การที่ไทยแพ้อินโด 2-1 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปัญหาใหญ่ผมคิดว่าการเปลี่ยนจากแผน 352 เป็น 433 แบบกระทันหันนะครับ
สาเหตุอันดับแรก ผู้เล่นงงครับ จะวิ่งทางไหนดี บางทีวิ่งทับลายกันมั่วซั่วกันไปหมด
อันดับสอง เหนื่อยเร็ว เป็นผลมาจากการวิ่งมั่วครับ เหตุมาจากงงในข้อแรก
อันดับสาม เชิงเทคนิค 433 ต้องใช้พลังงานมากอยู่แล้ว เจอความงงอีก เจอวิ่งมั่วอีก ทำให้เหนื่อยเร็ว นาทีที่ 65+ อาการเริ่มออกละ
อันดับสี่ทรรศคติ ผู้เล่นเริ่มชินกับ 352 กันหมดแล้ว และ 352 ทำได้ดีกว่า จึงทำให้มีทรรศคติว่า 433 เป็นแผนที่ไม่ดี ทำให้หมดกำลังใจ (อันนี้เดาล้วนๆ 55)
อันดับห้าหกเจ็ดก็ปัญหาเดิมๆ ครับ ครองบอลนานจนคู่ต่อสู้ปิดช่องหมดสุดท้ายเสียบอลเอง เลี้ยงโชว์แต่แรงไม่ถึง วันแมนโชว์ สรุปก็คือปัญหาเดิมๆ เริ่มกลับมา (ไม่ขอเอ่ยว่าใครมั่ง) ผมไม่ใช้คำว่าประมาทถึงแพ้นะครับแมชนี้
แต่ทำไมถึงใช้ 433
ผมมองว่าเป็นกรณีเดียวกับการลองกองหลังคนนึง (ไม่ขอพาดพิงดีกว่านะ)
คือการพิสูจน์ว่า 352 เหมาะกว่าสูตร 433 จริงๆ ในทางผลงานก็ชนะติดต่อกันกี่นัดไม่รู้ไม่ได้นับ รวมถึงเสมอออสในราชมังคลานัดล่าสุด พึ่งมาแพ้เพราะ 433
ส่วนในทางเทคนิค 352 ยืดหยุ่นกว่า 433 เพราะ ใช้ 532 ได้ในเกมส์รับ และใช้ 352 ในเกมส์รุก
ส่วนประเด็นกองเชียร์ผมไม่ขอออกความเห็น
352 ผู้เล่นใช้ระยะการวิ่งน้อยกว่า 433
ที่เห็นได้ชัดก็ปีกทั้งสองข้าง 433 ปีกต้องวิ่งบนสุดแล้วลงมารับต่ำสุดและต้องวิ่งให้ทัน (เหนื่อยมากขอบอก) กลางรับมีคนเดียวทำให้พื้นที่การตัดเกมมีมากขึ้น ก็ต้องวิ่งเยอะขึ้นและเร็วขึ้นด้วย (อันนี้ก็เหนื่อยมาก) แล้วโดนกองกลางคู่ต่อสู้เปิดลูกสวยๆ หลายครั้งอีกเหนื่อยกองหลังอีก (อันนี้สุดๆ ครับ เพราะต้องสปีดให้ทันกองหน้าด้วย) กองหน้ามีคนเดียวทำให้กลางเปิดบอลยากบางทีเปิดผิดฝั่งทำให้กองหน้าวิ่งไกล+เร็วขึ้นไปอีก (อันนี้เห็นเหงื่อพี่มุ้ยแล้วเหนื่อยแทน) กองกลางแดนกลางคนเยอะเกิน จะเหยียบกันตาย มีหลายครั้งที่เห็นผู้เช่นไทยเคลื่อนที่แล้วทับตำแหน่งกันเองกันหลายครั้ง บางครั้งมีชนกันเองด้วย สรุป เชิงเทคนิค 433 ที่ไทยใช้เมื่อวันพุธ ต้องใช้พลังงานเยอะมาก จึงทำให้เหนื่อยเร็ว ยิ่งช่วงหลังๆ จาก 433 กลายเป็นหลัง 2 กลาง7 หน้า 1 และกลางวิ่งกันมั่วมาก พอแรงหมดก็...
แล้ว 352 ล่ะ
จาก 433 ที่วันพุธไทยเล่นให้เป็น 2 7 1 แล้ว อันนั้นกองหลังจะมี 2 กองหน้าจะมี 1 แต่ 352 กองหลังมี 3 กองหน้ามี 2 คือกองหน้าจะไม่โดดเดี่ยว กองหลังจะมี 3 ตลอด กองกลาง 5 คนจะแบ่งเป็นปีก 2 ตัวรับ 2 ตัวรุก 1 การวิ่งจะไม่มั่ว (ที่ 433 กองกลางมั่วอาจเป็นเพราะผู้เล่นเริ่มชินกับ 352 ด้วย)
แล้วระยะการวิ่งล่ะ
ปีกจะวิ่งสุดลงสุดเช่นเดิม แต่ตอนตั้งรับไม่จำเป็นต้องสปีดกลับมาเพราะมีแบคฝั่งนั้นกวดกองหน้าฝั่งตรงข้ามอยู่ แล้วปีกวิ่งไปไหน ก็วิ่งมาเป็นกลางรับหรือวิ่งมาปิดมุมส่งกลับหลังของกองหน้าฝั่งตรงข้ามก็ได้(สลับกับกลางรับ ถ้ากลางรับมาปิดมุมส่งกลับหลังปีกก็ไปเป็นกลางรับแทน) จึงไม่ต้องสปีดลงให้ทันเหมือน 433 ลดการใช้พลังงานไปได้มากโข แถมตอนบุกก็ยังมีแรงเหลืออีกเยอะ กลางรับมี 2 คน และแบ่งซ๊ายขวาชัดเจน ทำให้มีพื้นที่ในรับผิดชอบน้อยลง กองกลางคู่ต่อสู้ก็จะส่งบอลสวยๆ ได้ยากขึ้น ทำให้กองหลังทำงานง่ายขึ้น ประหยัดพลังงานทั้งกลางรับและแผงหลัง เชิญอีกฝ่ายบุกตามสบาย แรงยังเหลืออีกเยอะ ส่วนเกมรุกหน้าคู่ทำให้กองกลางออกบอลได้ง่ายขึ้น เปิดไปซ๊ายก็ได้ขวาก็ได้ กองหน้าก็มีพื้นที่รับผิดชอบน้อยลง ทำให้ระยะการวิ่งน้อยลง พลังงานจึงเหลือเยอะ บุกได้อีกหลายรอบ กลางรับเปิดบอลยาวก็ง่ายขึ้น (เหมือนพี่ปุยส่งให้พี่ปีโป้นัดเจอพม่า) หรือ กลางรับตัดบอลสวนกลับเร็วลูกสั้นๆ ก็ไม่ยากเย็นอะไร (เหมือนพี่ปกตัดบอลได้แล้วส่งให้พี่ศราวุฒิแล้วพี่ศราวุฒิส่งให้พี่เจ(รู้สึกกระดากปากยิ่งนัก อิอิ) ยิงนิ่มๆ ลูกถัดจากพี่ปุยส่งให้ปีโป้นัดเจอพม่านั่นเอง)
ดังนั้น ผมจึงสนับสนุนให้ใช้ระบบ 352 เป็นอย่างยิ่ง แบบยาวๆ ไม่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาให้ผู้เล่นสับสน และฝึกให้ผู้เล่นช่ำชองในระบบนี้ ไม่ต้องกลัวว่าคู่ต่อสู้จะจับทางได้ครับ เพราะแผนนี้รองรับการเล่นได้หลากหลายมาก ถ้าเราใช้ความช่ำชอง ความชำนาญ มองตารู้ใจ หรือส่งแบบไม่ต้องมอง บวกกับความฟิตวิ่งแรงไม่ตก คู่ต่อสู้ก็จะจับทางเรายากขึ้น หนทางชนะก็จะสดใสขึ้น เอกาก็ด้วยประการละฉะนี้แล (ถูกป่าววะ 55+)
ปล. สำหรับท่านๆ ที่บอกว่าเมื่อวันพุธไทยแพ้อินโด 2-1 นั่นไม่ใช่นะครับ ไทยยังไม่ได้แพ้นะครับ เวลายังไม่หมดครับ แค่ตามอยู่ 2 ประตูต่อ 1 (นอกบ้าน) เท่านั้นเอง
ปล.2 วิเคราะห์ขนาดนี้แล้วถ้าพี่โก้ยังใช้ 433 อยู่ ก็ตัวใครตัวเผือกล่ะคร้าบบบ
ใครคิดว่าแผนการเล่นไม่สำคัญ แต่ผมคิดว่าแผนการเล่นสำคัญที่สุด
สาเหตุอันดับแรก ผู้เล่นงงครับ จะวิ่งทางไหนดี บางทีวิ่งทับลายกันมั่วซั่วกันไปหมด
อันดับสอง เหนื่อยเร็ว เป็นผลมาจากการวิ่งมั่วครับ เหตุมาจากงงในข้อแรก
อันดับสาม เชิงเทคนิค 433 ต้องใช้พลังงานมากอยู่แล้ว เจอความงงอีก เจอวิ่งมั่วอีก ทำให้เหนื่อยเร็ว นาทีที่ 65+ อาการเริ่มออกละ
อันดับสี่ทรรศคติ ผู้เล่นเริ่มชินกับ 352 กันหมดแล้ว และ 352 ทำได้ดีกว่า จึงทำให้มีทรรศคติว่า 433 เป็นแผนที่ไม่ดี ทำให้หมดกำลังใจ (อันนี้เดาล้วนๆ 55)
อันดับห้าหกเจ็ดก็ปัญหาเดิมๆ ครับ ครองบอลนานจนคู่ต่อสู้ปิดช่องหมดสุดท้ายเสียบอลเอง เลี้ยงโชว์แต่แรงไม่ถึง วันแมนโชว์ สรุปก็คือปัญหาเดิมๆ เริ่มกลับมา (ไม่ขอเอ่ยว่าใครมั่ง) ผมไม่ใช้คำว่าประมาทถึงแพ้นะครับแมชนี้
แต่ทำไมถึงใช้ 433
ผมมองว่าเป็นกรณีเดียวกับการลองกองหลังคนนึง (ไม่ขอพาดพิงดีกว่านะ)
คือการพิสูจน์ว่า 352 เหมาะกว่าสูตร 433 จริงๆ ในทางผลงานก็ชนะติดต่อกันกี่นัดไม่รู้ไม่ได้นับ รวมถึงเสมอออสในราชมังคลานัดล่าสุด พึ่งมาแพ้เพราะ 433
ส่วนในทางเทคนิค 352 ยืดหยุ่นกว่า 433 เพราะ ใช้ 532 ได้ในเกมส์รับ และใช้ 352 ในเกมส์รุก
ส่วนประเด็นกองเชียร์ผมไม่ขอออกความเห็น
352 ผู้เล่นใช้ระยะการวิ่งน้อยกว่า 433
ที่เห็นได้ชัดก็ปีกทั้งสองข้าง 433 ปีกต้องวิ่งบนสุดแล้วลงมารับต่ำสุดและต้องวิ่งให้ทัน (เหนื่อยมากขอบอก) กลางรับมีคนเดียวทำให้พื้นที่การตัดเกมมีมากขึ้น ก็ต้องวิ่งเยอะขึ้นและเร็วขึ้นด้วย (อันนี้ก็เหนื่อยมาก) แล้วโดนกองกลางคู่ต่อสู้เปิดลูกสวยๆ หลายครั้งอีกเหนื่อยกองหลังอีก (อันนี้สุดๆ ครับ เพราะต้องสปีดให้ทันกองหน้าด้วย) กองหน้ามีคนเดียวทำให้กลางเปิดบอลยากบางทีเปิดผิดฝั่งทำให้กองหน้าวิ่งไกล+เร็วขึ้นไปอีก (อันนี้เห็นเหงื่อพี่มุ้ยแล้วเหนื่อยแทน) กองกลางแดนกลางคนเยอะเกิน จะเหยียบกันตาย มีหลายครั้งที่เห็นผู้เช่นไทยเคลื่อนที่แล้วทับตำแหน่งกันเองกันหลายครั้ง บางครั้งมีชนกันเองด้วย สรุป เชิงเทคนิค 433 ที่ไทยใช้เมื่อวันพุธ ต้องใช้พลังงานเยอะมาก จึงทำให้เหนื่อยเร็ว ยิ่งช่วงหลังๆ จาก 433 กลายเป็นหลัง 2 กลาง7 หน้า 1 และกลางวิ่งกันมั่วมาก พอแรงหมดก็...
แล้ว 352 ล่ะ
จาก 433 ที่วันพุธไทยเล่นให้เป็น 2 7 1 แล้ว อันนั้นกองหลังจะมี 2 กองหน้าจะมี 1 แต่ 352 กองหลังมี 3 กองหน้ามี 2 คือกองหน้าจะไม่โดดเดี่ยว กองหลังจะมี 3 ตลอด กองกลาง 5 คนจะแบ่งเป็นปีก 2 ตัวรับ 2 ตัวรุก 1 การวิ่งจะไม่มั่ว (ที่ 433 กองกลางมั่วอาจเป็นเพราะผู้เล่นเริ่มชินกับ 352 ด้วย)
แล้วระยะการวิ่งล่ะ
ปีกจะวิ่งสุดลงสุดเช่นเดิม แต่ตอนตั้งรับไม่จำเป็นต้องสปีดกลับมาเพราะมีแบคฝั่งนั้นกวดกองหน้าฝั่งตรงข้ามอยู่ แล้วปีกวิ่งไปไหน ก็วิ่งมาเป็นกลางรับหรือวิ่งมาปิดมุมส่งกลับหลังของกองหน้าฝั่งตรงข้ามก็ได้(สลับกับกลางรับ ถ้ากลางรับมาปิดมุมส่งกลับหลังปีกก็ไปเป็นกลางรับแทน) จึงไม่ต้องสปีดลงให้ทันเหมือน 433 ลดการใช้พลังงานไปได้มากโข แถมตอนบุกก็ยังมีแรงเหลืออีกเยอะ กลางรับมี 2 คน และแบ่งซ๊ายขวาชัดเจน ทำให้มีพื้นที่ในรับผิดชอบน้อยลง กองกลางคู่ต่อสู้ก็จะส่งบอลสวยๆ ได้ยากขึ้น ทำให้กองหลังทำงานง่ายขึ้น ประหยัดพลังงานทั้งกลางรับและแผงหลัง เชิญอีกฝ่ายบุกตามสบาย แรงยังเหลืออีกเยอะ ส่วนเกมรุกหน้าคู่ทำให้กองกลางออกบอลได้ง่ายขึ้น เปิดไปซ๊ายก็ได้ขวาก็ได้ กองหน้าก็มีพื้นที่รับผิดชอบน้อยลง ทำให้ระยะการวิ่งน้อยลง พลังงานจึงเหลือเยอะ บุกได้อีกหลายรอบ กลางรับเปิดบอลยาวก็ง่ายขึ้น (เหมือนพี่ปุยส่งให้พี่ปีโป้นัดเจอพม่า) หรือ กลางรับตัดบอลสวนกลับเร็วลูกสั้นๆ ก็ไม่ยากเย็นอะไร (เหมือนพี่ปกตัดบอลได้แล้วส่งให้พี่ศราวุฒิแล้วพี่ศราวุฒิส่งให้พี่เจ(รู้สึกกระดากปากยิ่งนัก อิอิ) ยิงนิ่มๆ ลูกถัดจากพี่ปุยส่งให้ปีโป้นัดเจอพม่านั่นเอง)
ดังนั้น ผมจึงสนับสนุนให้ใช้ระบบ 352 เป็นอย่างยิ่ง แบบยาวๆ ไม่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาให้ผู้เล่นสับสน และฝึกให้ผู้เล่นช่ำชองในระบบนี้ ไม่ต้องกลัวว่าคู่ต่อสู้จะจับทางได้ครับ เพราะแผนนี้รองรับการเล่นได้หลากหลายมาก ถ้าเราใช้ความช่ำชอง ความชำนาญ มองตารู้ใจ หรือส่งแบบไม่ต้องมอง บวกกับความฟิตวิ่งแรงไม่ตก คู่ต่อสู้ก็จะจับทางเรายากขึ้น หนทางชนะก็จะสดใสขึ้น เอกาก็ด้วยประการละฉะนี้แล (ถูกป่าววะ 55+)
ปล. สำหรับท่านๆ ที่บอกว่าเมื่อวันพุธไทยแพ้อินโด 2-1 นั่นไม่ใช่นะครับ ไทยยังไม่ได้แพ้นะครับ เวลายังไม่หมดครับ แค่ตามอยู่ 2 ประตูต่อ 1 (นอกบ้าน) เท่านั้นเอง
ปล.2 วิเคราะห์ขนาดนี้แล้วถ้าพี่โก้ยังใช้ 433 อยู่ ก็ตัวใครตัวเผือกล่ะคร้าบบบ