[Review] - A Monster Calls
.
“เป็นเด็กมันเหนื่อยเหมือนกันนะ(เว้ย)”
.
เป็นภาพยนตร์เล็ก ๆ ที่แม้ว่าไม่มีการโปรโมทพูดถึงนักแต่มันก็ใช่ว่ามันจะไม่น่าสนใจหรือย่ำแย่แต่อย่างใดกลับกันภาพยนตร์เรื่องนี้มันกลับให้อะไรมากกว่าที่เห็นเป็นอะไรมากกว่าที่คาดคิดจนเรียกว่าเป็น The Best แห่งปี 2016 ไปเลยก็ว่าได้
.
A Monster Calls อาจจะไม่ใช่หนังเด็กแฟนตาซีทั่วไปแต่มันจะเป็นหนังที่เล่าถึงจิตใจของเด็กตัวเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกถูกเก็บกดเอาไว้ในใจแม้ภายนอกอาจจะดูว่าเขาไม่เป็นไรแต่ภายในนั้นมันช่างเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน ดังนั้นในหนังเรื่องนี้จึงค่อนข้างลุ่มลึกเต็มไปด้วยบทสนทนาคำพูดเยอะอาจจะต้องตั้งใจดูสักหน่อยถึงจะเข้าใจเรื่องราวที่นำเสนอได้
.
ความดีงามในหนังเรื่องนี้ก็คงอยู่ที่การเล่าเรื่องที่เหมือนเล่านิทานมีภาพกราฟิกประกอบซึ่งไม่ทำให้น่าเบื่อเลยกลับทำให้ชวนติดตามต่อไปว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไรกันแน่แต่ในขณะเดียวกันพลังการแสดงของเหล่านักแสดงทั้งหลายก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้ A Monster Calls ขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างราบรื่นแม้ว่าในเรื่องนี้จะมีตัวละครหลักไม่เยอะก็ตามก็เรียกว่าเป็นการใช้นักแสดงได้คุ้มค่ามากทีเดียว
.
เมื่อพูดถึงนักแสดงแล้วคนที่เด่นที่สุดก็คงจะเป็นตัวละครเอกพ่อหนุ่มน้อย Lewis Macdougall ที่ถ่ายทอดความรู้สึกของเด็กชายผู้เก็บงำความรู้สึกได้ดีเยี่ยมปล่อยของได้สุดติ่งกระแทกอารมณ์ดราม่าสุด ๆ แถมยังไม่ทำให้รู้สึกว่าเป็นเด็กน่ารำคาญหรือเป็นพวกเด็กเวรทำอะไรงี่เง่าเหมือนหนังเรื่องอื่น ๆ และอีกคนที่ต้องพูดก็คือป๋า Liam Neeson ที่พักงานจากการตามหาลูกสาวมารับจ็อบเป็นอสูรกายลุงต้นไม้ก็ถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีน้ำเสียงทรงพลังชนิดที่ว่า I Will Find You and I Will Kill You กันเลยทีเดียว
.
กลับมาที่การเดินเรื่องอีกสักนิดซึ่งหนังเรื่องนี้จะโยนปริศนาให้หลาย ๆ คนงงหรือตั้งคำถามกันก่อนซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้บางคนไม่เข้าใจจนเดินลุกออกจากโรงไปดื้อ ๆ แต่ถ้าใครอดทนรอก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วยเพราะระหว่างนั้นผู้กำกับจะค่อย ๆ ถ่ายทอดประเด็นต่าง ๆ ให้เข้าใจได้ทีละส่วนไปจนถึงจุดพีคที่เร้าอารมณ์ได้ไม่น้อยเลย
.
ในส่วนของประเด็นแง่คิดใน A Monster Calls ต้องบอกเลยว่าเยอะมากและเข้าถึงจิตใจทุกคนทุกเพศทุกวัยอย่างแน่นอนเพราะเป็นเรื่องราวที่น่าจะเคยเกิดขึ้นในวัยเด็กทุกคน มีข้อคิดสอนใจในเรื่องของชีวิตคนเราที่บางทีมันก็ไม่เป็นไปตามที่ฝันไว้เสมอไป , การเผชิญหน้ารับความเป็นจริงที่แม้มันว่าจะเจ็บปวดเจียนตาย , มุมมองการมองคนแบบสีเทาทุกคนมีดี-ชั่วผสมกันไป , ควรมีความเชื่อมั่น/ความมุ่งมั่นต้องมีจุดยืนเป็นของตัวเอง , สอนใจเรื่องความโกรธโมโหโกรธาที่ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นแม้จะดูสะใจในตอนแรกแต่ผลที่ตามมามันจะเป็นบทเรียนราคาที่แสนแพงและประเด็นอื่น ๆ อีกมากที่ต้องไปดูในโรงกันเอาเอง
.
ก็เอาเป็นว่า A Monster Calls เป็นภาพยนตร์น้ำดีม้ามืดนอกสายตาใครหลาย ๆ คน อัดแน่นไปด้วยข้อคิดการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง ถ่ายทอดความเจ็บปวดของเด็กน้อยที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนไม่เคยรับรู้ได้ดีเยี่ยมแม้ว่าช่วงแรกจะมีคำถามผุดขึ้นมาในหัวเต็มไปหมดและงงกับการเดินเรื่องก็ตามแต่ในช่วงกลางถึงจุดพีคถือว่าประทับใจทิ่มแทงใจและสอนใจวัยรุ่นวัยฮอร์โมนหรือวัยผู้ใหญ่ได้ดีมาก ๆ
.
“ชีวิตก็เป็นแบบนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปทุกสิ่ง”
.
“ความโกรธคือหนทางสู่ความวิบัติ”
.
“S” Rank
ที่มา -
https://www.facebook.com/myinnermovie
[Review] - A Monster Calls มหัศจรรย์เรียกอสูร
.
“เป็นเด็กมันเหนื่อยเหมือนกันนะ(เว้ย)”
.
เป็นภาพยนตร์เล็ก ๆ ที่แม้ว่าไม่มีการโปรโมทพูดถึงนักแต่มันก็ใช่ว่ามันจะไม่น่าสนใจหรือย่ำแย่แต่อย่างใดกลับกันภาพยนตร์เรื่องนี้มันกลับให้อะไรมากกว่าที่เห็นเป็นอะไรมากกว่าที่คาดคิดจนเรียกว่าเป็น The Best แห่งปี 2016 ไปเลยก็ว่าได้
.
A Monster Calls อาจจะไม่ใช่หนังเด็กแฟนตาซีทั่วไปแต่มันจะเป็นหนังที่เล่าถึงจิตใจของเด็กตัวเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกถูกเก็บกดเอาไว้ในใจแม้ภายนอกอาจจะดูว่าเขาไม่เป็นไรแต่ภายในนั้นมันช่างเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน ดังนั้นในหนังเรื่องนี้จึงค่อนข้างลุ่มลึกเต็มไปด้วยบทสนทนาคำพูดเยอะอาจจะต้องตั้งใจดูสักหน่อยถึงจะเข้าใจเรื่องราวที่นำเสนอได้
.
ความดีงามในหนังเรื่องนี้ก็คงอยู่ที่การเล่าเรื่องที่เหมือนเล่านิทานมีภาพกราฟิกประกอบซึ่งไม่ทำให้น่าเบื่อเลยกลับทำให้ชวนติดตามต่อไปว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไรกันแน่แต่ในขณะเดียวกันพลังการแสดงของเหล่านักแสดงทั้งหลายก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้ A Monster Calls ขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างราบรื่นแม้ว่าในเรื่องนี้จะมีตัวละครหลักไม่เยอะก็ตามก็เรียกว่าเป็นการใช้นักแสดงได้คุ้มค่ามากทีเดียว
.
เมื่อพูดถึงนักแสดงแล้วคนที่เด่นที่สุดก็คงจะเป็นตัวละครเอกพ่อหนุ่มน้อย Lewis Macdougall ที่ถ่ายทอดความรู้สึกของเด็กชายผู้เก็บงำความรู้สึกได้ดีเยี่ยมปล่อยของได้สุดติ่งกระแทกอารมณ์ดราม่าสุด ๆ แถมยังไม่ทำให้รู้สึกว่าเป็นเด็กน่ารำคาญหรือเป็นพวกเด็กเวรทำอะไรงี่เง่าเหมือนหนังเรื่องอื่น ๆ และอีกคนที่ต้องพูดก็คือป๋า Liam Neeson ที่พักงานจากการตามหาลูกสาวมารับจ็อบเป็นอสูรกายลุงต้นไม้ก็ถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีน้ำเสียงทรงพลังชนิดที่ว่า I Will Find You and I Will Kill You กันเลยทีเดียว
.
กลับมาที่การเดินเรื่องอีกสักนิดซึ่งหนังเรื่องนี้จะโยนปริศนาให้หลาย ๆ คนงงหรือตั้งคำถามกันก่อนซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้บางคนไม่เข้าใจจนเดินลุกออกจากโรงไปดื้อ ๆ แต่ถ้าใครอดทนรอก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วยเพราะระหว่างนั้นผู้กำกับจะค่อย ๆ ถ่ายทอดประเด็นต่าง ๆ ให้เข้าใจได้ทีละส่วนไปจนถึงจุดพีคที่เร้าอารมณ์ได้ไม่น้อยเลย
.
ในส่วนของประเด็นแง่คิดใน A Monster Calls ต้องบอกเลยว่าเยอะมากและเข้าถึงจิตใจทุกคนทุกเพศทุกวัยอย่างแน่นอนเพราะเป็นเรื่องราวที่น่าจะเคยเกิดขึ้นในวัยเด็กทุกคน มีข้อคิดสอนใจในเรื่องของชีวิตคนเราที่บางทีมันก็ไม่เป็นไปตามที่ฝันไว้เสมอไป , การเผชิญหน้ารับความเป็นจริงที่แม้มันว่าจะเจ็บปวดเจียนตาย , มุมมองการมองคนแบบสีเทาทุกคนมีดี-ชั่วผสมกันไป , ควรมีความเชื่อมั่น/ความมุ่งมั่นต้องมีจุดยืนเป็นของตัวเอง , สอนใจเรื่องความโกรธโมโหโกรธาที่ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นแม้จะดูสะใจในตอนแรกแต่ผลที่ตามมามันจะเป็นบทเรียนราคาที่แสนแพงและประเด็นอื่น ๆ อีกมากที่ต้องไปดูในโรงกันเอาเอง
.
ก็เอาเป็นว่า A Monster Calls เป็นภาพยนตร์น้ำดีม้ามืดนอกสายตาใครหลาย ๆ คน อัดแน่นไปด้วยข้อคิดการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง ถ่ายทอดความเจ็บปวดของเด็กน้อยที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนไม่เคยรับรู้ได้ดีเยี่ยมแม้ว่าช่วงแรกจะมีคำถามผุดขึ้นมาในหัวเต็มไปหมดและงงกับการเดินเรื่องก็ตามแต่ในช่วงกลางถึงจุดพีคถือว่าประทับใจทิ่มแทงใจและสอนใจวัยรุ่นวัยฮอร์โมนหรือวัยผู้ใหญ่ได้ดีมาก ๆ
.
“ชีวิตก็เป็นแบบนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปทุกสิ่ง”
.
“ความโกรธคือหนทางสู่ความวิบัติ”
.
“S” Rank
ที่มา - https://www.facebook.com/myinnermovie