บ้านที่กู้ซื้อ

ดิฉันซื้อบ้านโดยใช้สวัสดิการข้าราชการ กับธนาคาร ธอส ซื้อหลังจากแต่งงานได้ 6 เดือน สามีเป็นคนส่งค่าผ่อน หลังจากซื้อบ้านผ่านไป 7 เดือน ฉันก็จดทะเบียนกับสามี เพื่อเพิ่มสิทธิข้าราชการให้ลูกในอนาคต เหตุที่ซื้อบ้าน เพราะสามีบอกว่าอยากมีบ้านเป็นของตนเอง มีที่ส่วนตัว แต่งงานแล้วก็อยากแยกครอบครัวมาเป็นส่วนตัว รู้สึกอืดอัดที่จะอยู่บ้านพ่อตาแม่ยาย รู้สึกว่าแม่ยายไม่ค่อยชอบ  และอีกอย่างการเดินทางไปกลับบ้านแม่ยายพ่อตามันไกล เดินทางไปกลับวันละ 120 กิโลเมตรทุกวัน เปลื้องค่าน้ำมัน ไปทำงานต้องออกแต่เช้าเลิกงานต้องรีบกลับบ้าน ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน วันหยุดจะพักผ่อนก็ไม่กล้ามานอนพัก (ที่บ้านทำอาชีพค้าขาย) มันไม่สะดวกเหมือนบ้านตนเอง ดิฉันจึงตกลงยื่นกู้กับธนาคาร ดิฉันยื่นกู้คนเดียว เพราะสามีกู้ไม่ได้ เขามีอาชีพรับจ้าง และทำไร่ทำสวน มีแหล่งเงินไม่แน่นอน แต่ทุกเดือนเขาส่งค่าผ่อนบ้านเอง ฉันย้ายไปอยู่บ้านใหม่ หลังจากผ่อนบ้านมาได้สักพักฉันท้อง คลอดลูกจึงกลับไปอยู่บ้านแม่เนื่องจากไม่มีใครช่วยเลี้ยงนอกจากแม่  ก่อนซื้อบ้านหลังนี้ตอนแรกฉันคิดว่าแต่งงานแล้วจะอยู่กับพ่อแม่เพราะท่านอายุมากแล้ว (พ่อแม่ฉันมีลูก 3 คน ฉันเป็นคนโต น้องสาว น้องชายมีครอบครัวก็แยกตัวออกไปแล้ว ที่บ้านจะเหลือฉัน  น้องสาวไปทำงานต่างจังหวัด นานๆ จะกลับ) ส่วนฝั่งญาติสามีเป็นคนต่างจังหวัดอยู่ไกลไม่สะดวกที่จะเลี้ยง และแม่สามียังต้องเลี้ยงลูกชายคนเล็ก หลานชาย(ลูกน้องสาวสามี) และครอบครัวน้องชายซึ่งมีน้องสะใภ้อยู่ด้วย  นอกจากนี้ยังมีพ่อสามี และพี่สาวสามีที่ไม่สบายป่วยไม่สามารถดูแลตัวเองได้ แม่สามีจะเป็นคนดูแลทั้งหมด โดยได้รับการช่วยเหลือจากสามีมาตลอดตั้งแต่ส่งเงินให้น้องๆ และดูแลพ่อแม่  หลังจากที่ดิฉันกลับมาอยู่บ้าน เลี้ยงลูก บ้านหลังนั้นก็ไปพักบางบ้างครั้งที่ดิฉันเลิกงานเย็นก็จะนอนที่นั้น ทุกวันดิฉันจะมาทำงานพร้อมสามี โดยจอดรถทิ้งไว้ที่บ้านหลังนี้  แล้วไปกลับบ้านแม่ด้วยรถคันเดียวกัน จนเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ครอบครัวน้องสามีขอมาอยู่ที่บ้านเพื่อหางานทำจะพักชั่วคราวพอได้งานจะขยับขยายออกไปจากบ้าน  ดิฉันไปฝากน้องชายสามีเข้าทำงานและค้ำประกันเขา ส่วนน้องสะใภ้สามีช่วงแรกๆไม่ยอมหางานทำ นอนอยู่กับบ้าน เล่นโทรศัพท์เหมือนตอนอยู่ที่บ้านพ่อแม่สามีดิฉัน  แต่พอมาเดือนที่2ก็ไปหางานทำ  ทุกวันตอนฉันแวะไปจอดรถรอสามีที่บ้านจะเห็น น้องสะใภ้เล่นโทรศัพท์บ้าง เดินขึ้นไปชั้น 2 ตรงระเบียงรับลมที่ต่อเติมออกไปไว้นอนเล่นชมวิวภูเขา  สามีดิฉันภูมิใจนำเสนอเวลาใครมาหาที่บ้าน (ค่าต่อเติม แสนกว่าบาท)  จะเห็นชุดชั้นใน กางเกงใน เสื้อผ้าตากอยู่  ทางเดินจะเห็นกางเกงนอนผู้ชายทิ้งอยู่ที่พื้น  เตียงแต่งงานของดิฉันที่จะยกให้ลูกสาวถูกครอบครัวน้องชายยึด ห้องนอนลูกสาวเต็มไปด้วยข้าวของเสื้อผ้าครอบครัวเขา  ห้องครัวดิฉันเหม็นกินอาหารที่ทำ อุปกรณ์เครื่องครัวของดิฉันไม่ได้ทำความสะอาด ถูกวางทิ้งไว้ ผ้าม่านที่สั่งติดบ้านทั้งหลังเหม็นไปด้วยกลิ่นอาหารที่พวกเขาทำครัว ต้นไม้หน้าบ้านเหี่ยว บนโซฟา ทีวีจอแบนของดิฉันถูกเสียบปลั๊กทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืน เวลาพวกเขาเปิดทีวีจะได้ยินไป 3 บ้านเลยละ  (ส่วนฉันที่อยู่บ้านแม่นอนดูทีวีรุ่นเก่าจอโค้งนะ) พากันมาอยู่กันอย่างสุขสบาย ถ้าเป็นดิฉันทำสามีจะว่า  อย่ามาทำอาหารเหม็นในบ้านนะ  อย่าเปิดทีวีทิ้งไว้นะ  ตากผ้าห้ามมาตากบังวิวของเขานะ ทำอาหารเก็บล้างด้วย เก็บกวาดพื้นบ้างอย่านั่งเฉยๆ หาเรื่องว่าตลอดละ  ว่าไว้ก่อนเตือนไว้ก่อนประจำ  ขนาดท้องแก่นะ  เวลาญาติฝ่ายดิฉันมาก็มีพ่อแม่น้องสาวน้องชายมาเยี่ยมดิฉันช่วงท้องแก่  จะยืนรอหน้าบ้านจะไม่ค่อยเข้ามากลัวมาทำบ้านฉันเลอะเพราะรู้ว่าฉันท้องแก่ต้องมาทำความสะอาดบ้านอีก  แต่พอหลังจากญาติดิฉันไปสามีก็จะบ่นกับดิฉันว่า อย่ามาทำบ้านเขาเลอะนะเขาไม่ชอบ (แต่ญาติดิฉันมานั่งคุย มาเยี่ยมพักเดียวก็กลับบ้าน) แต่ถ้าญาติสามีมาทุกครั้งที่พวกเขากลับไปฉันต้องมาทำความสะอาด ยืนล้างจานเป็นกอง ให้ดิฉันมาทำอาหารให้ทาน  ทั้งที่ฉันท้อง 8 – 9 เดือน ดิฉันเฉย ไม่บ่น ไม่พูดสักคำ ตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างเดียว เพราะคิดว่าเป็นแขก เป็นญาติมาเยี่ยมต้องดูแล  ปัจจุบันดิฉันขับรถไปกลับเองเดินทางไปกลับบ้านพ่อแม่วันละ 120 กิโลเมตรทุกวัน  ส่วนบ้านดิฉันที่กู้เงินธนาคารมาซื้อบ้านถูกครอบครัวน้องชายแฟนอาศัยอยู่ไปแล้ว ตอนนี้สามียังจ่ายค่าผ่อนบ้านอยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่เขาไม่จ่ายดิฉันก็คงไม่มีเงินมาจ่ายหรอก (สามีขู่ดิฉันว่าห้ามขายบ้านถ้าขายเลิกกัน)  ลำพังเงินเดือนจ่ายค่าผ่อนรถ ค่าน้ำมันเดินทาง ค่ากิน ค่าของใช้ลูก และค่าผ่อนบ้านที่ธนาคารหักจากบัญชี (สามีจะโอนเงินมาคืนที่หลัง) ก็ไม่ค่อยพอแล้ว  ตอนแรกก่อนที่จะซื้อบ้านหลังนี้ ดิฉันคิดไว้ว่าจะ กู้เงินมาทำธุรกิจค้าขายเล็กๆ ให้พ่อแม่ได้มีกิจกรรมทำยามว่าง และตอนเย็น วันหยุดดิฉันก็ดูแลเอง พอมีเงินกำไรมาใช้จ่ายต่างๆ และผ่อนส่งธนาคารได้  แต่ตอนนี้คืออะไร  บ้านถูกครอบครัวอื่นมาอยู่แทนและคงอยู่ถาวร   นอกจากนี้มีแนวโน้มครอบครัวน้องสามีคนอื่นๆ คงตามมาอยู่ด้วย  พากันมาอยู่กันอย่างสุขสบาย  อยากอยู่กันอย่างสบายๆ แต่ไม่คิดจะพึ่งตัวเอง อยู่ลำบากไม่เป็น  ที่ทำงานมีที่พักให้ ไม่อยากไป บอกดิฉันว่าที่พักไม่มีฝาเพดาน ไม่มีอะไรห้องโล่งๆ  ดิฉันอึ่งเลย  ดิฉันไม่อยากจ่ายค่าผ่อนบ้านนี้แล้ว  อยากได้สิทธิ์ทางการเงินคืนมา ดิฉันควรทำอย่างไร  ถ้าอนาคตดิฉันตายขึ้นมาลูกสาวที่ยังนอนแบเบาะอยู่จะทำอย่างไร ดิฉันควรทำอย่างไร  จะขายบ้านทิ้ง   ให้ธนาคารยึด  หรือปล่อยไป ให้ตัวเองกับลูกก็ลำบากต่อไป  ญาติฝั่งดิฉันบอกว่าดิฉันโดนหลอกให้ซื้อบ้าน เพราะซื้อด้วยชื่อดิฉันคนเดียว เพราะหักเงินเดือนดิฉันถึงแม้สามีไม่จ่ายค่าผ่อนคืน   จะขายก็ไม่ได้เปลี่ยนมือไม่ได้ถ้าไม่ครบ 3 ปี  ถ้าให้ธนาคารยึดไปขายเองถ้าขายต่ำกว่าเงินที่กู้ ดิฉันก็ต้องชดใช้คนเดียว เสียประวัติ ไหนจะเป็นคดีฟ้องร้องกันอีก  สัญญากู้ 30 ปี ป่านนั้นสามีจะหาเงินที่ไหนมาจ่าย   ดิฉันก็ต้องจ่ายเอง  หรือก็ต้องเอาเงินที่ต้องส่งลูกเรียนมาจ่าย หรือไม่ก็เงินเกษียณ  ดิฉันแต่งงานมาปีกว่าๆ  ก็มีครอบครัวน้องสามีมาขออยู่แล้ว ก่อนหน้านั้นก็ไปๆมาๆ เหมือนมาดูช่องทางนะ ตอนแรกไม่คิดแต่ตอนนี้ชักเห็นอย่างญาติพูดแล้ว  ดิฉันควรทำอย่างไร  ช่วยดิฉันด้วยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่