สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราอยากขอคำปรึกษาจากทุกคนเรื่องปัญหาส่วนตัวและปัญหาครอบครัวค่ะ
เราขอไม่บอกชื่อนะคะ แต่จะเล่ารายละเอียดภาพรวมให้ฟังถึงที่มาที่ไปค่ะ
พ่อแม่เราเป็นคนไม่มีฐานะอะไร เป็นวัยรุ่นสมัยก่อนทั่วไปที่มีลูกตอนยังไม่พร้อม ใช่ค่ะ เราเกิดมาในครอบครัวที่ไม่พร้อม ข้อนี้เรายอมรับได้แล้วค่ะ
แม่เราเคยแต่งงานมีลูกสาวมาก่อน ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เรานั่นเองค่ะ ต่อมาก็ตามประสาครอบครัวไม่พร้อม อะไรไม่พร้อม พ่อกับแม่เราเลยแยกทางกันตอนเราอยู่ป.3 ข้อนี้เราก็รับได้นานแล้วเหมือนกันค่ะ
เราอาศัยอยู่กับตายาย และพี่สาวต่างพ่อที่ตจว ส่วนพ่อกับแม่เราแยกทางกันแต่ยังอาศัยอยู่ในกทม.ค่ะ
ตากับยาย และพี่สาวเลี้ยงเรามากค่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร...
พอขึ้นม.2เราขอพ่อว่าอยากไปอยู่ด้วยค่ะ (ก่อนหน้านี้เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมพ่อและแม่ที่กทม.ในช่วงปิดเทอมบางเทอมที่พวกท่านพร้อมให้เราลงไปเที่ยว แต่ว่าเทอมไหนไปหาแม่ก็จะไม่ได้ไปหาพ่อนะคะ) อ้อ แล้วก็พ่อเรามีความรับผิดชอบดีทุกอย่างค่ะ ส่งเงินค่าเลี้ยงดูเราให้ตายายทุกเดือน
เราตื้อพ่อมาตลอดค่ะว่าอยากไปอยู่ด้วย อยากไปอยู่กทม. อยากอยู่กับพ่อ
ซึ่งตอนเราเรียนประถมเรามีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียนด้วยค่ะ เพื่อนชอบล้อว่าเราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะตอนเราอยู่กับตายายก็เรียกท่านว่าพ่อแม่แทนพ่อแม่จริงๆ ของเรา ตายายก็เลี้ยงดูเราไม่ได้ขาดความอบอุ่นอะไร แต่เวลาโดนล้อหนักๆ เราก็ทนไม่ได้ เลยมีเรื่องกันค่ะ (สมัยเด็กแล้วค่ะ ตอนนี้ก็เจอกันบ้าง แต่ไม่ได้สนิทแล้ว เพื่อนผู้หญิงสมัยประถม
พอตื้อพ่อมากๆ พ่อก็ยอมให้ไปค่ะ แต่พ่อบอกเราว่า "พ่อยังไม่พร้อมนะ มาอยู่อาจจะลำบากหน่อย"
เราก็ดีใจใหญ่เลย จะได้ไปอยู่กับพ่อ จะได้ไปอยู่กทม...
ตัดตอนมาอยู่กทม.นะคะ
พ่อพาเราไปรู้จักกับน้าผู้หญิงคนนึง ตอนกลับบ้านพ่อก็ถามเราว่า "ชอบน้าเค้าไหม"
โดยสัญชาตญาณความเป็นลูก เรารู้เลยว่าคนนี้จะมาแทนที่แม่เรา...
เราถูกเลี้ยงมาในสังคมที่มีพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกัน ตาแทนพ่อ ยายแทนแม่ แล้วเราคือลูก
เราเห็นครอบครัวเพื่อนสมัยประถมที่พ่อมีแม่ใหม่ เราก็ไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับเราค่ะ
ตอนนั้นเราก็ร้องไห้หนักมาก ถามพ่อว่าอยู่ด้วยกัน 2 คนไม่ได้เหรอ
พ่อบอกเราว่า "พ่อต้องทำงาน พ่ออยากมีใครมาช่วยเลี้ยงหนู หนูเพิ่งลงมาอยู่กทม."
เราไม่ได้ตอบตกลงอะไร หลังจากนั้นพ่อก็พาน้าเค้ามาเจอเราบ่อยขึ้น ให้น้าเค้าไปรับไปส่งเราที่โรงเรียนแทน (น้าเค้าไม่ได้ทำงานอ่ะค่ะ เหมือนที่บ้านเค้ามีฐานะ เค้าเป็นลูกคนจีน เดี๋ยวเราจะเล่าต่อไปนะคะ) แล้วก็พ่อย้ายคอนโดไปอยู่รวมกับคอนโดน้าเค้าเพราะห้องมันใหญ่กว่า เราก็เห็นพ่อกับน้าดูแบบบ้าน เหมือนเราโดนยัดเยียดแม่ใหม่
ด้วยความที่พ่อไม่ค่อยมีเวลาดูแลเรา แล้วเหมือนจะไว้ใจให้น้าคนนั้นเลี้ยงดูเรา เราก็ไม่ได้สนใจเค้า เค้าก็ไม่ได้สนใจเรา พ่อกลับคอนโดดึก เราก็เป็นห่วง เพราะตอนอยู่ตจว ตายายไม่เคยปล่อยเราให้อยู่บ้านคนเดียว ด้วยความที่อยู่คอนโดตึกสูงๆ เราก็ไม่ได้กลัวอะไรมาก แต่เราเป็นห่วงพ่อ เราโทรหาพ่อยันตี1-ตี2 พ่อก็ไม่รับ น้าผู้หญิงก็ไม่กลับ ไม่รู้ว่าไปไหนด้วยกันรึเปล่า
เราก็เครียด หงุดหงิด เราโยนของทุกอย่าง หนังสือในชั้น ถ้วย จาน ชาม ช้อนลงบนพื้น เหมือนคนบ้าอะลาวาดประมาณนั้นค่ะ และด้วยความที่อยากเรียกร้องความสนใจเราก็
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เอามีดมากรีดข้อมือด้านบนนะคะ ไม่ใช่ด้านฝ่ามือนะ (เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรทำตามนะคะ หากใครมีปัญหาเดียวกันนะ)
ตอนนั้นเราเด็กมาก เราก็ทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจ และมันอาจจะเริ่มจากเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองป่วยรึเปล่า เราไม่เคยอาละวาดหนักขนาดนี้มาก่อน...
พ่อกลับมาตอนใกล้สว่าง เราก็โผลเข้ากอดพ่อ พ่อเห็นสภาพห้องก็ไม่ได้พูดอะไร แต่พอเห็นแผลที่ข้อมือเราก็บอกว่า แบบนี้พ่อเลี้ยงไม่ไหวนะ กลับไปอยู่กับตายายไหม เราเงียบค่ะ คำตอบเราคือมาเพื่ออยู่กับพ่อเท่านั้น แต่เราไม่ได้พูดออกไป...
เราจำไม่ได้ว่าตอนนั้นพ่อกับน้าเค้ากลับมาด้วยกันรึเปล่า แต่คือเราอยู่กับน้าและพ่อเราไม่ค่อยได้คุยกันเลยค่ะ มีคุยสวัสดีทักทายนิดหน่อยเอง ค่อนข้างอึดอัดทีเดียวตอนนั้น...
เวลาผ่านไป...
พ่อกับน้าตัดสินใจซื้อบ้านแทบชานเมืองแต่ยังอยู่ในเขตกทม. ซึ่งไกลจากโรงเรียนเรามากกกก (โรงเรียนเราอยู่ใจกลางเมืองเลยค่ะ)
พออยู่กันไปสักพัก...วันหนึ่ง น้าเค้าไปรับเราที่โรงเรียน และไปรับลูกสาวเค้าต่ออีกโรงเรียนนึง (ซึ่งอยู่แถวเดียวกัน) เป็นโรงเรียนไฮโซเลยล่ะค่ะ
พอรับลูกน้าเสร็จก็ไปรับพ่อต่อ (เหมือนตอนนั้นจะมีรถแค่คันเดียวมั้ง) ก็นั่งรถมาด้วยกัน 4 คน ทุกคนเงียบ เราเงียบ ลูกน้าเงียบ
พ่อเราเป็นคนคารมณ์ดีค่ะ ก็ชวนลูกน้าคุย ด้วยความที่เราไม่อยากให้พ่อขายหน้าหรือหน้าแตกก็เลยหันไปคุยกับลูกน้าคนนั้น เค้าก็เงียบและเหมือนจะร้องไห้ด้วยค่ะ (ลูกสาวน้าอายุเท่าเราพอดีค่ะ) เราก็ไม่รู้จะชวนคุยไร...
พอถึงบ้าน
พ่อก็เรียกเราที่นั่งหน้าคอม กับลูกสาวน้ากินข้าว เราก็เดินไปที่โต๊ะแต่ลูกสาวน้าไม่ยอมมานั่งร่วมโต๊ะด้วย พ่อก็ให้เราเดินเข้าไปชวน เราก็เรียกแต่ก็ไม่มา จนแม่เค้าต้องไปคุยด้วย ก็นั่นแหละค่ะ ลูกเค้าร้องไห้ รับไม่ได้เหมือนเรา ตั้งแต่นั้นก็ไม่มาไม่เจอ และไม่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ แต่น้ายังอยู่กับพ่อและเราที่บ้านนะคะ
พออยู่ด้วยกันนานๆ สันดานแต่ละคนเริ่มออก เรารับน้าไม่ได้ (ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว) แล้วน้าก็รับเราไม่ได้เช่นกัน เพราะเราไม่ค่อยชอบช่วยเค้าทำงานบ้านค่ะ ข้อนี้เรายอมรับ เพราะตอนนั้นเราติดอ่านการ์ตูน นิยายไม่ค่อยสนใจรอบข้าง หมกตัวอยู่แต่ในห้องนอน จะลงมาก็ต่อเมื่อพ่อกลับมา...
อะไรหลายๆ อย่างยิ่งทำให้เราไม่สนิทใจอยากอยู่ด้วย เราร้องไห้ทุกคืน เหม่อมองท้องฟ้า คิดถึงตายาย โทรระบายกับแม่ แม่บอกเราว่า "หนูตัดสินใจไปเองนะ แม่ไม่ได้อยากให้ไปอยู่ เพราะฉะนั้นต้องเข้มแข็งและอยู่กับมันให้ได้"
เราลืมบอกค่ะ พ่อแม่เราแยกทางกันไม่ดีเลย พ่อไม่ได้รักแม่ พ่อเกลียดแม่ อันนี้พ่อบอกเราเองค่ะ ตอนนั้นฟังก็ช็อคเหมือนกัน เด็กมากค่ะม.ต้นเอง
เราก็รู้สึกว่าคำปลอบแม่ไม่ได้ช่วยให้เราดีขึ้นเลย เราก็โทรไประบายกับพี่สาว ตอนนั้นตายายก็รับฟัง บอกว่าถ้ารู้ว่าต้องไปอยู่แบบนั้นจะไม่ให้มาเลย
ด้วยความที่ตอนเด็กมากๆ ช่วงแรกเกิดถึงประมาณ1-2ขวบเราเคยอยู่กทม.กับพ่อแม่ก่อนแล้วค่ะ พ่อจะเลี้ยงดูเรามากกว่าทำให้เราผูกพันธ์กับพ่อมาก ทำให้ตอนกลับมาอยู่ด้วยกันอีก เราเลยอยากอยู่กับพ่อมาก แต่พ่อไม่ค่อยมีเวลาเลย พ่อต้องทำงาน...
นั่นแหละค่ะก็ทนอยู่กันมาเรื่อยๆ เรานอนร้องไห้เกือบทุกคืน มีทะเลาะกับที่บ้านรุนแรงหลายครั้ง เรากลายเป็นคนเก็บตัว มาโรงเรียนตาบวมบ่อยมากค่ะ
ด้วยความที่เรามีปัญหากับน้า น้ามีปัญหากับเรา หรือพ่อมีปัญหากับน้า ทำให้บางวันน้าเค้าไม่กลับบ้าน เคยหายไปเป็นเดือนๆ เลยค่ะ
พ่อก็กลับบ้านเกือบตี5 ทุกวัน เราโทรเช็คพ่อประมาณเที่ยงคืนทุกวันคือพ่อกินเหล่ากับเพื่อนค่ะ เราดูออกว่าเหมือนพ่อเครียดอะไรสักอย่าง...
จนช่วงใกล้เอนทรานซ์พ่อซื้อคอนโดติดรถไฟฟ้าให้เราเพื่อจะได้ไปโรงเรียนสะดวก พ่อจะได้ไม่ต้องตื่นเช้าไปส่งทุกวัน เพราะบางวันพ่อตื่นไม่ไหวเราก็เข้าใจท่านค่ะ โรงเรียนเราเข้า 7.30 บ้านเราอยู่ชานเมืองเลย ต้องฝ่ารถติดแบบมากๆๆๆๆ
ตอนนั้นก็ออกมาอยู่คอนโดคนเดียวค่ะ รู้สึกดีขึ้น เรามาอยู่ใกล้บ้านเพื่อนสนิทคนนึง (เพื่อนผู้หญิงนะคะ) เพราะก่อนหน้านี้เราเคยมาอาศัยบ้านเพื่อนคนนี้อยู่เป็นอาทิตย์เลยค่ะ เพราะเราไม่อยากอยู่บ้าน พ่อก็เคยมารับเลยรู้ว่าบ้านเพื่อนเราอยู่แถวนี้ก็มาดูคอนโดให้มั้งคะ
พอมาอยู่คอนโดเราก็สบายใจดีค่ะ แต่เราไม่รับรู้เรื่องที่บ้านเลย เราหาที่ติวที่เรียนพิเศษเพื่อเตรียมเอนท์ เวลาเหนื่อยก็โทรไปร้องไห้กับพ่อบ้าง...
อยู่มาวันนึงค่ะ น้ามาเคาะประตูห้องเราที่คอนโด (เราดูจากตาแมวค่ะ)
เราก็เปิดให้เค้าเข้ามา น้าถามเราว่า "พ่อมาที่นี่รึเปล่า" เราก็งงว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ ก็ตอบว่าไม่ได้มานะคะ เราก็โทรหาพ่อ แต่พ่อไม่รับสาย
น้าก็นั่งรอในห้องเรา คือเราก็รู้สึกกลัวน้าอ่ะค่ะ คนไม่ถูกกัน แล้วพ่อก็ติดต่อไม่ได้ เราที่ตอนแรกอ่านหนังสืออยู่นี่หัวเสียเลยค่ะ
ตอนนั้นเราจำไม่ได้ว่าโทรหาพ่อติดไหม แล้วน้ากลับไปยังไง แต่เค้าก็กลับไปค่ะ
เราก็พยายามโทรหาพ่อ วันนั้นพ่อก็ไม่รับ เราเป็นห่วงและกังวลมากจริงๆค่ะ
เราใช้ชีวิตไปโรงเรียน ไปติวปกติ ด้วยความที่เวลาอยู่กับเพื่อนเราจะร่าเริง หัวเราะง่ายเลยทำให้เราคลายเครียดไป
พอกลับถึงห้อง เราก็โทรหาพ่อติดค่ะ ถามพ่อว่าอยู่ไหน ไม่ได้กลับบ้านเหรอ ทะเลาะกับน้ารึเปล่า
พ่อก็บอกเราว่าตอนนี้พ่อมาอาศัยอยู่กับเพื่อน ถ้าน้ามาอีกไม่ต้องให้เค้าขึ้นไปบนห้อง เดี๋ยวพ่อจะบอกรปภ.ไว้ให้ ช่วงนี้หนูดูแลตัวเองก่อนนะ
เราก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อค่ะ หลังจากนั้น 2-3 วันพ่อก็มาหาเราที่คอนโด เอาเสื้อผ้ามาประมาณนึงแบบว่าอยู่ด้วย แล้วเล่าให้เราฟังว่า...
"พ่อติดหนี้พนัน น้าเค้าพาพ่อไป แล้วพ่อเสีย พ่อพยายามหนีเค้า และอยากเลิกกับเค้า"
#ไว้เรามาต่อนะคะ ตอนนี้รู้สึกปวดหัว และแน่นหน้าอกอ่ะค่ะ มันคืออาการอะไรเหรอคะ เวลาเราเครียดมากๆ จะรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกด้วยอ่ะค่ะ
#เราอยากได้คำปรึกษาด้วยนะคะ มันมีเรื่องราวมากกว่านี้อีกประมาณนึงเลยค่ะ เราอาจจะไม่ได้มาอัพเดทเร็วๆ นี้เพราะติดสอบที่มอ ไม่เกินอาทิตย์หน้าจะมาเล่าต่อนะคะ
#เราเคยอยากลองพบจิตแพทย์แต่ไม่รู้ว่าเคสตัวเองหนักพอที่ควรไปพบรึเปล่าอ่ะค่ะ
ขอบคุณทุกคนล่วงหน้านะคะ เวลาระบายออกมามันรู้สึกดีขึ้นนิดนึงค่ะ แต่ปวดหัวมาก55
มีใครรู้สึกว่าตัวเองเป็นโรคจิตไหมคะ? (ปัญหาครอบครัว)
เราขอไม่บอกชื่อนะคะ แต่จะเล่ารายละเอียดภาพรวมให้ฟังถึงที่มาที่ไปค่ะ
พ่อแม่เราเป็นคนไม่มีฐานะอะไร เป็นวัยรุ่นสมัยก่อนทั่วไปที่มีลูกตอนยังไม่พร้อม ใช่ค่ะ เราเกิดมาในครอบครัวที่ไม่พร้อม ข้อนี้เรายอมรับได้แล้วค่ะ
แม่เราเคยแต่งงานมีลูกสาวมาก่อน ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เรานั่นเองค่ะ ต่อมาก็ตามประสาครอบครัวไม่พร้อม อะไรไม่พร้อม พ่อกับแม่เราเลยแยกทางกันตอนเราอยู่ป.3 ข้อนี้เราก็รับได้นานแล้วเหมือนกันค่ะ
เราอาศัยอยู่กับตายาย และพี่สาวต่างพ่อที่ตจว ส่วนพ่อกับแม่เราแยกทางกันแต่ยังอาศัยอยู่ในกทม.ค่ะ
ตากับยาย และพี่สาวเลี้ยงเรามากค่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร...
พอขึ้นม.2เราขอพ่อว่าอยากไปอยู่ด้วยค่ะ (ก่อนหน้านี้เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมพ่อและแม่ที่กทม.ในช่วงปิดเทอมบางเทอมที่พวกท่านพร้อมให้เราลงไปเที่ยว แต่ว่าเทอมไหนไปหาแม่ก็จะไม่ได้ไปหาพ่อนะคะ) อ้อ แล้วก็พ่อเรามีความรับผิดชอบดีทุกอย่างค่ะ ส่งเงินค่าเลี้ยงดูเราให้ตายายทุกเดือน
เราตื้อพ่อมาตลอดค่ะว่าอยากไปอยู่ด้วย อยากไปอยู่กทม. อยากอยู่กับพ่อ
ซึ่งตอนเราเรียนประถมเรามีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียนด้วยค่ะ เพื่อนชอบล้อว่าเราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะตอนเราอยู่กับตายายก็เรียกท่านว่าพ่อแม่แทนพ่อแม่จริงๆ ของเรา ตายายก็เลี้ยงดูเราไม่ได้ขาดความอบอุ่นอะไร แต่เวลาโดนล้อหนักๆ เราก็ทนไม่ได้ เลยมีเรื่องกันค่ะ (สมัยเด็กแล้วค่ะ ตอนนี้ก็เจอกันบ้าง แต่ไม่ได้สนิทแล้ว เพื่อนผู้หญิงสมัยประถม
พอตื้อพ่อมากๆ พ่อก็ยอมให้ไปค่ะ แต่พ่อบอกเราว่า "พ่อยังไม่พร้อมนะ มาอยู่อาจจะลำบากหน่อย"
เราก็ดีใจใหญ่เลย จะได้ไปอยู่กับพ่อ จะได้ไปอยู่กทม...
ตัดตอนมาอยู่กทม.นะคะ
พ่อพาเราไปรู้จักกับน้าผู้หญิงคนนึง ตอนกลับบ้านพ่อก็ถามเราว่า "ชอบน้าเค้าไหม"
โดยสัญชาตญาณความเป็นลูก เรารู้เลยว่าคนนี้จะมาแทนที่แม่เรา...
เราถูกเลี้ยงมาในสังคมที่มีพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกัน ตาแทนพ่อ ยายแทนแม่ แล้วเราคือลูก
เราเห็นครอบครัวเพื่อนสมัยประถมที่พ่อมีแม่ใหม่ เราก็ไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับเราค่ะ
ตอนนั้นเราก็ร้องไห้หนักมาก ถามพ่อว่าอยู่ด้วยกัน 2 คนไม่ได้เหรอ
พ่อบอกเราว่า "พ่อต้องทำงาน พ่ออยากมีใครมาช่วยเลี้ยงหนู หนูเพิ่งลงมาอยู่กทม."
เราไม่ได้ตอบตกลงอะไร หลังจากนั้นพ่อก็พาน้าเค้ามาเจอเราบ่อยขึ้น ให้น้าเค้าไปรับไปส่งเราที่โรงเรียนแทน (น้าเค้าไม่ได้ทำงานอ่ะค่ะ เหมือนที่บ้านเค้ามีฐานะ เค้าเป็นลูกคนจีน เดี๋ยวเราจะเล่าต่อไปนะคะ) แล้วก็พ่อย้ายคอนโดไปอยู่รวมกับคอนโดน้าเค้าเพราะห้องมันใหญ่กว่า เราก็เห็นพ่อกับน้าดูแบบบ้าน เหมือนเราโดนยัดเยียดแม่ใหม่
ด้วยความที่พ่อไม่ค่อยมีเวลาดูแลเรา แล้วเหมือนจะไว้ใจให้น้าคนนั้นเลี้ยงดูเรา เราก็ไม่ได้สนใจเค้า เค้าก็ไม่ได้สนใจเรา พ่อกลับคอนโดดึก เราก็เป็นห่วง เพราะตอนอยู่ตจว ตายายไม่เคยปล่อยเราให้อยู่บ้านคนเดียว ด้วยความที่อยู่คอนโดตึกสูงๆ เราก็ไม่ได้กลัวอะไรมาก แต่เราเป็นห่วงพ่อ เราโทรหาพ่อยันตี1-ตี2 พ่อก็ไม่รับ น้าผู้หญิงก็ไม่กลับ ไม่รู้ว่าไปไหนด้วยกันรึเปล่า
เราก็เครียด หงุดหงิด เราโยนของทุกอย่าง หนังสือในชั้น ถ้วย จาน ชาม ช้อนลงบนพื้น เหมือนคนบ้าอะลาวาดประมาณนั้นค่ะ และด้วยความที่อยากเรียกร้องความสนใจเราก็ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ (เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรทำตามนะคะ หากใครมีปัญหาเดียวกันนะ)
ตอนนั้นเราเด็กมาก เราก็ทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจ และมันอาจจะเริ่มจากเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองป่วยรึเปล่า เราไม่เคยอาละวาดหนักขนาดนี้มาก่อน...
พ่อกลับมาตอนใกล้สว่าง เราก็โผลเข้ากอดพ่อ พ่อเห็นสภาพห้องก็ไม่ได้พูดอะไร แต่พอเห็นแผลที่ข้อมือเราก็บอกว่า แบบนี้พ่อเลี้ยงไม่ไหวนะ กลับไปอยู่กับตายายไหม เราเงียบค่ะ คำตอบเราคือมาเพื่ออยู่กับพ่อเท่านั้น แต่เราไม่ได้พูดออกไป...
เราจำไม่ได้ว่าตอนนั้นพ่อกับน้าเค้ากลับมาด้วยกันรึเปล่า แต่คือเราอยู่กับน้าและพ่อเราไม่ค่อยได้คุยกันเลยค่ะ มีคุยสวัสดีทักทายนิดหน่อยเอง ค่อนข้างอึดอัดทีเดียวตอนนั้น...
เวลาผ่านไป...
พ่อกับน้าตัดสินใจซื้อบ้านแทบชานเมืองแต่ยังอยู่ในเขตกทม. ซึ่งไกลจากโรงเรียนเรามากกกก (โรงเรียนเราอยู่ใจกลางเมืองเลยค่ะ)
พออยู่กันไปสักพัก...วันหนึ่ง น้าเค้าไปรับเราที่โรงเรียน และไปรับลูกสาวเค้าต่ออีกโรงเรียนนึง (ซึ่งอยู่แถวเดียวกัน) เป็นโรงเรียนไฮโซเลยล่ะค่ะ
พอรับลูกน้าเสร็จก็ไปรับพ่อต่อ (เหมือนตอนนั้นจะมีรถแค่คันเดียวมั้ง) ก็นั่งรถมาด้วยกัน 4 คน ทุกคนเงียบ เราเงียบ ลูกน้าเงียบ
พ่อเราเป็นคนคารมณ์ดีค่ะ ก็ชวนลูกน้าคุย ด้วยความที่เราไม่อยากให้พ่อขายหน้าหรือหน้าแตกก็เลยหันไปคุยกับลูกน้าคนนั้น เค้าก็เงียบและเหมือนจะร้องไห้ด้วยค่ะ (ลูกสาวน้าอายุเท่าเราพอดีค่ะ) เราก็ไม่รู้จะชวนคุยไร...
พอถึงบ้าน
พ่อก็เรียกเราที่นั่งหน้าคอม กับลูกสาวน้ากินข้าว เราก็เดินไปที่โต๊ะแต่ลูกสาวน้าไม่ยอมมานั่งร่วมโต๊ะด้วย พ่อก็ให้เราเดินเข้าไปชวน เราก็เรียกแต่ก็ไม่มา จนแม่เค้าต้องไปคุยด้วย ก็นั่นแหละค่ะ ลูกเค้าร้องไห้ รับไม่ได้เหมือนเรา ตั้งแต่นั้นก็ไม่มาไม่เจอ และไม่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ แต่น้ายังอยู่กับพ่อและเราที่บ้านนะคะ
พออยู่ด้วยกันนานๆ สันดานแต่ละคนเริ่มออก เรารับน้าไม่ได้ (ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว) แล้วน้าก็รับเราไม่ได้เช่นกัน เพราะเราไม่ค่อยชอบช่วยเค้าทำงานบ้านค่ะ ข้อนี้เรายอมรับ เพราะตอนนั้นเราติดอ่านการ์ตูน นิยายไม่ค่อยสนใจรอบข้าง หมกตัวอยู่แต่ในห้องนอน จะลงมาก็ต่อเมื่อพ่อกลับมา...
อะไรหลายๆ อย่างยิ่งทำให้เราไม่สนิทใจอยากอยู่ด้วย เราร้องไห้ทุกคืน เหม่อมองท้องฟ้า คิดถึงตายาย โทรระบายกับแม่ แม่บอกเราว่า "หนูตัดสินใจไปเองนะ แม่ไม่ได้อยากให้ไปอยู่ เพราะฉะนั้นต้องเข้มแข็งและอยู่กับมันให้ได้"
เราลืมบอกค่ะ พ่อแม่เราแยกทางกันไม่ดีเลย พ่อไม่ได้รักแม่ พ่อเกลียดแม่ อันนี้พ่อบอกเราเองค่ะ ตอนนั้นฟังก็ช็อคเหมือนกัน เด็กมากค่ะม.ต้นเอง
เราก็รู้สึกว่าคำปลอบแม่ไม่ได้ช่วยให้เราดีขึ้นเลย เราก็โทรไประบายกับพี่สาว ตอนนั้นตายายก็รับฟัง บอกว่าถ้ารู้ว่าต้องไปอยู่แบบนั้นจะไม่ให้มาเลย
ด้วยความที่ตอนเด็กมากๆ ช่วงแรกเกิดถึงประมาณ1-2ขวบเราเคยอยู่กทม.กับพ่อแม่ก่อนแล้วค่ะ พ่อจะเลี้ยงดูเรามากกว่าทำให้เราผูกพันธ์กับพ่อมาก ทำให้ตอนกลับมาอยู่ด้วยกันอีก เราเลยอยากอยู่กับพ่อมาก แต่พ่อไม่ค่อยมีเวลาเลย พ่อต้องทำงาน...
นั่นแหละค่ะก็ทนอยู่กันมาเรื่อยๆ เรานอนร้องไห้เกือบทุกคืน มีทะเลาะกับที่บ้านรุนแรงหลายครั้ง เรากลายเป็นคนเก็บตัว มาโรงเรียนตาบวมบ่อยมากค่ะ
ด้วยความที่เรามีปัญหากับน้า น้ามีปัญหากับเรา หรือพ่อมีปัญหากับน้า ทำให้บางวันน้าเค้าไม่กลับบ้าน เคยหายไปเป็นเดือนๆ เลยค่ะ
พ่อก็กลับบ้านเกือบตี5 ทุกวัน เราโทรเช็คพ่อประมาณเที่ยงคืนทุกวันคือพ่อกินเหล่ากับเพื่อนค่ะ เราดูออกว่าเหมือนพ่อเครียดอะไรสักอย่าง...
จนช่วงใกล้เอนทรานซ์พ่อซื้อคอนโดติดรถไฟฟ้าให้เราเพื่อจะได้ไปโรงเรียนสะดวก พ่อจะได้ไม่ต้องตื่นเช้าไปส่งทุกวัน เพราะบางวันพ่อตื่นไม่ไหวเราก็เข้าใจท่านค่ะ โรงเรียนเราเข้า 7.30 บ้านเราอยู่ชานเมืองเลย ต้องฝ่ารถติดแบบมากๆๆๆๆ
ตอนนั้นก็ออกมาอยู่คอนโดคนเดียวค่ะ รู้สึกดีขึ้น เรามาอยู่ใกล้บ้านเพื่อนสนิทคนนึง (เพื่อนผู้หญิงนะคะ) เพราะก่อนหน้านี้เราเคยมาอาศัยบ้านเพื่อนคนนี้อยู่เป็นอาทิตย์เลยค่ะ เพราะเราไม่อยากอยู่บ้าน พ่อก็เคยมารับเลยรู้ว่าบ้านเพื่อนเราอยู่แถวนี้ก็มาดูคอนโดให้มั้งคะ
พอมาอยู่คอนโดเราก็สบายใจดีค่ะ แต่เราไม่รับรู้เรื่องที่บ้านเลย เราหาที่ติวที่เรียนพิเศษเพื่อเตรียมเอนท์ เวลาเหนื่อยก็โทรไปร้องไห้กับพ่อบ้าง...
อยู่มาวันนึงค่ะ น้ามาเคาะประตูห้องเราที่คอนโด (เราดูจากตาแมวค่ะ)
เราก็เปิดให้เค้าเข้ามา น้าถามเราว่า "พ่อมาที่นี่รึเปล่า" เราก็งงว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ ก็ตอบว่าไม่ได้มานะคะ เราก็โทรหาพ่อ แต่พ่อไม่รับสาย
น้าก็นั่งรอในห้องเรา คือเราก็รู้สึกกลัวน้าอ่ะค่ะ คนไม่ถูกกัน แล้วพ่อก็ติดต่อไม่ได้ เราที่ตอนแรกอ่านหนังสืออยู่นี่หัวเสียเลยค่ะ
ตอนนั้นเราจำไม่ได้ว่าโทรหาพ่อติดไหม แล้วน้ากลับไปยังไง แต่เค้าก็กลับไปค่ะ
เราก็พยายามโทรหาพ่อ วันนั้นพ่อก็ไม่รับ เราเป็นห่วงและกังวลมากจริงๆค่ะ
เราใช้ชีวิตไปโรงเรียน ไปติวปกติ ด้วยความที่เวลาอยู่กับเพื่อนเราจะร่าเริง หัวเราะง่ายเลยทำให้เราคลายเครียดไป
พอกลับถึงห้อง เราก็โทรหาพ่อติดค่ะ ถามพ่อว่าอยู่ไหน ไม่ได้กลับบ้านเหรอ ทะเลาะกับน้ารึเปล่า
พ่อก็บอกเราว่าตอนนี้พ่อมาอาศัยอยู่กับเพื่อน ถ้าน้ามาอีกไม่ต้องให้เค้าขึ้นไปบนห้อง เดี๋ยวพ่อจะบอกรปภ.ไว้ให้ ช่วงนี้หนูดูแลตัวเองก่อนนะ
เราก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อค่ะ หลังจากนั้น 2-3 วันพ่อก็มาหาเราที่คอนโด เอาเสื้อผ้ามาประมาณนึงแบบว่าอยู่ด้วย แล้วเล่าให้เราฟังว่า...
"พ่อติดหนี้พนัน น้าเค้าพาพ่อไป แล้วพ่อเสีย พ่อพยายามหนีเค้า และอยากเลิกกับเค้า"
#ไว้เรามาต่อนะคะ ตอนนี้รู้สึกปวดหัว และแน่นหน้าอกอ่ะค่ะ มันคืออาการอะไรเหรอคะ เวลาเราเครียดมากๆ จะรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกด้วยอ่ะค่ะ
#เราอยากได้คำปรึกษาด้วยนะคะ มันมีเรื่องราวมากกว่านี้อีกประมาณนึงเลยค่ะ เราอาจจะไม่ได้มาอัพเดทเร็วๆ นี้เพราะติดสอบที่มอ ไม่เกินอาทิตย์หน้าจะมาเล่าต่อนะคะ
#เราเคยอยากลองพบจิตแพทย์แต่ไม่รู้ว่าเคสตัวเองหนักพอที่ควรไปพบรึเปล่าอ่ะค่ะ
ขอบคุณทุกคนล่วงหน้านะคะ เวลาระบายออกมามันรู้สึกดีขึ้นนิดนึงค่ะ แต่ปวดหัวมาก55