http://ppantip.com/topic/35916410 อันนี้ตอนแรกก่อนเกมวันนี้นะครับ
ผมพยายามวิเคราะห์ตอนที่เล่น 433 ที่แพ้ไป 2-1 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (ลองกลับไปอ่านได้นะครับ) สรุปง่ายๆ คือ เหนื่อยเร็วมาก ทำให้ช่วงหลังโดนไป 2 ลูก แล้วก็วิเคราะห์ว่าทำไมถึงเหนือยเร็วไปอีกเล็กน้อย บวกกับมองกลยุทธโค๊ชว่าต้องการพิสูนจ์ความแตกต่างระหว่าง 433 กับ 352 ว่าต่างกันจริงๆ หรือป่าว หรือว่าแผนไหนก็ได้จริงหรือป่าว นั่นเอง
และสำหรับแมชนี้ก็นึกว่าจะไม่กลับมาใช้ 352 ซะแล้ว พอเห็นการวางตัว 11 ตัวจริงจากกระทู้เชียร์สด ผมว่าค่อนข้างลงตัว แต่ติดอยู่ 2 ตำแหน่งคือ สองกองหน้ากับสองกลางรับ พี่โป้ควรจะเล่นขวาพี่มุ้ยควรจะเล่นซ้าย ส่วนพี่ปุยควรจะเล่นขวาพี่สารัชควรจะเล่นซ้าย (เริ่มกระดากปากอีกละ55) แล้วพอเริ่มต้นการแข่งขันเห็นพี่ปุยเล่นขวาและพี่สารัชเล่นซ้ายก็รู้สึกโล่งใจ แต่ๆๆๆๆๆ ทำไมพี่มุ้ยยังเล่นขวาอยู่แและพี่โป้ยังเล่นซ้ายอยู่ ประเด็นคือผู้เล่นกองหน้าถนัดขวาแล้วจับมาเล่นหน้าซ้ายเนี่ยคือต้องยิงคมมากๆ (จะอธิบายเทคนิคนี้ในช่วงหลังนะครับ) ซึ่งควรจะเป็นพี่มุ้ย แต่ก็แอบหวังลึกๆ ว่าพี่โป้จะโดนพี่โก้ติวเข้มมาอย่างเพียงพอ ไลน์การวิ่งของพี่โป้ผมไม่ห่วง จะห่วงแต่Eตอนยิงนี่แหล่ะ จะมีความเฉียบคมเพียงพอหรือป่าว แต่หลังจบเกมพี่โป้ก็ได้ให้คำตอบแล้วว่าโดนพี่โก้ (หรือฝ่ายเทคนิคกองหน้าโดยเฉพาะ) ติวให้กับพี่โป้อย่างเข้มข้นแน่นอน อันนี้จบ ผ่าน
ต่อไปจะอธิบายความแตกต่างระหว่าง 433 กับ 352 สำหรับแมชวันพุธและแมชวันนี้นะครับ
เริ่มจากเกมรับริมเส้น กองหลังตัววิงแบคที่เคยใช้พี่โดฝั่งขวาพี่อุ้มฝั่งซ้ายขึ้สุดลงสุดแบบสปีดสุดทั้งขึ้นลงจาก 433 เปลี่ยนเป็น 352 ให้กองหลังฝั่งนั้นสปีดไปประกบแทน ส่วนพี่โดหรือพี่อุ้มก็วิ่งไปปิดมุมส่งกลับของปีกฝั่งตรงข้ามหรือวิ่งเข้าไปเป็นกลางตัวตัดเกมถ้าตัวตัดเกมเข้าไปปิดทางส่งบอลกลับของปีกฝั่งตรงข้ามแล้ว (การแทนตำแหน่งกัน) ทำให้พี่โดกับพี่อุ้มสปีดขึ้นอย่างเดียวไม่ต้องสปีดลง แรงจึงยังเหลือถึงท้ายเกม อีกอย่างที่ 352 ต่างจาก 433 ในแผงหลังคือ ไม่ว่าจะรุกหรือจะรับ กองหลังยังไงก็ต้องห้อย 3 คน ส่วน 433 ส่วนมากกองหลังจะห้อย 2 คน พอโดนสวนกลับเร็วหลัง 3 ก็จะต้องดีกว่าหลัง 2 แน่นอน โดยเฉพาะช่วงหลังเกม วันนี้ 352 ช่วงหลัง เปลี่ยนเป็น 532 เกมริมเส้นเราถือว่าเอาอยู่ ซึ่งต่างจากนัดเมื่อวันพุธที่หลุดมาทีโดนตลอด เคลียร์ทิ้งบ้าง ปิดมุมไม่ทันบ้าง ทำให้เสียลูกแรกและลูกเตะมุมจนกลายเป็นเสียลูกที่2 (ลูกแรกต้องโทษกลางรับด้วยที่ลงมาไม่ทัน ซึ่งตอนนั้นคงไม่มีแรงให้สปีดลงมาช่วยแล้วจึงลงมาไม่ทัน)
เกมรับโซนกลาง มีกลางรับ 2 คน วางตำแหน่งซ้ายขวาชัดเจนทำให้การวิ่งไม่มั่วและมีพื้นที่รับผิดชอบน้อยลง อันนี้ทำให้แรงเหลือถึงท้ายเกม ส่วนเชิงเทคนิคจะเห็นพี่ปุยกับที่สารัชส่งบอลให้กันค่อนข้างบ่อย การเปลี่ยนแกนซ้ายขวาจะทำได้ดีขึ้นใช้ในกลยุทธนวดคู่ต่อสู้ ส่วนเกมรับก็ช่วยในการสกรีนบอลก่อนบอลถึงกองหลังทำให้กลางฝ่ายตรงข้ามส่งลูกสวยๆ ไม่ค่อยได้ ทำให้กองหลังเราเล่นง่ายขึ้น เพราะ การลูกส่งสวยๆ จากกลางฝ่ายตรงข้ามเป็นอะไรที่กองหลังกลัวมากที่สุด เพราะต้องสปีดให้ทันกองหน้าฝ่ายตรงข้าม ถ้าโดน 3-4 รอบขึ้นไป มีสิทธ์แรงหมด แต่ถ้ากลางของฝ่ายตรงข้ามโดนกลางรับเราบีบให้เล่นยากเขาก็จะออกบอลไม่สวยทำให้กองหลังเราเก็บรับประทานได้ตลอด กองหลังเราจึงมีแรงเหลือถึงท้ายเกมไปด้วย ส่วน 433 มีกลางรับคนเดียว จบ..
เกมสวนกลับเร็ว อันนี้ก็กลางรับอีกแล้วครับ จะเห็นว่ากลางรับมีความสำคัญต่อเกมค่อนข้างมาก 433 มีกลางรับคนเดียวทำให้ต้องเหนื่อยเร็ว แต่ 352 มีกลางรับ 2 คนและแบ่งซ้ายขวาชัดเจน เมื่อกลางรับตัดบอลได้ก็จะสวนกลับเร็วและผู้เล่นไทยก็ทำได้ดีทั้ง พี่ปุย พี่ปก และพี่สารัช ผมมองว่า 3 คนนี้เก่งเท่าๆ กันและทดแทนกันได้ แต่อาจจะถนัดคนละอย่าง เช่น พี่ปุยถนัดวางบอลยาว พี่ปกถนัดชิ่งสั้น ส่วนพี่สารัชได้ทั้งสอง จริงๆ ผู้เล่นตำแหน่งนี้ควรมีสำรองไว้อีกซักคนสองคนก็จะดี (ส่วนมากจะเห็นพี่ปกโดนโจมตีว่าเล่นไม่ดี แต่ผมมองว่าเล่นดีนะแต่ไม่หวือหวาเหมือนลูกโยนยาวของพี่ปุยแค่นั้นเอง ส่วนการตัดเกมผมให้เท่าๆ กันทั้ง 3 คน ผมให้พี่ปกเป็นผู้ปิดทองหลังพระล่ะกันนะครับ)
เกมบุกริมเส้น อันนี้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่าง 433 กับ 352 โดยเฉพาะเรื่องการไม่เหนื่อยเร็ว ช่วงท้ายเกมก็ยังวิ่งได้สบายปรื๋อ แต่อาจจะเห็นเนือยๆ หน่อย แต่เมื่อเทียบกับผู้เล่นอินโดแล้ว เรายังดูมีแรงเหลือเยอะกว่า แค่นี้เป็นใช้ได้ครับ พอแรงเหลือเยอะกว่าการบุกก็ทำได้ดีกว่าครับ เติมเกมช่วยกลางรุกและกองหน้าได้ดี (แต่แมชนี้ช่วงท้ายเกม กลางรุกกับกองหน้าหวงบอลไปหน่อย ไม่งั้นได้เห็นลูกเปิดจากริมเส้นสวยๆ)
กลยุทธ์เกมบุก ผมขอเรียกว่ายุทธศาสตร์การขึ้นเกมแบบพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว คือ บอลจากกองหลังไปปีก พอปีกไปไม่ได้คืนให้กลางรับแล้วกลางรับถ่ายบอลไปให้กับอีกปีกฝั่งนึง พอปีกฝั่งนั้นไปไม่ได้ก็จะส่งกลับให้กลางรับเพื่อถ่ายบอลไปปีกอีกฝั่งไปมา ใช้นวดผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามก็จะมึนเพราะต้องโยกไปโยกมาเพื่อวิ่งไล่บอล ขณะที่ผู้เล่นฝั่งเราเคลื่อนที่ไม่มากนัก(ถ้าออกบอลเร็วอ่ะนะ) พอผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามมึนได้ที่แล้ว ก็จะมีช่องว่างตรงกลางให้เจาะ พอพี่โดหรือพี่อุ้มเห็นก็จะเริ่มส่งบอลให้กลางรุกมากขึ้น กลางรุกก็จะถ่ายบอลไปให้กับปีกอีกฝั่ง ถ่ายซ้ายขวาไปมาผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามก็จะมึนขึ้นไปอีก กลางรุกก็เปลี่ยนไปส่งให้กองหน้าเพื่อสร้างโอกาสทำประตู ทิศทางการเคลื่อนที่ของลูกบอลก็โค้งไปโค้งมาซึ่งจะโค้งเข้าไปหาประตูฝ่ายตรงข้ามขึ้นเรื่อยๆ และรอจังหวะการทำประตู เวลาดูผ่านๆ การเคลื่อนที่ของบอลจะคล้ายๆ รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ผมจึงเรียกว่ายุทธศาสตร์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวนั่นเอง
ที่เห็นได้ชัดก็คือก่อนที่จะได้ลูกที่สองของวันนี้ ก่อนที่บอลจะไปถึงพี่เจส่งลอดหว่างขา (Dark) ให้พี่โป้ ก็มีการส่งจากแดนซ้ายไปแดนขวาหลายที แต่อาจจะเป็นเฉพาะกองหลังสามคนส่งไปส่งมา แต่ก็ทำให้ผู้เล่นอินโดโยกไปโยกมา พอหลังเราเห็นว่าผู้เล่นอินโดกำลังมึนได้ที่แล้วก็ผ่านไปไปทางกาบซ้ายจนบอลไปถึงพี่เจ แล้วพี่เจก็ส่งบอลให้พี่โป้ทำประตูอันงามหยดย้อย ซึ่งพี่โป้ก็ได้ทำตามตำราเป๊ะๆ (เล่มไหนวะ 55)
การมีกองหน้า 2 คน ในช่วงท้ายเกมจะเห็นได้ชัดว่ากลางรับส่งบอลให้กองหน้าได้ง่ายขึ้น หมายถึงส่งไปฝั่งขวาก็มีพี่มุ้ย ส่งไปฝั่งซ้ายก็มีพี่โป้ และไลน์การวิ่งแบ่งชัดเจนซ๊ายขวา ซึ่งพอพี่มุ้ยวิ่งริมเส้นฝั่งขวา พี่โป้ก็จะเข้ามาตรงกลาง หรือพี่โป้อยู่ริมฝั่งซ้าย พี่มุ้ยก็จะรอบอลตรงกลาง ทำให้กองหลังอินโดงง ไม่รู้จะประกบใคร ทำให้มีหลุดให้เห็นบ่อยๆ และการพักบอลก็มีกองหน้าอีกคนซึ่งถ้าหลังอินโดประกบไม่ดีบอลก็มีโอกาสถึงกองหน้าอีกคนได้ (แต่ส่วนมากจะส่งคืนกลางรุกก่อนเพราะโดนบังซะมิด)
และอีกเรื่องก็คือที่ได้เกริ่นไว้ด้านบน คือ เทคนิคการยิงลูกที่สองของพี่โป้ ลูกแรกผมให้เป็นเรื่องดวงและความขยันซะมากกว่านะครับ แต่ก็ให้เครดิตเรื่องไลน์การวิ่งที่ดีด้วยนิสนึง ทีนี้มาดูว่าทำไมผมถึงได้บอกว่าลูกที่สองของพี่โป้นี่คือตรงตามตำรา จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าตำราได้เขียนไว้หรือป่าวอ่ะนะ 55 แต่ผมมองว่าเป็นเทคนิคที่ถูกต้องและความแน่นอนสูง และฝ่ายเทคนิคได้จับพี่โป้มาฝึกลูกยิงแบบนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 1000 ครั้ง ก่อนที่จะให้พี่โป้ยืนตำแหน่งนี้ (พูดยังกะตาเห็น 55) และก็มีโอกาสได้ใช้แล้วก็เห็นผลซะด้วยครับ เทคนิคที่ว่าคือการแตะบอลเปลี่ยนทิศก่อนยิง เปลี่ยนทิศคือการหันหน้าเข้าหาประตูแล้วแตะไปซ๊ายหรือขวา หรือ 90 องศาก่อนยิงนั่นเอง ส่วนมากจะแตะไปทางที่เท้าตัวเองถนัด ที่ให้พี่โป้เล่นหน้าซ้ายเพราะพี่โป้ถนัดขวา ตอนได้บอลก็จะหันหน้าเขาหาประตูแล้วแตะบอลไปทางขวาประมาณไม่เกินเมตรนึงแล้วรีบยิงทันที การยืนฝั่งซ้ายทำให้มีมุมในการยิงมากขึ้น และการทำลักษณะนี้ก็เพื่อให้ทิศทางของลูกบอลหนีห่างจากมือผู้รักษาประตูไปอีกระยะนึงซึ่งมากพอที่จะผ่านมือผู้รักษาประตูและไม่มากพอที่ลูกจะออกนอกกรอบ จึงเป็นที่มาของประตูที่ 2 ของพี่โป้นั่นเอง (สรุปคือแตะก่อน1 จังหวะแล้วค่อยยิงนั่นเอง แต่แตะไปทิศทางใดระยะเท่าไรและตำแหน่งการยืนก็ตามที่ได้อธิบาย)
ช่วงท้ายเกม มีการเปลี่ยนตัว โดยพี่ปกลงแทนพี่ปุย ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ถูกนะครับ เพราะพี่ปุยกับพี่ปกในเรื่องของการตัดเกมแทบไม่ต่างกัน โคชน่าจะมองว่าถ้าได้นักเตะที่มีพละกำลังเยอะๆ ลงไปช่วยเกมรับก็จะเพิ่มความมั่นใจมากขึ้น หลายๆ คนในที่นี้อาจจะไม่เชื่อมือพี่ปก แต่ผมเชื่อว่ากลางรับธรรมชาติอย่างพี่ปกก็น่าจะเติมเต็มเกมรับในช่วงท้ายเกมได้ดีเหมือนกัน ซึ่งผลงานก็ไม่มีอะไรเสียหาย มีส่งบอลให้พี่เจทำเกมบุกได้บ้าง เรื่องสีผมก็ไม่ใช่ปัญหา (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย) การเปลี่ยนพี่ศราวุฒิเข้าพี่โป้ออก ก็มาเติมเกมรุก เพื่อจะบอกอินโดว่าอย่าบุกเพลินนะเพื่อน อินโดจะบุกก็มีห่วงหน้าพะวงหลังกันบ้าง ส่วนการเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายไม่ขอออกความเห็น
สรุปส่งท้าย ก็ได้เห็นแล้วว่าแผนการเล่นมีผลต่อการเล่นของนักเตะ ทั้งในเรื่องสภาพร่างกายพละกำลังที่จะวิ่งให้ครบเกม ทั้งเรื่องของการต่อบอล การตัดบอล การสวนกลับเร็ว สไตล์การเล่นที่ต่างกันหลายๆ อย่าง ความสมดุลระหว่างแผนกับนักเตะ ฯลฯ เมื่อโค้ชได้พิสูจน์ขนาดนี้แล้วยังกลับไปใช้ 433 โดยไม่ดูสภาพนักเตะอีก ผมก็ได้แต่บอกว่า ตัวใครตัวเผือกนะคร้าบบบ
ข้อติ เพื่อการพัฒนา(มั้ง) ข้อแรกก็คือเก็บบอลไว้กับตัวมากเกินไปโดยใช่เหตุ หรือการติดโชว์ การเก็บบอลก็เพื่อเปลี่ยนจังหวะบอลเท่านั้น ควรจะรีบออกบอลให้เพื่อนเพื่อที่จะทำตามกลยุทธ์ของโค้ชต่อไป และช่วงหลังๆ จะเป็นการหวงบอลซะมากกว่า แทนที่จะส่งบอลให้เพื่อนที่มีพื่นที่มากกว่าและเล่นได้กว่ามีโอกาสทำเกมกลายเป็นต้องมาเสียบอล เสียของไป
ข้อสอง เรื่องอารมย์ วันนี้ทำได้ดีแต่ก็เกือบเก็บอารมย์ไม่อยู่ ดีที่ได้ประตูแรกช่วยชีวิต ไม่งั้นความเครียดสะสมอารมย์เกิดและก็จะเข้าทางของอินโดตอนสวนกลับ และตอนอินโดเตะบอลใส่ พอกรรมการให้ใบแดงแล้วก็ควรเพลาๆ ลง นี่เกือบจะวางมวยซะละ หรือควรจะแสดงความเป็นมืออาชีพโดยแสดงออกทางสัญลักษณ์พอ
ยาวมาก มีสาระมั่งไม่มีสาระมั่ง ก็อย่าว่ากันนะครับ แต่ไม่ขอฝากไว้ในใจเหมือนพี่โป้นะ อิอิ
โดย โค้ชคีย์บอร์ดน้อยๆ คนนึง
ใครคิดว่าแผนการเล่นไม่สำคัญ แต่ผมคิดว่าแผนการเล่นสำคัญที่สุด ตอน 2
ผมพยายามวิเคราะห์ตอนที่เล่น 433 ที่แพ้ไป 2-1 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (ลองกลับไปอ่านได้นะครับ) สรุปง่ายๆ คือ เหนื่อยเร็วมาก ทำให้ช่วงหลังโดนไป 2 ลูก แล้วก็วิเคราะห์ว่าทำไมถึงเหนือยเร็วไปอีกเล็กน้อย บวกกับมองกลยุทธโค๊ชว่าต้องการพิสูนจ์ความแตกต่างระหว่าง 433 กับ 352 ว่าต่างกันจริงๆ หรือป่าว หรือว่าแผนไหนก็ได้จริงหรือป่าว นั่นเอง
และสำหรับแมชนี้ก็นึกว่าจะไม่กลับมาใช้ 352 ซะแล้ว พอเห็นการวางตัว 11 ตัวจริงจากกระทู้เชียร์สด ผมว่าค่อนข้างลงตัว แต่ติดอยู่ 2 ตำแหน่งคือ สองกองหน้ากับสองกลางรับ พี่โป้ควรจะเล่นขวาพี่มุ้ยควรจะเล่นซ้าย ส่วนพี่ปุยควรจะเล่นขวาพี่สารัชควรจะเล่นซ้าย (เริ่มกระดากปากอีกละ55) แล้วพอเริ่มต้นการแข่งขันเห็นพี่ปุยเล่นขวาและพี่สารัชเล่นซ้ายก็รู้สึกโล่งใจ แต่ๆๆๆๆๆ ทำไมพี่มุ้ยยังเล่นขวาอยู่แและพี่โป้ยังเล่นซ้ายอยู่ ประเด็นคือผู้เล่นกองหน้าถนัดขวาแล้วจับมาเล่นหน้าซ้ายเนี่ยคือต้องยิงคมมากๆ (จะอธิบายเทคนิคนี้ในช่วงหลังนะครับ) ซึ่งควรจะเป็นพี่มุ้ย แต่ก็แอบหวังลึกๆ ว่าพี่โป้จะโดนพี่โก้ติวเข้มมาอย่างเพียงพอ ไลน์การวิ่งของพี่โป้ผมไม่ห่วง จะห่วงแต่Eตอนยิงนี่แหล่ะ จะมีความเฉียบคมเพียงพอหรือป่าว แต่หลังจบเกมพี่โป้ก็ได้ให้คำตอบแล้วว่าโดนพี่โก้ (หรือฝ่ายเทคนิคกองหน้าโดยเฉพาะ) ติวให้กับพี่โป้อย่างเข้มข้นแน่นอน อันนี้จบ ผ่าน
ต่อไปจะอธิบายความแตกต่างระหว่าง 433 กับ 352 สำหรับแมชวันพุธและแมชวันนี้นะครับ
เริ่มจากเกมรับริมเส้น กองหลังตัววิงแบคที่เคยใช้พี่โดฝั่งขวาพี่อุ้มฝั่งซ้ายขึ้สุดลงสุดแบบสปีดสุดทั้งขึ้นลงจาก 433 เปลี่ยนเป็น 352 ให้กองหลังฝั่งนั้นสปีดไปประกบแทน ส่วนพี่โดหรือพี่อุ้มก็วิ่งไปปิดมุมส่งกลับของปีกฝั่งตรงข้ามหรือวิ่งเข้าไปเป็นกลางตัวตัดเกมถ้าตัวตัดเกมเข้าไปปิดทางส่งบอลกลับของปีกฝั่งตรงข้ามแล้ว (การแทนตำแหน่งกัน) ทำให้พี่โดกับพี่อุ้มสปีดขึ้นอย่างเดียวไม่ต้องสปีดลง แรงจึงยังเหลือถึงท้ายเกม อีกอย่างที่ 352 ต่างจาก 433 ในแผงหลังคือ ไม่ว่าจะรุกหรือจะรับ กองหลังยังไงก็ต้องห้อย 3 คน ส่วน 433 ส่วนมากกองหลังจะห้อย 2 คน พอโดนสวนกลับเร็วหลัง 3 ก็จะต้องดีกว่าหลัง 2 แน่นอน โดยเฉพาะช่วงหลังเกม วันนี้ 352 ช่วงหลัง เปลี่ยนเป็น 532 เกมริมเส้นเราถือว่าเอาอยู่ ซึ่งต่างจากนัดเมื่อวันพุธที่หลุดมาทีโดนตลอด เคลียร์ทิ้งบ้าง ปิดมุมไม่ทันบ้าง ทำให้เสียลูกแรกและลูกเตะมุมจนกลายเป็นเสียลูกที่2 (ลูกแรกต้องโทษกลางรับด้วยที่ลงมาไม่ทัน ซึ่งตอนนั้นคงไม่มีแรงให้สปีดลงมาช่วยแล้วจึงลงมาไม่ทัน)
เกมรับโซนกลาง มีกลางรับ 2 คน วางตำแหน่งซ้ายขวาชัดเจนทำให้การวิ่งไม่มั่วและมีพื้นที่รับผิดชอบน้อยลง อันนี้ทำให้แรงเหลือถึงท้ายเกม ส่วนเชิงเทคนิคจะเห็นพี่ปุยกับที่สารัชส่งบอลให้กันค่อนข้างบ่อย การเปลี่ยนแกนซ้ายขวาจะทำได้ดีขึ้นใช้ในกลยุทธนวดคู่ต่อสู้ ส่วนเกมรับก็ช่วยในการสกรีนบอลก่อนบอลถึงกองหลังทำให้กลางฝ่ายตรงข้ามส่งลูกสวยๆ ไม่ค่อยได้ ทำให้กองหลังเราเล่นง่ายขึ้น เพราะ การลูกส่งสวยๆ จากกลางฝ่ายตรงข้ามเป็นอะไรที่กองหลังกลัวมากที่สุด เพราะต้องสปีดให้ทันกองหน้าฝ่ายตรงข้าม ถ้าโดน 3-4 รอบขึ้นไป มีสิทธ์แรงหมด แต่ถ้ากลางของฝ่ายตรงข้ามโดนกลางรับเราบีบให้เล่นยากเขาก็จะออกบอลไม่สวยทำให้กองหลังเราเก็บรับประทานได้ตลอด กองหลังเราจึงมีแรงเหลือถึงท้ายเกมไปด้วย ส่วน 433 มีกลางรับคนเดียว จบ..
เกมสวนกลับเร็ว อันนี้ก็กลางรับอีกแล้วครับ จะเห็นว่ากลางรับมีความสำคัญต่อเกมค่อนข้างมาก 433 มีกลางรับคนเดียวทำให้ต้องเหนื่อยเร็ว แต่ 352 มีกลางรับ 2 คนและแบ่งซ้ายขวาชัดเจน เมื่อกลางรับตัดบอลได้ก็จะสวนกลับเร็วและผู้เล่นไทยก็ทำได้ดีทั้ง พี่ปุย พี่ปก และพี่สารัช ผมมองว่า 3 คนนี้เก่งเท่าๆ กันและทดแทนกันได้ แต่อาจจะถนัดคนละอย่าง เช่น พี่ปุยถนัดวางบอลยาว พี่ปกถนัดชิ่งสั้น ส่วนพี่สารัชได้ทั้งสอง จริงๆ ผู้เล่นตำแหน่งนี้ควรมีสำรองไว้อีกซักคนสองคนก็จะดี (ส่วนมากจะเห็นพี่ปกโดนโจมตีว่าเล่นไม่ดี แต่ผมมองว่าเล่นดีนะแต่ไม่หวือหวาเหมือนลูกโยนยาวของพี่ปุยแค่นั้นเอง ส่วนการตัดเกมผมให้เท่าๆ กันทั้ง 3 คน ผมให้พี่ปกเป็นผู้ปิดทองหลังพระล่ะกันนะครับ)
เกมบุกริมเส้น อันนี้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่าง 433 กับ 352 โดยเฉพาะเรื่องการไม่เหนื่อยเร็ว ช่วงท้ายเกมก็ยังวิ่งได้สบายปรื๋อ แต่อาจจะเห็นเนือยๆ หน่อย แต่เมื่อเทียบกับผู้เล่นอินโดแล้ว เรายังดูมีแรงเหลือเยอะกว่า แค่นี้เป็นใช้ได้ครับ พอแรงเหลือเยอะกว่าการบุกก็ทำได้ดีกว่าครับ เติมเกมช่วยกลางรุกและกองหน้าได้ดี (แต่แมชนี้ช่วงท้ายเกม กลางรุกกับกองหน้าหวงบอลไปหน่อย ไม่งั้นได้เห็นลูกเปิดจากริมเส้นสวยๆ)
กลยุทธ์เกมบุก ผมขอเรียกว่ายุทธศาสตร์การขึ้นเกมแบบพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว คือ บอลจากกองหลังไปปีก พอปีกไปไม่ได้คืนให้กลางรับแล้วกลางรับถ่ายบอลไปให้กับอีกปีกฝั่งนึง พอปีกฝั่งนั้นไปไม่ได้ก็จะส่งกลับให้กลางรับเพื่อถ่ายบอลไปปีกอีกฝั่งไปมา ใช้นวดผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามก็จะมึนเพราะต้องโยกไปโยกมาเพื่อวิ่งไล่บอล ขณะที่ผู้เล่นฝั่งเราเคลื่อนที่ไม่มากนัก(ถ้าออกบอลเร็วอ่ะนะ) พอผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามมึนได้ที่แล้ว ก็จะมีช่องว่างตรงกลางให้เจาะ พอพี่โดหรือพี่อุ้มเห็นก็จะเริ่มส่งบอลให้กลางรุกมากขึ้น กลางรุกก็จะถ่ายบอลไปให้กับปีกอีกฝั่ง ถ่ายซ้ายขวาไปมาผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามก็จะมึนขึ้นไปอีก กลางรุกก็เปลี่ยนไปส่งให้กองหน้าเพื่อสร้างโอกาสทำประตู ทิศทางการเคลื่อนที่ของลูกบอลก็โค้งไปโค้งมาซึ่งจะโค้งเข้าไปหาประตูฝ่ายตรงข้ามขึ้นเรื่อยๆ และรอจังหวะการทำประตู เวลาดูผ่านๆ การเคลื่อนที่ของบอลจะคล้ายๆ รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ผมจึงเรียกว่ายุทธศาสตร์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวนั่นเอง
ที่เห็นได้ชัดก็คือก่อนที่จะได้ลูกที่สองของวันนี้ ก่อนที่บอลจะไปถึงพี่เจส่งลอดหว่างขา (Dark) ให้พี่โป้ ก็มีการส่งจากแดนซ้ายไปแดนขวาหลายที แต่อาจจะเป็นเฉพาะกองหลังสามคนส่งไปส่งมา แต่ก็ทำให้ผู้เล่นอินโดโยกไปโยกมา พอหลังเราเห็นว่าผู้เล่นอินโดกำลังมึนได้ที่แล้วก็ผ่านไปไปทางกาบซ้ายจนบอลไปถึงพี่เจ แล้วพี่เจก็ส่งบอลให้พี่โป้ทำประตูอันงามหยดย้อย ซึ่งพี่โป้ก็ได้ทำตามตำราเป๊ะๆ (เล่มไหนวะ 55)
การมีกองหน้า 2 คน ในช่วงท้ายเกมจะเห็นได้ชัดว่ากลางรับส่งบอลให้กองหน้าได้ง่ายขึ้น หมายถึงส่งไปฝั่งขวาก็มีพี่มุ้ย ส่งไปฝั่งซ้ายก็มีพี่โป้ และไลน์การวิ่งแบ่งชัดเจนซ๊ายขวา ซึ่งพอพี่มุ้ยวิ่งริมเส้นฝั่งขวา พี่โป้ก็จะเข้ามาตรงกลาง หรือพี่โป้อยู่ริมฝั่งซ้าย พี่มุ้ยก็จะรอบอลตรงกลาง ทำให้กองหลังอินโดงง ไม่รู้จะประกบใคร ทำให้มีหลุดให้เห็นบ่อยๆ และการพักบอลก็มีกองหน้าอีกคนซึ่งถ้าหลังอินโดประกบไม่ดีบอลก็มีโอกาสถึงกองหน้าอีกคนได้ (แต่ส่วนมากจะส่งคืนกลางรุกก่อนเพราะโดนบังซะมิด)
และอีกเรื่องก็คือที่ได้เกริ่นไว้ด้านบน คือ เทคนิคการยิงลูกที่สองของพี่โป้ ลูกแรกผมให้เป็นเรื่องดวงและความขยันซะมากกว่านะครับ แต่ก็ให้เครดิตเรื่องไลน์การวิ่งที่ดีด้วยนิสนึง ทีนี้มาดูว่าทำไมผมถึงได้บอกว่าลูกที่สองของพี่โป้นี่คือตรงตามตำรา จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าตำราได้เขียนไว้หรือป่าวอ่ะนะ 55 แต่ผมมองว่าเป็นเทคนิคที่ถูกต้องและความแน่นอนสูง และฝ่ายเทคนิคได้จับพี่โป้มาฝึกลูกยิงแบบนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 1000 ครั้ง ก่อนที่จะให้พี่โป้ยืนตำแหน่งนี้ (พูดยังกะตาเห็น 55) และก็มีโอกาสได้ใช้แล้วก็เห็นผลซะด้วยครับ เทคนิคที่ว่าคือการแตะบอลเปลี่ยนทิศก่อนยิง เปลี่ยนทิศคือการหันหน้าเข้าหาประตูแล้วแตะไปซ๊ายหรือขวา หรือ 90 องศาก่อนยิงนั่นเอง ส่วนมากจะแตะไปทางที่เท้าตัวเองถนัด ที่ให้พี่โป้เล่นหน้าซ้ายเพราะพี่โป้ถนัดขวา ตอนได้บอลก็จะหันหน้าเขาหาประตูแล้วแตะบอลไปทางขวาประมาณไม่เกินเมตรนึงแล้วรีบยิงทันที การยืนฝั่งซ้ายทำให้มีมุมในการยิงมากขึ้น และการทำลักษณะนี้ก็เพื่อให้ทิศทางของลูกบอลหนีห่างจากมือผู้รักษาประตูไปอีกระยะนึงซึ่งมากพอที่จะผ่านมือผู้รักษาประตูและไม่มากพอที่ลูกจะออกนอกกรอบ จึงเป็นที่มาของประตูที่ 2 ของพี่โป้นั่นเอง (สรุปคือแตะก่อน1 จังหวะแล้วค่อยยิงนั่นเอง แต่แตะไปทิศทางใดระยะเท่าไรและตำแหน่งการยืนก็ตามที่ได้อธิบาย)
ช่วงท้ายเกม มีการเปลี่ยนตัว โดยพี่ปกลงแทนพี่ปุย ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ถูกนะครับ เพราะพี่ปุยกับพี่ปกในเรื่องของการตัดเกมแทบไม่ต่างกัน โคชน่าจะมองว่าถ้าได้นักเตะที่มีพละกำลังเยอะๆ ลงไปช่วยเกมรับก็จะเพิ่มความมั่นใจมากขึ้น หลายๆ คนในที่นี้อาจจะไม่เชื่อมือพี่ปก แต่ผมเชื่อว่ากลางรับธรรมชาติอย่างพี่ปกก็น่าจะเติมเต็มเกมรับในช่วงท้ายเกมได้ดีเหมือนกัน ซึ่งผลงานก็ไม่มีอะไรเสียหาย มีส่งบอลให้พี่เจทำเกมบุกได้บ้าง เรื่องสีผมก็ไม่ใช่ปัญหา (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย) การเปลี่ยนพี่ศราวุฒิเข้าพี่โป้ออก ก็มาเติมเกมรุก เพื่อจะบอกอินโดว่าอย่าบุกเพลินนะเพื่อน อินโดจะบุกก็มีห่วงหน้าพะวงหลังกันบ้าง ส่วนการเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายไม่ขอออกความเห็น
สรุปส่งท้าย ก็ได้เห็นแล้วว่าแผนการเล่นมีผลต่อการเล่นของนักเตะ ทั้งในเรื่องสภาพร่างกายพละกำลังที่จะวิ่งให้ครบเกม ทั้งเรื่องของการต่อบอล การตัดบอล การสวนกลับเร็ว สไตล์การเล่นที่ต่างกันหลายๆ อย่าง ความสมดุลระหว่างแผนกับนักเตะ ฯลฯ เมื่อโค้ชได้พิสูจน์ขนาดนี้แล้วยังกลับไปใช้ 433 โดยไม่ดูสภาพนักเตะอีก ผมก็ได้แต่บอกว่า ตัวใครตัวเผือกนะคร้าบบบ
ข้อติ เพื่อการพัฒนา(มั้ง) ข้อแรกก็คือเก็บบอลไว้กับตัวมากเกินไปโดยใช่เหตุ หรือการติดโชว์ การเก็บบอลก็เพื่อเปลี่ยนจังหวะบอลเท่านั้น ควรจะรีบออกบอลให้เพื่อนเพื่อที่จะทำตามกลยุทธ์ของโค้ชต่อไป และช่วงหลังๆ จะเป็นการหวงบอลซะมากกว่า แทนที่จะส่งบอลให้เพื่อนที่มีพื่นที่มากกว่าและเล่นได้กว่ามีโอกาสทำเกมกลายเป็นต้องมาเสียบอล เสียของไป
ข้อสอง เรื่องอารมย์ วันนี้ทำได้ดีแต่ก็เกือบเก็บอารมย์ไม่อยู่ ดีที่ได้ประตูแรกช่วยชีวิต ไม่งั้นความเครียดสะสมอารมย์เกิดและก็จะเข้าทางของอินโดตอนสวนกลับ และตอนอินโดเตะบอลใส่ พอกรรมการให้ใบแดงแล้วก็ควรเพลาๆ ลง นี่เกือบจะวางมวยซะละ หรือควรจะแสดงความเป็นมืออาชีพโดยแสดงออกทางสัญลักษณ์พอ
ยาวมาก มีสาระมั่งไม่มีสาระมั่ง ก็อย่าว่ากันนะครับ แต่ไม่ขอฝากไว้ในใจเหมือนพี่โป้นะ อิอิ
โดย โค้ชคีย์บอร์ดน้อยๆ คนนึง