เดือน) ฮอร์โมนไทรอยด์ที่สูงๆก็ลดลงมาได้ประมาณหนึ่งค่อนเกือบปกติเลย และความดันก็กลับมาเป็นปกติ รวมทั้งไม่ค่อยเหนื่อยง่ายแล้วด้วย ได้ลดปริมาณยาจาก 3 เม็ดเป็น 2 เม็ดและ 1 เม็ดตามลำดับ และได้ลดยาเหลือครึ่งเม็ดหลังจากทานยามา 1 ปี อมยิ้ม02แต่ แต่ แต่ แต่ แต่ว่าน้ำหนักเราไม่ละนะจ๊ะ TOT แอบเสียใจ แต่เราก็เริ่มชินกับหุ่นแบบนี้ น้ำหนักแบบนี้ไปแล้วก็ไม่ได้เครียดมากอะไร เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วค่ะสำหรับคนที่ทานยารักษาอาการไฮเปอร์ไทรอยด์ เพราะยาตัวนี้ทำหน้าที่ไปลดการหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ ทำให้อาการข้างเคียงจากยาจะตรงข้ามกับอาการไฮเปอร์ไทรอยด์ไปเลย คือระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานลดลง ระบบเมตาบอลิซึมทำงานลดลง ส่งผลให้น้ำหนักเราเพิ่มขึ้นนั่นเองค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่บุคคลนะคะ บางท่านทานยาแล้วน้ำหนักไม่เพิ่มก็มี แล้วแต่สภาพร่างกายและการรับประทานอาหาร การออกกำลังกายของแต่ละท่านด้วยเช่นกัน
              หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาเรื่อยๆ และได้งดยาไทรอยด์ประมาณเดือนสิงหาคม 2558 รวมระยะเวลาที่อยู่กับไทรอยด์ก็ประมาณ 1 ปี กับอีก 8 เดือนค่ะ ^^ กลายเป็นคนรักสุขภาพมากขึ้น เราเรียนสายวิทยาศาสตร์สุขภาพด้วยเลยได้มีโอกาสตรวจสุขภาพบ่อยๆ เรื่องหัวใจ ความดัน และแข็งแรงกว่าคนที่ไม่เป็นโรคอะไรเลยอีกด้วย(55แอบภูมิใจนะคะ><) จากที่ได้ออกกำลังกายโดยการวิ่ง ทำให้เราวิ่งมินิมาราธรเป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งไม่คาดคิดเลย การเต้นแอโรบิกทำให้ร่างกายมีกำลังกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่นมากขึ้น จากที่นั่งเหยียดขาแล้วนำมือแต่ปลายเท้าไม่ได้(ติดพุง55) ก็ทำได้และเยอะด้วย อิอิ มีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นมากมายค่ะ ถ้าไม่เป็นโรคนี้ เราคงไม่หันกลับมาคิดถึงสุขภาพของตัวเอง คงเป็นคนเฉื่อยๆ ไม่ออกกำลังกาย ทานอาหารโดยไม่คิด สุขภาพอาจจะแย่กว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้ สุดท้ายนี้เมขอเป็นกำลังใจให้คนที่เป็นไฮเปอร์ไทรอยด์ทุกคนนะคะ เลี่ยงไม่ได้ แต่เราต้องอยู่ให้ได้ค่ะ ^^
               หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ  สงสัยอะไรหรืออยากสอบถามอะไรถามเราได้นะ ตอนนี้ก็อยู่กับโรคนี้มาได้เกือบ 3 ปีแล้ว (ชินละ55) เพราะเรากลับมาเป็นซ้ำค่ะการตัดสินใจต่อมาคือ ... กลืนแร่รังสีไอโอดีน!!!!!!

ปล.เป็นกระทู้แรกเลย เราอาจเขียนไม่ตรงประเด็นบ้างนะ55 ผิดพลาดประการใด เมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ (แนะนำกันได้ไม่ว่ากัน อิอิ)ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่