ถึงไม่ใช่คนในฝันแต่เป็นคนที่เราเลือกว่าจะร่วมชีวิตด้วย

เชื่อว่าคงมีหลายคนที่เคยวาดฝันอย่างสวยหรูถึงคนรักอย่างชายในฝันกรือหญิงในดวงใจไม่มากก็น้อย อาทิว่า หลาอรางเทพบุตร สวยชนิดคลีโอพัตตรายังต้องชิดซ้าย มีชาติเชื้อตระกูลเก่าแก่ รำรวยล้นฟ้า เก่งกีฬา ฉลาดเฉลียว ซึ่งแน่นอนว่าในโลกความเป็นจริงอันแสนโหดร้ายมันยากเหลือที่มีคนที่มีสมบัติครบถ้วนเสียทั้งหมด (ถึงมีก็ไม่แน่ว่าเขาจะชอบเราด้วย)
ในกรณีของผมนั้นค่อนข้างตรงข้ามกับที่ฝันไว้ชนิดคนละขั่วเลยทีเดียว ผมพบเธอครั้งแรกตอนอยู่มหาลัยปีหนึ่ง เธอเป็นคนค่อนข้างเรียบๆไม่ค่อยเด่นสะดุดตาอะไร ใส่กรอบหนาเตอะ ท่าทางเป็นเด็กเรียนเต็มที่ ตอนเจอกันแรกๆ ก็คุยธรรมดาๆปกติเพราะนั่งใกล้กันเท่านั้น บุคลิกลักษณะโดยรวมคือคุณเธอเป็นคนเงียบมากเลยถ้าไม่ถามก็ไม่พูด หน้าตายชนิดอ่านไม่ออกเลยว่าในหัวคิดอะไรอยู่กันแน่ จุดเริ่มต้นมันเริ่มจากการที่ผมทำบิลใบเสร็จรับเงินที่ใช้เพื่อนำไปเบิกกับทางมหาลัยหายไป บอกตรงๆว่าผมร้อนใจมากเพราะเงินมันไม่ใช่น้อยๆ ถ้าผมไม่สามารถนำใบเสร็จไปเป็นหลักฐานเบิกเงินได้ เท่ากับว่าผมต้องจ่ายเงินเองทั้งหมด ตอนนั้นผมกลุ้มใจมากจนเครียดเลยพาลโมโหใส่คนอื่น ทั้งที่ปกติผมไม่ค่อยมีปากมีเสียงกับใครเลยแท้ๆ คนทั้งมองผมแบบแปลกๆแต่ไม่มีใครมาถามว่าผมเป็นอะไร ยกเว้นเพียง
สาวแว่นที่มักเงียบเป็นคนแรกที่ถามว่า เธอมีอะไรรึเปล่า" ผมก็แปลกใจที่เธอมาถาม และก็ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมบอกเรื่องที่กำลังลำบากใจให้ฟัง แถมยังบ่นเรื่องขัดเขืองใจอื่นๆออกไปอีก เธอนั่งรับฟังอย่างเงียบๆ ไม่มีขัดหรือแซกกลางเรื่อง จนผมพูดจบเธอก็ยิ้มให้ พระเจ้าผมเพิ่งเห็นรอยยิ้มของเธอเป็นครั้งแรก ถึงเคยได้ยินมาก่อนผู้หญิงบางคนพอยิ้มแล้วจะสวยขึ้น ไม่เคยคิดว่าจะเจอกับตัวเอง
เธอถามผมว่าสบายใจขึ้นรึยัง ผมเองก็เข้าใจว่าในบางเวลาประสบปัญหาไม่สบายใจ ไม่สามารถหาใครมาช่วยได้ สิ่งที่เราต้องการจริงๆมันหาใช่คำปลอบประโลมหรือให้กำลังใจ แต่การที่ใครรับฟังเราตะหาก พอผมได้ระบายทุกสิ่งทุกอย่างออกไปก็สบายใจขึ้นเยอะที่เดียว
"บางทีมันอาจได้เลวร้ายอย่างคิดก็ได้" เธอตบไหล่ผมเบาๆ ผมเองก็ซึ้งในน้ำใจของเธอที่เป็นห่วงจึงตอบกลับว่าขอบคุณ
เดี๋ยวมาต่อตอนบ่าย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่