สวัสดีครับ
ผมจบจากสถาบันสอนทำอาหารแห่งหนึ่ง หลักสูตรบริหารธุรกิจ ป.ตรี ด้านครัวและภัตตาคาร ฝึกงาน1000 ชั่วโมง แบ่งเป็น2 ช่วง
ช่วงแรก 500 ชั่วโมง ผม ฝึกงานที่ โรงแรมนารายณ์ ฝึกครัวกลาง(Butcher /Cold section /Thai section /Western section) ทำอาหารออกไลน์บุฟเฟ่ และมีออกงานเลี้ยงบางช่วง( 3เดือน)
ช่วงสอง 500 ชั่วโมง ผม ฝึกที่ โรงแรม Jw Marriott Phuket ผมฝึกอยู่ Deli Cafe' (Thai&Western Cuisine) และได้ออกงานบ้าง(3เดือน)
หลังจากเรียนจบ ผมไปJoin Internship Program สัญญา 1 ปี โดยต้องทดสอบทำอาหาร Main course 1 Dish โดย เชฟจากที่ America มาตัดสิน ด้วยตัวเอง (ผมทำBBQ Burger(ผมใช้เนื้อ 3 อย่าง (ไก่ หมู กุ้ง ผสมหอมใหญ่ นนมปังป่น
ซอสเป็น BBQ(ผมทำเอง) (ตัวLayer ใส่ Iceburg Lettuce /Tomato/Onion/Marinaded Meats/สุดTop ด้วย Kaiware(ไควาเระ)
On-side 1 Salad with Lemon vinaigrette
On-side 2 Marinaded Fried(Paprika/Parmesan Cheese/Salt)
ผลสรุป ผมผ่านได้เข้าไปทำงาน ที่Mohegan Sun Casino (Connecticut America)
งานผมไป ไม่รู้โชคร้ายหรือโชคดี ทุกคนที่ไป ได้ครัวลงไปทำงานหมดครบทุกคน ยกเว้น ผมคนเดียว ที่จะไม่มีตำแหน่ง ลง ในครัว สุดท้าย ผมได้ไปRoomService นั่นเป็นงานแรกของผม ทำได้ 2 weeks . Chef ก็ย้ายผมไปทำ
Tuscany's Restaurant( Italian Foods) (TODD ENGLISH'S เจ้าของร้าน) ครัวนี้หนักมากคับ เป็น Main หลัก เน้น ไก่ คุโรบุตะ แซลมอน เนื้อลูกวัว ปลากระพงทะเล (หนักยังไง เริ่มตั้งแต่ 0-10เลย ตั้งแต่หุงข้าว เตรียมตัดแต่งเนื้อต่างๆ เตรียมซอส(Dressing&Sauce) เตรียม Side dish อื่นๆอีกมากมาย หลังจากนั้น ก็ Cooking and Decoration(ผัดและเสริฟ) ค่อนข้างวุ่นวายมาก ช่วง ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ Reserved 300-450 คน++ ในครัวช่วงเวลานั้น อย่างกับHell's Kitchen ทุกคนจะหน้าตาเคร่งเครียดกันมาก (งานต้องออกมาเร็วและดี(Perfects)) (แขก 1โต๊ะ เสริฟ ไม่เกิน 7-10 นาที ขึ้นอยู่กับเนื้อแต่ละชนิด) ผมก็ทำได้ดีเลยทีเดียว (บางครั้งจะวุ่นวายก็เพราะให้เชฟคนอื่นมาช่วยซึ่งไม่รู้งานดีน่ะครับ) (ปกติทำคนเดียว)
ผมอยู่ที่Tuscany มาเกือบๆ 4เดือน เชฟใหญ่ให้ย้ายไป
ครัวบุฟเฟ่ อันนี้จะง่ายหน่อย มาถึงต้องSet up อุปกรณ์ เตรียมอาหารวางลงถาด ถึงแขกจะเยอะมาก ช่วงHigh seasons เกือบ 1000 คน++ แต่ตัวงานมีแต่ เก็บ และ เติม ให้ทันแขกที่มากกิน แค่นั้น
ผมอยู่บุฟเฟ่ มา 4 เดือน หลังจากนั้นผมได้ย้ายไป ครัวซุปใหญ่ของโรงแรม (มีพนักงานหลักจริงๆ แค่ 2 คน)
รวม ผม เป็น 3 และมีเพื่อนคนจีนอีก 1 คน
ครัวจะทำซุป ซอส ทั้งหมด ของโรงแรม จะต้องมาเบิกซอสจากที่นี่ ครั้งแรกที่ไปตกใจมาก เพราะ หม้อซุป ใหญ่และสูง กว่าตัวเรา 3-4 คนต่อกัน งานสนุกคับ 1.ทำซอส ซุป 2.Packing 3.Keeping
(ทั้งหมดนี้ผมได้งานมากถึงมากที่สุดเลยทีเดียว ผมขยันในงานมาก งานคืองาน พอเลิกงานจะพักผ่อนเลย (บอกเลยคับก่อนเรียนทำอาหาร ผมไม่รักทำอาหารเลย ใหม่ๆ มือสั่นเวลาจับมีด มีดบาดทุกครั้งที่จับ จนเพื่อนล้อเลียน จนตอนนี้ ผมทุ่เทให้กับอาชีพนี้มาก ซื้อมีดที่ชอบ(JP) เขียง(JP) อุปกรณ์ที่เมืองไทยไม่มีขาย หมดไปเกือบๆ แสนบาทก่อนจะกลับไทย)
หลังจากนั้น ก็กลับมาเมืองไทย ด้วยความที่ไฟแรง และรักอาชีพนี้มากๆ อยากทำงานโรงแรมที่เมืองไทย
ผมสมัครไปเกือบๆ 10 โรงแรม(กลับมาช่วง เมษา)
1.Mandarin Oriental Bkk Walk in(ยังไม่เปิดรับ)
2.Penninsula Walk in (ยังไม่เปิดรับ)
3.Millenium Hilton Walk in (ยังไม่เปิดรับ)
4.St.Legis Walk in (ยังไม่เปิดรับ)
5.Four season Walk in (ยังไม่เปิดรับ)
6.Lebua (ส่งอีเมล สมัคร)
7.Sukhothai Hotel เปิด รับสมัคร ครัวไทย Commiss (Walk in)
8.ร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใหม่ ตึก Sathon(จำชื่อไม่ได้)
Walk in
1-6. ยังไม่มีใครเรียกไปสัมภษณ์
ช่วงนั้นรู้สึกไฟการเป็นเชฟเริ่มลดลงเรื่อยๆคับ
7. ผมเห็นเปิดรับสมัครเชฟอาหารไทย ผมสมัครCommis 1 เขียน ไว้ 15000 บาท
Hr เช็คแล้วบอกว่า ทางโรงแรมให้ ไม่ได้ 15000บาท
เค้าบอกให้ได้แค่ 9000 บาท เราก็เลยตอบตกลง
และHr ถามต่อ ในกรณี ที่Commis 1 ไม่ผ่าน จะรับตำแหน่ง Cook Helper ด้วยไหม ผมก็รับ ด้วยเงินเดือน 6000บาท ไม่มี Service charge. Hr บอกอาทิตย์ เชฟ ไม่อยู่จะกลับมา พุธหน้า แล้วค่อยโทรเรียกไปอีกที สุดท้าย ก็ไม่เรียกผมไปสัมภาษณ์
ในตอนนั้น วินาทีนั้นผมตั้งใจแล้วโรงแรมนี้จะเป็นโรงแรมสุดท้าย ถ้าไม่ได้ ผมก็จะจบอาชีพนี้แล้วคับ
สุดท้ายก็ไม่เรียกตัวไปสัมภาษณ์( ถ้าเรียกไปสัมภาษณ์ แล้ว ผมไม่ผ่านเกรณฑ์ ผมจะไม่รู้เสียใจเลยครับ ผิดหวังสุดๆ)
สุดท้าย ผมผันตัวเองไปเปิดห้องอาหารเล็กๆ ทำได้ไม่กี่อาทิตย์ ก็ปิดตัวลง เพราะเวลาขายจริงมีแค่ 12.00- 13.00 ขายก็ดีนะครับ แต่ทำแล้วเหนื่อยเปล่า ไม่เห็นตัวเงินเลย ทำแล้วเท่าทุน
หลังจากนั้น ผมได้ข่าว มีร้านอาหารจากต่างประเทศ กึ่ง Pub wine นั่นคือ 8. ผมไปสมัคร แต่สุดท้ายก็ไม่เรียกตัวไปสัทภาษณ์
นั่นคือเรื่องราวทั้งหมดคนผมคับ จากไม่เคยรักอาชีพเชฟ หลังจากนั้นก็ฝึกตัวเองที่บ้าน จนตัวเองหลงรักและเกิดคำว่า Passion ในอาชีพนี้(ในช่วงนั้นจะทำอะไร ดูหนัง กินข้าว จะเกี่ยวกับอาหารทั้งหมด)
ปัจจุบันนี้ ถึงแม้ไฟด้านการทำงานด้านเชฟ จะหมดไป แต่ผมก็ยังทำอาหารอยู่นะครับ ก็ยังรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เข้าครัว
ปัจจุบัน ผมหันมาเปิดร้านขายเสื้อผ้าละครับ
ปล.(บอกตรงๆ เลยนะคับ ค่อนข้างน้อยใจมาก ถ้าโรงแรมเรียกตัวมาสัมภาษณ์ แล้วบอกว่าไม่ผ่าน จะไม่รู้สึก Fail เท่ากับไม่เรียกตัวเลย มากขนาดนี้เลยครับ) ไม่เข้าใจทำผมถึงไม่ผ่านด่าน Hr?
(ถ้าผมมีร้านอาหาร ใครมาสมัครงาน ผมจะให้มาลงมือทำอาหารโชว์ คนเป็นเชฟที่ดี แค่มองแว๊บเดียวก็รู้ว่าคนนี้ไปต่อได้ไหม )
สมัครเป็นเชฟทำไมลำบากจังคับ
ผมจบจากสถาบันสอนทำอาหารแห่งหนึ่ง หลักสูตรบริหารธุรกิจ ป.ตรี ด้านครัวและภัตตาคาร ฝึกงาน1000 ชั่วโมง แบ่งเป็น2 ช่วง
ช่วงแรก 500 ชั่วโมง ผม ฝึกงานที่ โรงแรมนารายณ์ ฝึกครัวกลาง(Butcher /Cold section /Thai section /Western section) ทำอาหารออกไลน์บุฟเฟ่ และมีออกงานเลี้ยงบางช่วง( 3เดือน)
ช่วงสอง 500 ชั่วโมง ผม ฝึกที่ โรงแรม Jw Marriott Phuket ผมฝึกอยู่ Deli Cafe' (Thai&Western Cuisine) และได้ออกงานบ้าง(3เดือน)
หลังจากเรียนจบ ผมไปJoin Internship Program สัญญา 1 ปี โดยต้องทดสอบทำอาหาร Main course 1 Dish โดย เชฟจากที่ America มาตัดสิน ด้วยตัวเอง (ผมทำBBQ Burger(ผมใช้เนื้อ 3 อย่าง (ไก่ หมู กุ้ง ผสมหอมใหญ่ นนมปังป่น
ซอสเป็น BBQ(ผมทำเอง) (ตัวLayer ใส่ Iceburg Lettuce /Tomato/Onion/Marinaded Meats/สุดTop ด้วย Kaiware(ไควาเระ)
On-side 1 Salad with Lemon vinaigrette
On-side 2 Marinaded Fried(Paprika/Parmesan Cheese/Salt)
ผลสรุป ผมผ่านได้เข้าไปทำงาน ที่Mohegan Sun Casino (Connecticut America)
งานผมไป ไม่รู้โชคร้ายหรือโชคดี ทุกคนที่ไป ได้ครัวลงไปทำงานหมดครบทุกคน ยกเว้น ผมคนเดียว ที่จะไม่มีตำแหน่ง ลง ในครัว สุดท้าย ผมได้ไปRoomService นั่นเป็นงานแรกของผม ทำได้ 2 weeks . Chef ก็ย้ายผมไปทำ
Tuscany's Restaurant( Italian Foods) (TODD ENGLISH'S เจ้าของร้าน) ครัวนี้หนักมากคับ เป็น Main หลัก เน้น ไก่ คุโรบุตะ แซลมอน เนื้อลูกวัว ปลากระพงทะเล (หนักยังไง เริ่มตั้งแต่ 0-10เลย ตั้งแต่หุงข้าว เตรียมตัดแต่งเนื้อต่างๆ เตรียมซอส(Dressing&Sauce) เตรียม Side dish อื่นๆอีกมากมาย หลังจากนั้น ก็ Cooking and Decoration(ผัดและเสริฟ) ค่อนข้างวุ่นวายมาก ช่วง ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ Reserved 300-450 คน++ ในครัวช่วงเวลานั้น อย่างกับHell's Kitchen ทุกคนจะหน้าตาเคร่งเครียดกันมาก (งานต้องออกมาเร็วและดี(Perfects)) (แขก 1โต๊ะ เสริฟ ไม่เกิน 7-10 นาที ขึ้นอยู่กับเนื้อแต่ละชนิด) ผมก็ทำได้ดีเลยทีเดียว (บางครั้งจะวุ่นวายก็เพราะให้เชฟคนอื่นมาช่วยซึ่งไม่รู้งานดีน่ะครับ) (ปกติทำคนเดียว)
ผมอยู่ที่Tuscany มาเกือบๆ 4เดือน เชฟใหญ่ให้ย้ายไป
ครัวบุฟเฟ่ อันนี้จะง่ายหน่อย มาถึงต้องSet up อุปกรณ์ เตรียมอาหารวางลงถาด ถึงแขกจะเยอะมาก ช่วงHigh seasons เกือบ 1000 คน++ แต่ตัวงานมีแต่ เก็บ และ เติม ให้ทันแขกที่มากกิน แค่นั้น
ผมอยู่บุฟเฟ่ มา 4 เดือน หลังจากนั้นผมได้ย้ายไป ครัวซุปใหญ่ของโรงแรม (มีพนักงานหลักจริงๆ แค่ 2 คน)
รวม ผม เป็น 3 และมีเพื่อนคนจีนอีก 1 คน
ครัวจะทำซุป ซอส ทั้งหมด ของโรงแรม จะต้องมาเบิกซอสจากที่นี่ ครั้งแรกที่ไปตกใจมาก เพราะ หม้อซุป ใหญ่และสูง กว่าตัวเรา 3-4 คนต่อกัน งานสนุกคับ 1.ทำซอส ซุป 2.Packing 3.Keeping
(ทั้งหมดนี้ผมได้งานมากถึงมากที่สุดเลยทีเดียว ผมขยันในงานมาก งานคืองาน พอเลิกงานจะพักผ่อนเลย (บอกเลยคับก่อนเรียนทำอาหาร ผมไม่รักทำอาหารเลย ใหม่ๆ มือสั่นเวลาจับมีด มีดบาดทุกครั้งที่จับ จนเพื่อนล้อเลียน จนตอนนี้ ผมทุ่เทให้กับอาชีพนี้มาก ซื้อมีดที่ชอบ(JP) เขียง(JP) อุปกรณ์ที่เมืองไทยไม่มีขาย หมดไปเกือบๆ แสนบาทก่อนจะกลับไทย)
หลังจากนั้น ก็กลับมาเมืองไทย ด้วยความที่ไฟแรง และรักอาชีพนี้มากๆ อยากทำงานโรงแรมที่เมืองไทย
ผมสมัครไปเกือบๆ 10 โรงแรม(กลับมาช่วง เมษา)
1.Mandarin Oriental Bkk Walk in(ยังไม่เปิดรับ)
2.Penninsula Walk in (ยังไม่เปิดรับ)
3.Millenium Hilton Walk in (ยังไม่เปิดรับ)
4.St.Legis Walk in (ยังไม่เปิดรับ)
5.Four season Walk in (ยังไม่เปิดรับ)
6.Lebua (ส่งอีเมล สมัคร)
7.Sukhothai Hotel เปิด รับสมัคร ครัวไทย Commiss (Walk in)
8.ร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใหม่ ตึก Sathon(จำชื่อไม่ได้)
Walk in
1-6. ยังไม่มีใครเรียกไปสัมภษณ์
ช่วงนั้นรู้สึกไฟการเป็นเชฟเริ่มลดลงเรื่อยๆคับ
7. ผมเห็นเปิดรับสมัครเชฟอาหารไทย ผมสมัครCommis 1 เขียน ไว้ 15000 บาท
Hr เช็คแล้วบอกว่า ทางโรงแรมให้ ไม่ได้ 15000บาท
เค้าบอกให้ได้แค่ 9000 บาท เราก็เลยตอบตกลง
และHr ถามต่อ ในกรณี ที่Commis 1 ไม่ผ่าน จะรับตำแหน่ง Cook Helper ด้วยไหม ผมก็รับ ด้วยเงินเดือน 6000บาท ไม่มี Service charge. Hr บอกอาทิตย์ เชฟ ไม่อยู่จะกลับมา พุธหน้า แล้วค่อยโทรเรียกไปอีกที สุดท้าย ก็ไม่เรียกผมไปสัมภาษณ์
ในตอนนั้น วินาทีนั้นผมตั้งใจแล้วโรงแรมนี้จะเป็นโรงแรมสุดท้าย ถ้าไม่ได้ ผมก็จะจบอาชีพนี้แล้วคับ
สุดท้ายก็ไม่เรียกตัวไปสัมภาษณ์( ถ้าเรียกไปสัมภาษณ์ แล้ว ผมไม่ผ่านเกรณฑ์ ผมจะไม่รู้เสียใจเลยครับ ผิดหวังสุดๆ)
สุดท้าย ผมผันตัวเองไปเปิดห้องอาหารเล็กๆ ทำได้ไม่กี่อาทิตย์ ก็ปิดตัวลง เพราะเวลาขายจริงมีแค่ 12.00- 13.00 ขายก็ดีนะครับ แต่ทำแล้วเหนื่อยเปล่า ไม่เห็นตัวเงินเลย ทำแล้วเท่าทุน
หลังจากนั้น ผมได้ข่าว มีร้านอาหารจากต่างประเทศ กึ่ง Pub wine นั่นคือ 8. ผมไปสมัคร แต่สุดท้ายก็ไม่เรียกตัวไปสัทภาษณ์
นั่นคือเรื่องราวทั้งหมดคนผมคับ จากไม่เคยรักอาชีพเชฟ หลังจากนั้นก็ฝึกตัวเองที่บ้าน จนตัวเองหลงรักและเกิดคำว่า Passion ในอาชีพนี้(ในช่วงนั้นจะทำอะไร ดูหนัง กินข้าว จะเกี่ยวกับอาหารทั้งหมด)
ปัจจุบันนี้ ถึงแม้ไฟด้านการทำงานด้านเชฟ จะหมดไป แต่ผมก็ยังทำอาหารอยู่นะครับ ก็ยังรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เข้าครัว
ปัจจุบัน ผมหันมาเปิดร้านขายเสื้อผ้าละครับ
ปล.(บอกตรงๆ เลยนะคับ ค่อนข้างน้อยใจมาก ถ้าโรงแรมเรียกตัวมาสัมภาษณ์ แล้วบอกว่าไม่ผ่าน จะไม่รู้สึก Fail เท่ากับไม่เรียกตัวเลย มากขนาดนี้เลยครับ) ไม่เข้าใจทำผมถึงไม่ผ่านด่าน Hr?
(ถ้าผมมีร้านอาหาร ใครมาสมัครงาน ผมจะให้มาลงมือทำอาหารโชว์ คนเป็นเชฟที่ดี แค่มองแว๊บเดียวก็รู้ว่าคนนี้ไปต่อได้ไหม )