นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2559 ในหัวข้อ “ทัศนียมรรคา”
เป็นอีกครั้งที่ประชาชนชาวไทยจะมีโอกาสได้ร่วมตามรอยเสด็จ และชื่นชมพระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพที่สวยงามที่พระองค์ทรงบันทึกไว้ระหว่างการเสด็จฯ ไปยังสถานที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ในช่วงปี 2558-2559 จำนวน 168 ภาพ
“ทัศนียมรรคา คือ เส้นทางอันพึงชม ซึ่งทำให้คิดคำพูดภาษาฝรั่งเศสที่เคยเรียนเมื่อตอนเด็กๆ ว่า Les voyages forment la jeunesse (เลส์ วัวยาชส์ ฟอร์มองต์ ลา เฌอแนส) หมายถึงการออกไปสู่โลกกว้างเป็นการให้ความรู้ สร้างชีวิตเยาวชน ซึ่งวิธีการที่สอนและอบรมเยาวชน ส่วนหนึ่งคือการให้มีประสบการณ์ออกไปรู้ไปเห็นสิ่งต่างๆ ยิ่งเห็นมาก ยิ่งมีความรู้มาก แต่ทีนี้ เราก็ไม่ใช่เยาวชน เป็นชราชน หรือผู้สูงอายุก็ว่าไป แต่การเรียนไม่มีที่สิ้นสุด เพราะฉะนั้น การท่องเที่ยวก็คือการให้การศึกษาแก่ผู้มีอายุเกินเยาวชนไปแล้ว เพราะการเรียน เรียนได้ตลอดชีวิต” ความตอนหนึ่งในการบรรยายเรื่องภาพถ่ายฝีพระหัตถ์

เริ่มจากภาพ “คุณบ๊อบปี้ ผู้เฝ้าประตู” รับสั่งว่า “รูปนี้ พระเอกใหญ่อีกคน ชื่อบ๊อบ แต่เดิมเขาชื่อหง่าว เพราะอยู่ๆ ก็มา ร้องหง่าวๆ อยู่หน้าบ้าน คิดว่า เขาจะมาจีบลูกสาวเรา คือใบตอง และมองดูเหมือนเป็นไปได้ เพราะใบตอง ปกติมีแมวอื่นมา เขาจะไล่” “ส่วนหง่าว ตอนแรกๆ จับก็ไม่ได้ แต่พอจับได้ ก็เอาไปส่งโรงพยาบาล ปรากฎว่าหง่าวป่วย แพทย์ก็ผ่าตัดให้ พอผ่าตัดเสร็จแล้ว หง่าวก็เลยเชื่อง จึงมาแทนที่ใบตอง มาเฝ้า จากที่จับไม่ได้ คราวนี้ก็ไม่หนีอีกต่อไป และก็ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือเกี่ยวกับบ๊อบ แมวฝรั่ง ก็เห็นว่าหง่าวหน้าตาเหมือนบ๊อบมากเลย จึงเปลี่ยนชื่อจากหง่าวเป็นบ๊อบ และดูเหมือนเขาจะชอบชื่อ เพราะเรียกบ๊อบ ก็ส่งเสียงหง่าว ก็เป็นคนเฝ้าบ้าน ชอบนอนบนบันได”

ภาพพระประธานในวิหารน้อยวัดคิชูลาคัง ประเทศภูฏาน (Khichu Lhakhang Monastery, BhuTan)

ภาพ "เนินไม้กางเขน สาธารณรัฐลิทัวเนีย" ทรงบรรยายเบื้องหลังว่า เป็นรูปที่ใครๆ บอกบรรยากาศสุดหลอน เหมือนภูเขาไม้กางเขน แต่มีเรื่องสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านการยึดครองของรัสเซีย ชาวลิทัวเนียคนพื้นถิ่นพยายามกู้ชาติ เมื่อมีคนตายจึงปักไม้กางเขนไว้เพิ่มขึ้นๆ จนกลายเป็นสถานที่แสวงบุญ สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 เคยเสด็จฯ และพระราชทานรูปพระเยซู ดูน่ากลัว แต่เขารับรองไม่มีศพอยู่ในเนินนี้

ภาพ "ราหูอมพระอาทิตย์ อินโดนีเซีย" ตั้งกล้องถ่ายสุริยุปราคาที่วังสุลต่านบนหมู่เกาะโมลุกกะ หมู่เกาะที่มีชื่อเสียงเรื่องเครื่องเทศ ในอดีตสมัยดินแดนตะวันตกไม่สามารถผลิตเครื่องเทศได้เอง ฝรั่งอยากเข้ามาในภูมิภาคนี้เพื่อเอาเครื่องเทศ เพราะนอกจากปรุงอาหารให้รสดีขึ้นแล้ว ยังใช้ถนอมอาหารได้อีกด้วย แต่ถ่ายวันนั้นผิดหวังนิดหน่อย เพราะมีเมฆมาก ไม่เห็นชัด จับไม่ได้ภาพเต็มดวง มีหัวแหวนเพชรเหมือนที่โคราช เหตุการณ์ครั้งนี้ได้บันทึกในหนังสือภาพถ่ายดาราศาสตร์ที่สถาบันดาราศาสตร์จัดทำขึ้นเพื่อจำหน่ายด้วย

ภาพ "น้ำตกอีกัวชู ถ่ายจากด้านประเทศบราซิล" เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดูได้จากด้านบราซิลและด้านอาร์เจนตินา ไปหากล้องกันน้ำได้ พอลงเรือได้ หลับตาชูกล้อง แล้วก็ถ่ายๆๆ แล้วแต่พระเจ้าจะประทาน เพราะปลอดภัยไว้ก่อน ฤดูนี้น้ำมาพัดเอาโคลนตมมา ถ้าเรือไปใกล้ๆ น้ำกระเซ็นมาอาจทำให้ตาเจ็บได้ แต่พระเจ้าพระทัยดี ประทานรูปเป็นที่น่าพอใจ

ภาพ "งูเขียวหางไหม้มาต้อนรับวันละตัว สองตัว วังสระปทุม"

ต่อไปแอดมินจะพาชมบางภาพที่พระองค์ท่านได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น ภาพ "ธารน้ำแข็งยาคูแทต อเมริกา" (Yakutat Glacier, America)

ภาพ "สถูปหมายเลข 3 สาญจี อินเดีย" (Stupa III, Sanchi, India)

ภาพ "เมืองเบล็ด สโลวิเนีย" (Bled, Slovenia)

ภาพ "หินโบราณสลักเป็นหน้าคน อาจจะเป็นหินหลุมศพ คีร์กีซสถาน" (Human Faces Carve on Old Stones. These stones might be Tombstones)

ภาพ "สารพัดหัว พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เอสโตรเนีย" (Lots of Heads, History Musuem Estonia)

ภาพ "น้ำตก แม่น้ำอุปโงต อินเดีย" (Cascade, Umngot River, India)

ภาพบางส่วนจากการเสด็จฯไปยังประเทศภูฏาน

ภาพบางส่วนจากการเสด็จฯไปยังประเทศอินเดีย

ภาพบางส่วนจากการเสด็จฯไปยังประเทศอินโดนีเซีย

ภาพบางส่วนจากการเสด็จฯไปยังประเทศอเมริกา

ภาพบางส่วนจากการเสด็จฯไปยังประเทศบราซิล

ภาพบางส่วนจากการเสด็จฯไปยังประเทศคีร์กีซสถาน

ภาพบางส่วนจากการเสด็จฯไปยังประเทศสาธารณรัฐลัตเวีย

ภาพบางส่วนจากการเสด็จฯไปยังประเทศฟิลิปปินส์ โดยภาพทางขวาเป็น ภาพ "อนุสรณ์สถานการยกพลขึ้นบก เกาะเลย์เต ฟิลิปปินส์" ทรงบรรยายว่า พล.อ.แม็กอาเธอร์ กลับคืนสู่ฟิลิปปินส์ในการรบที่อ่าวเลย์เต หลังจากถอยร่นจากการบุกของญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และกลับมาชนะสงคราม นำมาสู่วาทะที่มีชื่อเสียง "I have return" รูปปั้นขนาดใหญ่กว่าคนจริงติดตั้งอยู่ริมทะเล

ส่วนภาพนี้เป็นภาพถ่ายในประเทศไทย ภาพซ้ายมือบน "ไปเที่ยวห้าง Discovery" ภาพซ้ายมือล่าง "หุ่นไล่กาของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จ.ประจวบฯ" ภาพขวามือบน "แม่น้ำคดเคี้ยว ถ่ายจากเฮลิคอปเตอร์" และภาพขวามือล่าง "ถ่ายจากเฮลิคอปเตอร์"

ต่อไปแอดมินขอนำชมบางภาพของนิทรรศการที่สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองจากสายพระเนตรที่ทรงประสบพบเห็นสิ่งต่างๆ ที่ทรงสนพระราชหฤทัยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพถ่าย เริ่มจาก ภาพ "ตรวจหมาจำลอง คณะสัตวแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"

ภาพ "วัดขนาดงูเหลืม ตัวที่ 63 บ๊อบบี้มาสังเกตการณ์ วังสระปทุม"

ภาพ "นิทรรศการจากขุนเขา...สู่ศิลปาชีพ : ผ้าปัก" ภาพนี้แอดมินชอบลายปักมาก เห็นแล้วคิดถึง พ่อกับแม่

ภาพ "ต้อนรับที่โรงเรียน ภูฎาน"

ภาพ "รูปตัวเอง ที่พิพิธภัณฑ์มุนซฮาวเซน สาธารณรัฐลัตเวีย" (Another Self-Portrait, Munchhausen, Latvia) เห็นพระองค์ท่านในภาพกันไหมคะ

ภาพ "ยิ้มสวย" (Fish Eye Smile)

ภาพ "มือในสวน สวิตเซอร์แลนด์"

ภาพ "มจ. มงคลเฉลิม ถ่ายกับท่านนายกและอาจารย์นราพร ที่นิทรรศการ" สังเกตท่านนายกฯ เหมือนจะยิ้มแบบเกร็งๆ

นอกจากภาพถ่ายๆต่างๆที่แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพในการถ่ายภาพของพระองค์ แอดมินยังชอบการตั้งชื่อภาพของพระองค์ท่าน เช่น ชื่อภาพจากซ้ายไปขวา "ล่องเรือ" "หุบเหว" และ "เวิ้งว้าง" เป็นการตั้งชื่อภาพที่ได้ใจความและมีความหมายอยู่ในตัว

ชื่อภาพ "ครอบครัว"

ชื่อภาพ "อะไร"

ทุกๆ ภาพล้วนทำหน้าที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ทรงประสบพบเห็นในหลากหลายแง่มุมจากที่ต่างๆ กันในโลกกว้างของช่วงเวลาแต่ละปีที่ผ่านไปได้อย่างดีที่สุด สะท้อนให้เห็นสิ่งพิเศษที่ซ่อนอยู่ในภาพเหล่านั้น นั่นคือความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะพระองค์ที่สามารถสร้างรอยยิ้มแห่งความสุขแก่ผู้ที่ได้ชมภาพเสมอ

อย่างที่แอดมินบอกตั้งแต่แรกภาพที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการนี้จำนวน 168 ภาพ แอดมินขอรีวิวแค่เพียงบางส่วน อยากเชิญชวนทุกคนไปชมด้วยตัวเอง นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2559 ในหัวข้อ “ทัศนียมรรคา” เปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ถึง 29 มกราคม 2560 (หยุดทุกวันจันทร์) เวลา 10.00-21.00 น. และได้จัดจำหน่ายหนังสือภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “ทัศนียมรรคา” ในราคาเล่มละ 900 บาท รายได้ทั้งหมด นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย มูลนิธิมหาจักรีสิรินธร เพื่อคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อ่านรีวิวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ https://goo.gl/WY0eJt