[CR] รีวิว นั่งรถไฟขึ้นขุนตาน-เที่ยวเมืองหละปูน (ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้)

การไปเที่ยวครั้งนี้ของเราเกิดขึ้นจากอารมณ์ชั่ววูบที่โมโหตัวเองที่พลาดทริปไปตปท.กับเพื่อน เลยนั่งรถไปจองตั๋วรถไฟก่อนวันเดินทางแค่ไม่กี่วัน เป็นทริปที่ไม่ค่อยได้แพลนอะไร แต่ก็ได้อะไรมาเยอะเหมือนกัน
วันแรก เราออกเดินทางด้วยรถไฟคืนวันศุกร์รอบ22.00น.ที่หัวลำโพง ตอนจองเหลือที่สุดท้ายเป็นรถนั่งชั้นสองค่ะ ระหว่างนั่งก็หลับๆตื่นๆ ไม่ได้หลับสนิทนะ ได้นั่งริมหน้าต่างด้วย พี่ผู้ชายเค้าเสียสละให้เราเปลี่ยน วันที่2เราก็มาถึงอุโมงค์ขุนตาน อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย โผล่มาอีกฝั่งของอุโมงค์ เราก็เตรียมลง



ถึงสถานีขุนตานแล้วก็แวะถ่ายภาพซะหน่อย ก่อนแวะถ่ายภาพก็อย่าลืมไว้ศาลเจ้าพ่อขุนตานตรงใกล้ๆอุโมงค์ด้วยนะคะ หลังจากถ่ายภาพแล้ว





น้องหมาประจำสถานีขุนตาน สถานีนี้หมาเยอะจริงๆสมคำล่ำลือ
เราก็เริ่มใช้กำลังขาในการขึ้นไปอุทยานกันเลยค่ะ ระยะทางจากสถานีรถไฟไปอุทยานแห่งชาติขุนตานประมาณ1.3กิโลค่ะ เคยอ่านรีวิวบอกเดินชิวๆ15นาที แต่เราว่าแบกกระเป๋าด้วยมันก็ไม่ค่อยชิวนะ เราใช้เวลาไป20นาที ถึงอุทยาน

จะเป็นทางเล็กๆ มีป้ายบอกทางเรื่อยๆค่ะ



ออกจากทางเล็กๆ เป็นถนนใหญ่ เดินถนนใหญ่อีกนิดนึงจะถึงอุทยานค่ะ

จ่ายค่าเข้าอุทยาน20บาท พอถึงอุทยานก็เข้าไปติดต่อเรื่องที่พัก เราได้โอนค่าจองที่พักไว้แล้วค่ะ เราเลือกพักที่บ้านกระดังงา นอนได้สองคน คืนละ500บาท แต่ถ้าใครมาวันธรรมดาก็350บาทค่ะ เดินไปที่พักอีกกิโลกว่า เดินไปตามถนนเลยค่ะ

ถนนในที่ทำการอุทยาน ทางเดินที่เห็นจะไปสู่บ้านพักของอุทยานและ ย.1-ย.4

ที่นั่งเล่นตรงติดต่อที่พักของอุทยาน

ร้านอาหารในอุทยานค่ะ สั่งให้มาส่งที่บ้านพักได้ค่ะ คิดค่าส่งเพิ่มนิดหน่อย


ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เคยเสด็จประพาสที่อุทยานแห่งชาติขุนตานด้วยค่ะ
พอถึงแถวที่พักจะมีพี่อุทยานมาเปิดบ้านให้ ถึงซักที ขอนั่งชิวๆมองวิวจากที่พักก่อนนะ หลังจากชมวิว เรารีบอาบน้ำแล้วออกไปเดินขึ้นเขา ต้องเดินจากที่พักไปจุดสตาร์ทขึ้น ย.1 อีก 2กิโล เดินๆ ก่อนขึ้นย.1 จะมีป้อมเจ้าหน้าที่อุทยานอีกทีนึงนะคะ


วิวจากบ้านพัก
การเดินเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยขุนตานจะแบ่งเป็น ย.1 ย.2 ย.3 ย.4 (ย. ย่อมาจากจุดยุทธศาตร์ค่ะ)
เริ่มที่ย.1 เบาๆที่900เมตร ทางเป็นบันไดขั้นๆ ไม่ลำบากค่ะ ย.1 ไปย.2  1000 เมตร ตอนแรกกะว่าจะขึ้นถึงย.2แล้วกลับที่พัก อีกวันค่อยมาขึ้นใหม่ เพราะว่านัดร้นข้าวให้มาส่งข้าวที่บ้านตอน18.30แต่เจอกลุ่มน้องๆนักศึกษาชวนขึ้นเขาด้วยกัน เราก็เลยอ่ะไปก็ไป จากย.2 ไปย.3 ระยะทางจะไกลค่ะ3000เมตร ใช้เวลานานหน่อย เล่นเอาเมื่อยอยู่ และในที่สุดก็ถึง ย.3 นี่ถ้าไม่เบลอหน้านะ สภาพดูไม่ได้ หน้ามันเลื่อมเชียวล่ะ


ย.1 ที่ประทับพักแรมของกรมพระยากำแพงเพชรอัครโยธิน เมื่อครั้งเสด็จมาเป็นแม่งานในการก่อสร้างอุโมงค์ขุนตานค่ะ
จากย.3ไปย.4 1000เมตร ก่อนถึง ย.4 จะมีเนินวัดใจ เนินวัดใจมีความนัยว่าไหวไม๊แก+เนินชัน พอถึงเนินวัดใจนี่ เราปล่อยให้น้องๆวิ่งขึ้นไปก่อนเลยค่ะ จากที่เราเดินนำน้องๆมาตลอด เดินขึ้นมานี่เหมือนมีการ์ดคอยคุมเลยค่ะ 55
พวกเรามาถึงไม่มีใครแล้วค่ะ มาถึงตอน17.30 ทันดูพระอาทิตย์กำลังตกพอดี พวกเราเริ่มเดินขึ้นจากย.1ประมาณ 15.30น. นะคะ หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จ ก็เริ่มเดินลงประมาณหกโมงกว่าๆ ตอนลงเร็วกว่าค่ะ เพราะมีแต่ทางเดินลาดลง แต่เราลงกันมาเย็นเกิน เดินไปก็กลัวนะคะ เพราะเริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ คือยังเดินอยู่ ย.3ก็ต้องใช้ไฟฉายแล้วค่ะ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เดินป่าตอนมืดๆขนาดนี้ เราไม่แนะนำนะคะ เพราะอันตราย ขามาเราเจองูเกือบเหยียบแล้วค่ะ แต่ดีที่เห็น คิดดูสิคะเจอสัตว์เลื่อยคลานตอนมืดๆในป่า  กว่าพวกเราจะมาถึงป้อมจุดสตาร์ทก็ประมาณทุ่มกว่าๆ ใช้เวลาเดินลงประมาณ 1 ชั่วโมง น้องๆใจดีขับรถไปส่งให้ที่พัก (จากจุดสตราท์ย.1กับที่พักเราห่างประมาณ2กิโล) คืนที่สองที่อุทยานหมดไปแบบขาชาๆ กับประทับใจวิวและเพื่อนร่วมทาง

วิวนั่งพัก ก่อนใช้แรงขึ้นเนินวัดใจค่ะ
วิวบนย.4>>










วันที่3 เราตื่นเจ็ดโมงกว่าๆ เนื่องจากเพลีย เดินลงมาที่ทำการอุทยาน แวะกินข้าว ถ่ายรูปเก็บตกรอบๆ แล้วกลับไปสถานีรถไฟขุนตาน ตอนแรกกะว่าจะเดินไปเอง แต่พี่ที่อุทยานใจดี ให้นั่งรถหกล้อของอุทยานไปลงสถานีรถไฟ ถึงสถานีถ่ายภาพระหว่างรอรถไฟรอบ 11.00 น.
วิวที่พักตอนเช้า ตื่นมาก็เจอวิวสวยๆ

เส้นแบ่งเขตสองจังหวัด แหมะ พี่ๆ ที่มาเที่ยวไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับเรมในการถ่ายรูปเลย


อันนี้หลักเขตที่แบ่งสองจังหวัดค่ะ

รถที่พี่อุทยานขับมาส่งที่สถานีรถไฟ >>



พอรถไฟมาก็กระโดดขึ้นเพื่อไปลงสถานีลำพูน ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงสถานีลำพูน

จากสถานีเราให้วินไปส่งที่พักที่เราจองไว้ เราจองไว้ที่ "ปิ๊กบ้าน" เป็นแนวโฮสเทล ถึงที่พัก รอแป๊บนึงพี่เค้าก็มาเปิดบ้านให้เราไว้ของ
ที่พักปิ๊กบ้าน บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านเลยค่ะ >>

แล้วเราก็รีบไปพระธาตุหริกุญชัย เพื่อไปซื่อตั๋วนั่งรถรางเที่ยว หมดไปกับทริปรถราง เจอแก๊งป้าชาวจีน เราก็ช่วยเป็นล่ามนิดๆหน่อยให้พวกแก เพราะรถราง พูดแต่ภาษาไทย ป้ายท่องเที่ยวก็ไม่มีภาษาจีน ป้าๆแกก็น่ารักนะ ช่วยถ่ายรูปให้เราด้วย ใช้เวลานั่งรถรางประมาณ 3 ชั่วโมง  แวะเดินเที่ยวตลาดแถวพระธาตุ วันที่เราไปมีงาน OTOP พอดี เดินเพลินๆแล้วกลับที่พัก
รูปเที่ยวรถราง >>


วัดพระธาตุหริกุญชัย


















เฉาก๊วยที่วัดพระธาตุหริกุญชัย


นั่งเล่นชิวๆที่ปิ๊กบ้าน แล้วตอนเย็นพี่อ้อมที่ปิ๊กบ้านก็พาไปถีบจักรยานหาอะไรกิน และก็เที่ยวลำพูนยามค่ำคืน เราก็ได้เห็นลำพูนในอีกมุม มุมที่สงบ แม้จะเป็นช่วงเทศกาลแต่ก็ไม่มีความจอแจเลย เราชอบวัดและบ้านที่นี่มาก ถ้าใครมาลองมาปั่นจักรยานเล่นดูนะคะ ที่ปิ๊กบ้านเค้ามีจักรยานให้ปั่นถ้าใครมาพักที่นี่





วันที่4 ตื่นเช้ามีอาหารเช้าทำใหม่จากพี่อ้อมที่ปิ๊กบ้าน พี่เค้าทำกับข้าวอร่อยม๊ากแล้วไปปั่นจักรยานรอบลำพูนเล่นๆ เดินทางกลับด้วยรถไฟตู้นอนช่วงบ่ายถึงสถานีบางซื่อประมาณหกโมงกว่าๆทริปนี้เราหมดไปประมาณ2000บาท ถ้าใครมารถไฟฟรีก็อาจจะถูกกว่านี้นะ

ขี่จักรยานเที่ยวไปพิพิธภัณฑ์มิคกี้เมาส์

อาหารที่เราสั่งบนรถไฟ

นอนรถไฟสอดม่านไว้ใต้เบาะนะคะ เวลาใครมาดึงจะได้รู้ตัว
ชื่อสินค้า:   อุทยานแห่งชาติขุนตาล เมืองลำพูน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่