เรื่องเล่ายามดึกดื่น คืนที่ยาวนาน

กระทู้สนทนา


หลวงพ่อวัดโอภาษีเล่านิมิตเรื่องนรก!

เข้าเรื่องเรยนะครับ ผมก็ไปกับที่บ้านรวม 5 คน เข้าไปถึงกุฎิที่พ่อผมบอกว่าเป็นพี่ชายของเจ้าอาวาส

เป็นหลวงพ่อ อายุราวๆ 70 ตาซ้ายเสียอ่ะครับ เห็นบอกว่าองค์นี้เก่งมาก
เราก็เข้าไปถวายเทียนพรรษา พร้อมๆ กับอีกหลายๆ คนที่มาหาหลวงพ่อเช่นกัน

พอถวายเทียนเสร็จหลวงพ่อท่านก็เล่าว่า ท่านนิมิต(ฝัน)ว่า ท่านได้ไปนรกครับ
ไปเจอท้าวเวศสุวรรณ (ยมฑูต) ท่านก็เล่าว่า ท่านถามสุวรรณว่าท่านตายแล้วหรอ

สุวรรณบอกว่าท่านยังไม่ตายแต่จะพาไปเที่ยว แล้วเค้าก็พาหลวงพ่อเดินไป
เดินไปเรื่อย จนถึงระยะหนึ่ง หลวงพ่อหยุดเดิน สุวรรณที่เดินนำก็เดินกลับมาครับ แล้วถามว่าหยุดทำไม

ท่านก็ตอบว่า เดินตั้งนานแล้วในนรกไม่เห็นมีอะไรเรย
ระหว่างนั้นท่านก็บรรยายบรรยากาศของนรกว่า มีไฟเพลิงสีส้มแดง แต่ไม่มีควัน แล้วก็ไม่ร้อน
เหตุที่ท่านไม่ร้อนเพราะท่านมีบุญดีอยู่

แล้วสุวรรณก็ถามต่อครับว่า อยากเห็นอะไรละ ท่านตอบว่า อยากเห็นต้นงิ้ว และกะทะทองแดง
สุวรรณบอกว่าไม่มีหรอก มนุษย์อุปโหลกขึ้นมาเองทั้งนั้น ในนี้มีแต่ไฟโลกัณฑ์ เดินไปอีกหน่อยแล้วจะรู้เอง

ท่านก็ได้เดินต่อไป สิ่งที่ท่านเห็นก็คือ เหวที่มีไฟแดงฉานอยู่ข้างล่าง
สุวรรณบอกว่าใครทำกรรมชั่วมากก็จะอยู่ข้างล่างสุด ทำกรรมชั่วน้อยก็จะอยู่ข้างบน ซึ่งข้างล่างจะร้อนกว่าข้างบน

คราวนี้เดินต่อไปเรื่อยๆ ท่านก็เห็นทาง สามแพร่ง มีน้ำกันอยู่ จึงได้ถามสุวรรณว่านี้คืออะไร

สุวรรณตอบว่านี่คือทางไป นรก สวรรค์ โลกมนุษย์ ซึ่งมีคนยืนในช่องทางไปโลกเยอะมากๆ มีบางคน
แอบซุกเพื่อหลบน้ำที่จะต้องผ่าน

ท่านจึงถามว่าน้ำนี่คืออะไร สุวรรณตอบว่าน้ำนี่ใช้ชะล้างจิตใจ ให้ลืมอดีต
แล้วไปเกิดใหม่ คนที่หลบหลีกน้ำนี้ไปได้จะต้องเป็นทุกข์ (ที่เข้าใจคือระลึกชาติได้)

แล้วท่านก็เล่าว่า พวก ส.ส.ที่มันได้ดีเพราะมันกินบุญเก่า
เหมือนปลูกต้นแอปเปิ้ลไว้ ตัวเองปลูกตัวเองก็ได้กิน
เมื่อต้นแอปเปิ้ลหมด ก็อดกิน ก็เหมือนกับพวก ส.ส.ที่กินบุญเก่าอยู่
เราไม่สามารถไปทำอะไรเค้าได้ ต้องรอให้เค้าหมดบุญไปเอง

หลวงพ่อท่านก็ถามสุวรรณต่อว่าวิญญาณมนุษย์ไปเกิดก็เยอะ
แล้ววิญญาณที่ยังอยู่ที่โลกก็เยอะ ทำไมไม่จับ
มาให้หมด สุวรรณก็ตอบว่า จับมาไม่ได้เพราะเค้ายังไม่หมดอายุขัย

ร่างกายคนเรามี สังขาร (ร่างกาย) และจิตวิญญาณ
เมื่อละสังขารแล้วแต่ยังไม่ละจิตวิญญาณ คือยังไม่ถึงที่ตาย
เช่นพวกฆ่าตัวตาย หรือถูกรถชนตาย
วิญญานก็จะต้องวนเวียนอยู่ในโลก
ไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ละวิญญาณแล้ว ถึงจะไปรับมาได้

ท่านจึงถามต่อว่า พ่อหลวงจะมีอายุยืนยาวไหม
สุวรรณตอบว่า ท่านสิ้นอายุขัยแล้ว แต่มีคนต่ออายุขัยให้ท่าน
ซึ่งก็คือพี่สาวของท่านเอง

แล้วประเทศไทยละ จะเป็นอย่างไรต่อไป สุวรรณตอบว่า บอกไม่ได้
แล้วหลวงพ่อก็เดินต่อไปอีก คราวนี้ไปเจอแอ่งน้ำลักษณะเหมือนเขื่อน
ซึ่งมองไปที่กำแพงกั้นน้ำ สิ่งที่ท่านเห็นคือ ม้าตัวผอมเซียว
ซึ่งมี พระเจ้าตาก และพระปิยะมหาราช ยื่นขวางลำน้ำอยู่

ท่านบอกว่าที่เห็นอยู่คือกษัตริย์เก่าๆ ช่วยไม่ให้กรุงเทพฯ ถูกน้ำท่วม
จริงๆ กรุงเทพฯ ต้องถูกน้ำท่วมไปนานแล้ว
แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ม้าจะหมดแรง จากความหนาวของน้ำ และการอดอาหารมานาน

หลวงพ่อท่านพูดจบท่านน้ำตาท่านก็ไหลออกมา
แล้วบอกให้ทุกคนที่ได้รับฟังเรื่องราวของท่านว่าเป็นนิมิตของท่าน
จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ เพราะท่านก็ยังคิดว่าเป็นความฝันของท่าน

แต่ท่านก็กำชับกับทุกๆ คนเอาไว้ว่า เวลาไปที่วงเวียนใหญ่ หรือพระบรมรูปทรงม้า
หรือที่ไหนก็แล้วแต่ที่มีพระบรมรูป ให้กราบไหว้โดยนำหญ้าที่ม้ากินล้างให้สะอาดไปถวายด้วย
เพื่อให้ม้ามีกำลังยืนต่อไปได้

ผมก็คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ทุกคนมองข้ามไปจริงๆ
เพราะคนส่วนมากเวลาไปไหว้ก็จะนำแต่ดอกไม้ไปไหว้เท่านั้น

สิ่งหนึ่งที่ผมคิดคือมันแปลกมากที่อยู่ๆ เข้าไปถวายเทียนแล้วท่านก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
ในเมื่อมีโอกาสได้รับรู้ ก็ควรเผยแพร่แก่ทุกๆคนครับ
ก็อยากจะฝากเพื่อนๆ แต่อันนี้สุดแล้วแต่ความเชื่อครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่