อิสระภาพทางการเงิน เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้กันทุกคน

"อิสระภาพทางการเงิน เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้กันทุกคน"

ก่อนอื่นจะต้องบอกกล่าวก่อน ที่กำลังจะว่านี่ไม่ใช่การมาบอก หรือ จูงใจ ให้ทำธุรกิจขายตรง หรือ เข้าอบรมคอร์สขายฝันต่างๆ แต่กำลังจะบอกว่า การมีอิสระภาพทางการเงิน มันไม่ใช่เรื่องที่ทำกันง่ายๆ แล้วนี่ไม่ใช่การพูดตัดกำลังใจ หรือ จะบอกว่า พยายามให้ตายก็ไม่มีทางทำได้หรอก

แต่ยังไงก็ต้องยอมรับนะว่า ทุกวันนี้ เราทุกคน อยู่ในยุคทุนนิยม ตั้งแต่เกิดมา หรือ จะทำอะไร ก็ต้องใช้เงินทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเรียน ประถม มัธยม ต่างประเทศ ป ตรี ป โท ป เอก  หรือ แม้การกระทั่งทำธุรกิจ ก็ต้องใช้เงินจำนวนมากด้วยกันทั้งสิ้น รวมถึงการเจ็บป่วยหนักด้วย เห็นมาหลายครั้งแล้ว มหาเศรษฐี เจ็บป่วยหนัก ก็หมดตัว เพราะการตรวจรักษา มันมหาศาลมากขนาดนั้น ขณะที่คนจนๆ ก็รอเวลาตายอย่างเดียว เพราะไม่มีเงินรักษา แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องตายอยู่ดี

ด้วยเหตุนี้ มนุษย์ทั้งหลาย จึงพยายามดิ้นรน ตามหาเงิน และ สะสมให้ได้จำนวนมากๆ เพื่อหวังที่จะได้ใช้ชีวิตตามที่ต้องการ ตามแต่โอกาส และ ต้นทุนที่แต่ละคนจะได้รับ ซึ่งคนที่มีต้นทุนดีหน่อย แน่นอน เขาทำอะไรก็ง่ายอยู่แล้ว เกิดมาพ่อแม่ ให้การศึกษา ส่งเรียนเมืองนอก จบมาเปิดบริษัท และ มีตึกอสังหา ปล่อยเช่า ให้ลูกหลานเก็บไว้กินต่อชั่วลูกหลาน ขณะที่คนจนๆนั้น มักจะคิดแต่จะทำยังไงให้ชีวิตรอด ไปในแต่ละวันได้ เพียงเท่านั้นก็ถือว่ายอดแล้ว ซึ่งด้วยข้อจำกัดเหล่านี้ จึงทำให้ยากที่จะคิดถึง financial freedom

ซึ่งสิ่งที่น่าตกใจอย่างยิ่งก็คือ คนจำนวนมาก ไม่ได้คิดถึงการวางแผนเกษียณเลย ใช้ชีวิตอยู่กับวงจรหนูถีบจักร คือ จันทร์ - ศุกร์ เข้าออฟฟิต เสาร์-อาทิตย์ ก็เอาแรงกาย แรงใจ ที่ไปแลกค่าแรงไปกิน ไปเที่ยว บ้างเหลือเก็บอยู่นิดหน่อย แล้วก็ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่อยู่ๆ หลายคนกลับต้องเกษียณออกไปก่อน (โดนปลดออกจากงานไปก่อน ที่อายุ 20-40 ปีเท่านั้น) ซึ่งจะหางานใหม่นั้น เรียกได้ว่า เป็นไปไม่ได้แล้ว แต่หลายคนยังติดอยู่กับความคิดที่ว่า จะต้องหางานใหม่ (เป็นลูกจ้างเขา) ปรากฎ กลับไม่มีบริษัทไหนรับเลย นั่นก็เพราะ อายุมากนั่นเอง ซึ่งไปจ้างเด็กจบใหม่ หรือ มีประสบการณ์มาบ้าง จะจ้างถูกกว่า แล้วคนอายุมาก ก็ศักยภาพด้อยกว่า คนอายุน้อยกว่าเยอะแล้ว ซึ่งคนเหล่านี้ ก็มีหลายคน ที่หันเห บ้างก็ไปผัดข้าวขาย บ้างก็เย็บผ้า ขายเสื้อ ตามแต่ที่โอกาสตนเองจะมี ไปจนทำไม่ไหว แล้วก็รอลูกหลานมาดูแล แต่เอาเข้าจริง มันไม่มีหรอก ยิ่งบ้านจนๆนะ ลูกหลานก็ต้องดิ้นรน ไม่งั้นหากมาเฝ้าคนแก่ ก็จะยิ่งพาลอดตายกันทั้งบ้าน เห็นไหม โลกไม่ได้ง่ายๆ

ทีนี้ การจะมีอิสระภาพทางการเงิน จะต้องทำอย่างไรบ้าง

ถ้าว่าตามหลักการ ที่ใครๆก็รู้ นั่นก็คือ ต้องสะสมเงินทอง ให้ได้มากที่สุด แน่นอน คนส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเป็นลูกจ้าง จากนั้นก็เอาไปสะสม จากสิ่งที่ให้ผลตอบแทน เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต (ลองไปคิดดูเองนะว่ามีอะไรบ้างขอไม่พูดเดี๋ยวยาว แล้วแต่อย่างก็มีความเสี่ยงสูงมาก โปรดอย่ามองโลกสวย) แต่ขณะที่ลูกคนรวย ถ้าไม่อยากเป็นลูกจ้าง ก็ทำต่อที่บ้านได้ ไม่ก็มีเงินทองสะสม จากรุ่นก่อนไว้ให้แล้ว จึงไม่แปลกที่จะเห็น คนอายุต่ำกว่า 20 คุยฟุ้ง ว่ามีอิสระภาพทางการเงิน ซึ่งถ้าว่ากันจริงๆ หากเขาไม่ได้รุ่นพ่อแม่ ป่านนี้อาจจะไม่ได้มีโอกาสเรียนหนังสืออะไรเลยก็ได้

แล้วการจะสะสมเงินทองให้ได้มากๆ ก็ต้องมีอาชีพ ที่มีรายได้หลักแสน เช่น ดารา , นักร้อง ที่ออกโชว์ตัวที ได้เงินหลักแสน (ต่อชม) จึงไม่ต้องแปลกใจ ที่ว่าทำไมเห็นบางคน โดยเฉพาะพระเอกนางเอก แปปๆ ซื้อรถสปอร์ต หลายสิบล้านได้ ส่วนมนุษย์เงินเดือนแสน ก็อย่าคิดว่าเขาจะสบาย เพราะคนพวกนี้ แม้จะมีความสามารถ และ ถูกเลิกจ้างทีหลัง แต่เขาก็ต้องเอาเวลาตัวเองไปแลก กว่าจะกลับได้ก็ต้องสองสามทุ่มทุกวันนะ อย่าลืมนะว่า ไม่มีใครเอาเงินมาให้ใช้ฟรีๆ ง่ายๆ ยังไงก็ขอให้ระวังด้วย เวลาใครมาพูดอะไรสวยหรู แบบเสนอผลตอบแทนเยอะๆให้ เพราะเขาหวังผลประโยชน์บางอย่างจากเราอยู่

หรือ ไม่ก็ต้องพยายามทำธุรกิจ สักอย่างให้ได้ อาจจะไม่ต้องอายุน้อยพ้นล้าน แต่ก็ต้องอย่าลืมนะว่า สิ่งเหล่านี้ ใช้เงินที่มหาศาล แล้วธุรกิจเอง ก็มีหลายปัจจัย ที่จะต้องดูแล เช่น การสำรวจตลาด การหาลูกค้า การรักษาลูกค้า การจัดหาเครื่องจักร การจ้างพนักงาน ภาษี (เช่น ภงด 51,53) การแบ่งผลประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้น  การจัดทำงบการเงิน บริหารคลังสินค้า การขยายสาขา การปรับโมเดลธุรกิจ (กรณีที่ธุรกิจเดิมดูแย่) การเปิดรับตัวเเทนจำหนาย เพื่อให้ขายได้มากขึ้น แต่ธุรกิจแข่งขันสูง หลายเจ้าปิดตัวไปเยอะมาก ส่วนที่รอดอยู่มักเป็นพวกรายใหญ่นะ ตัวเจ้าของเอง ก็ต้องเตรียม วิธีจัดการปัญหากรณีไปไม่รอดด้วย

ส่วนชนชั้นกลาง ส่วนใหญ่ ก็คงไม่พ้น เป็นลูกจ้างเขา อาจจะเอกชน ราชการ รัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะสองอย่างหลัง ยอมทำก็เพื่อหวังสวัสดิการ รักษาพยาบาล แต่พวกเงินพิเศษก็ไม่ได้มากมายนักหรอก

ขอให้พยายามใช้ชีวิตต่อไป ใช้ให้น้อยกว่า ได้มาก หลักการง่ายๆ ที่จะต้องทำให้ได้ แล้วอย่าลืมศึกษาธรรมะบ้าง คนเราครอบครองไม่ได้ทุกอย่าง ตายไปเอาอะไรไปไม่ได้

บางทีก็น่าเห็นใจนะ หลายคนก็ไม่ได้รวย หลายคนก็ไม่รู้ด้วยว่า จะหารายได้มากๆจะต้องทำอย่างไร (ขอไม่พูดถึงพวกลูกนักธุรกิจนะพวกนั้นง่ายโคตรๆอยู่แล้ว) ชีวิตเลยเต็มไปด้วยความกังวล จะกินใช้อะไรก็ต้องคิด บ้างก็ใช้แบบไม่คิดก็มีเยอะ พอตกอับ เขาไม่จ้าง หรือ ทุพพลภาพ ก็ยิ่งเครียด จิตตก บ้างก็เสียสติ นี่เห็นไหมหล่ะว่า ทุกของการมีชีวิต คือ ทุกคนเกิดมา จะต้องพยายามมีชีวิตอยู่ แม้อะไรจะไม่พร้อม ได้อย่างใจสักอย่าง จนกว่าจะหมดลมจากโลกไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่