"หนีเมืองกรุง สู่เมืองในฝัน" ไปเที่ยวกัน ที่... แหลมผักเบี้ย


สูดให้เต็มปอด  กอดให้เต็มเเขน ที่แหลมผักเบี้ย


     มีใครคนไหนเบื่อที่จะเดินห้างแล้วบ้างยกมือขึ้น ? อ๊ะ ๆ ตามมาทางนี้เลยค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วเราก็เบื่อกรุงเทพเหมือนกัน อยากจะหนีเมืองกรุง หนีความวุ่นวาย มลพิษทางอากาศ ความแออัด ลองเปลี่ยนกิจกรรมไปเดินเล่น กินลม ชมวิว ตากแอร์ธรรมชาติใช้ชีวิตแบบ Slowlife ไปกับธรรมชาติ เราเลยมีหนึ่งสถานที่มาเเนะนำเพื่อนๆ และนี่คือกระทู้แรกของเรา ขอเสนอที่นี่เลย........ “แหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี” นั่งรถจากกรุงเทพมาแค่ 2 ชั่วโมง ก็ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตแบบ Slowlife บรรยากาศดีดี ที่ทำให้หายเหนื่อยไปกับเส้นทาง
▬ หวาน เค็ม โคลน ▬
________________________________________________

เรามาเริ่มกันที่เส้นทาง 'หวาน' กันก่อนเลย เริ่มกันที่ เส้นทางหวาน 1
หากพูดถึงเมืองเพชร ของหวานขึ้นชื่อที่หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นควันเทียน และดอกมะลิ นั่นคือ ขนม"ข้าวเเช่" นั่นเอง

เครื่องเคียงที่ให้รสชาติ เค็มๆหวานๆ กินแกล้มกับข้าวหอมมะลิพร้อมกับน้ำเเข็งมันทำให้สดชื่นเหลือเกิน

สดชื่นนน และหอมกลิ่นดอกมะลิมากๆ เเต่สำหรับบางคน อาจจะไม่ชอบกลิ่นของมันก็ได้ค่ะ เเต่สำหรับเรา ให้ 9/10 กันไปเลย

▷ Location : เมื่อเข้าสู่ตัวเมืองเพชรบุรีกันแล้ว มุ่งหน้าสู่วัดใหญ่สุวรรณาราม ตัววัดจะอยู่ทางขวามือ ตรงข้ามวัดมีก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำแดงชื่อดัง ชื่อร้าน เพ็ญพริกเผ็ด จากนั้นจะเห็นร้านข้าวเเช่อยู่ติดกับร้านก๋วยเตี๋ยวเลยค่ะ หากกินก๋วยเตี๋ยวก่อน แล้วตบด้วยข้าวเเช่ก็สดชื่นดีนะคะ
▷ Price : ชุดเล็ก 20 บาท (เครื่องเคียงพร้อมข้าว)

ตามมากันต่อกับเส้นทาง หวาน2 เมืองเพชรเป็นเมืองที่มีต้นตาลมากที่สุดในประเทศ ดังนั้นขนมที่ทำมาจากผลผลิตของต้นตาลที่เพชรบุรีมีมากมายเลยค่ะ เเต่เราขอนำเสนอของขึ้นชื่อของที่นี่ที่ไม่ควรพลาด นั่นคือ "ลอดช่อง น้ำตาลข้น"

มีเครื่องให้เลือกเยอะเชียว

ใส่เครื่อง แล้วราดด้วยน้ำตาลโตนด จากต้นตาลเเท้ๆ หวานกลมกล่อม กำลังดี ให้ 10/10 เลย

▷ Location : จากร้านข้าวเเช่ด้านบน วิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนถึงสามแยกไฟแดงแล้วเลี้ยวขวา สังเกตุหัวมุมด้านซ้าย มีร้าน CJ ตรงต่อไปประมาณ 400 เมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือ ชื่อร้าน "ลอดช่องน้ำตาลข้น"
▷ Price : แก้วเล็ก 20 บาท ใส่เครื่องได้ 3 อย่าง

มาถึงเส้นทางหวานอันสุดท้าย หวาน3 ของฝากที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเพชรบุรี ขนมที่ใครๆก็นึกถึงหากมาเยี่ยมเยือนเมืองเพชร นั่นก็คือ "ขนมหม้อแกง"

ร้านนี้อยู่ในตัวเมืองเพชรบุรี เป็นร้านเก่าแก่ที่เรียกได้ว่ารสชาติไม่เหมือนกับร้านไหน หม้อแกงร้านนี้ ชื่อร้าน "เเม่ปิ่น" ที่นี่ไม่ได้ขายเเค่ขนมหม้อแกง เเต่ขายขนมไทยเกือบทุกประเภท และเป็นร้านที่นิยมที่สุดสำหรับชาวเพชรบุรีเลยล่ะค่ะ

▷ Location : เดินทางย้อนกลับเส้นทางเดิมผ่านวัดใหญ่ทางซ้ายมือ ตรงไปจนถึงสี่เเยกไฟแดง เเล้วเลี้ยวขวา ขับตรงไปประมาน 300เมตร ร้านเเม่ปิ่นจะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงโค้ง สังเกตุดีดีนะคะ
▷ Price : ขนมหม้อแกงไส้เผือก 1 ถาด 50 บาท ไส้เม็ดบัว 1 ถาด 60 บาท
________________________________________________

ต่อไปเส้นทาง 'เค็ม' ก็ไม่ใช่ถนนเค็มหรืออะไร แต่ว่าระหว่างทางเนี่ยยยยย เราจะเห็นนาเกลือขนาดใหญ่ขนาบสองข้างทาง น่าลงไปถ่ายรูปมากๆ ยิ่งถ้าเป็นช่วงเดือนมีนา หรือ เมษา จะเห็นกองเกลือเรียงรายกันเป็นแถวสวยงามมากๆค่ะ นี่เห็นแล้ว ยังอยากลงไปถ่ายพรีเวดดิ้งเลย แต่ติดตรงที่ไม่มีเจ้าบ่าวนี่แหละ 5555

สำหรับเส้นทางเค็มของเรา ในระหว่างทางเพื่อมุ่งหน้าถึงจุดหมายของเราที่แหลมผักเบี้ย เราจะแวะนวดตัวกันที่ 'กังหันทอง' กันก่อน ที่นี่มีบริการนวดแผนไทยที่ใช้ดอกเกลือเป็นที่แรกของประเทศไทย

ดอกเกลือ คืออะไร ? ดอกเกลือก็คือ เกลือแรกที่ตลกผลึกมีความเค็มบริสุทธิ์ 100% ให้คุณสมบัติที่มากกว่าเม็ดเกลือธรรมดา เมื่อนำมาขัดผิวแล้วไม่บาด และไม่แสบผิวเลย ซึ่งที่นี่ก็มีผลิตภัณฑ์มากมายที่ทำจากดอกเกลือให้เลือกซื้อไปบำรุงผิวกันด้วย การให้บริการก็เป็นกันเองมากๆ ลุงกับป้าที่นวดก็คือหมอนวดแผนไทยในชุมชนนั้นแหละ เมื่อมาถึงลุงกับป้าก็จะเอาน้ำอุ่นผสมน้ำมันตะไคร้กับดอกเกลือมาให้เราแช่ แล้วก็นวดๆ จากนั้นก็นวดหน้านวดตัวตามต้องการ บริการที่ประทับใจอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือ เราสามารถทดลองขัดผิวฟรีได้ด้วย ถ้าถูกใจก็สามารถซื้อผลิตภัณฑ์กลับบ้านได้ โอ้โห อยากบอกว่าฟินมากๆ ได้ทั้งผ่อนคลายและก็ความสวยงามกันไปน๊ะจ๊ะ

มีบริการนวดแผนไทย เท้า ตัว และ ขัดหน้า ขัดผิด ครบครันจริงๆ (ขออนุญาติพี่ในรูปด้วยนะคะ)

ดอกเกลือขัดผิวหลากสี เเต่ละสีมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยนะ ได้ทั้งหอม ทั้งขาว ทั้งความนุ่มนิ่ม ครบเลย

▷ Location : จากตัวเมืองเพชรบุรีมุ่งหน้าสู่ ตำบลบางแก้ว อำเภอ บ้านแหลม ร้านเกลือสปากังหันทอง อยู่ตรงข้ามนาเกลือทางฝั่งขวามือ จะสังเกตุเห็น กังหันสีทองอยู่หน้าร้านค่ะ
▷ Price : นวดตัว นวดฝ่าเท้า นวดหน้า 300 บาท ผลิตภัณฑ์จากดอกเกลือราคาขึ้นอยู่กับสินค้าเเต่ละประเภทค่ะ
________________________________________________

เมื่อเสร็จจากกังหันทองแล้ว จากนั้นก็ถึงเส้นทางสุดท้าย ที่เป็นจุดหมายของเราในวันนี้ นั่นคือ เส้นทาง'โคลน' จากกังหันทองเราก็เลี้ยวซ้ายไปทางวัดสมุทรโคดม ที่โครงการฯ แหลมผักเบี้ย นั่นเองค่ะ ที่นี่คือป่าชายเลน ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำริ ให้จัดตั้งโครงการขึ้น เพื่อบำบัดน้ำเสียของจังหวัดนี้ เรารู้สึกดีใจที่บ้านเราได้เกิดมาในแผ่นดินไทย ใต้ร่มพระบารมีของในหลวงที่ทรงห่วงใยประชาชนมากขนาดนี้ มาดูกันว่าที่นี่มีอะไรให้เราได้ศึกษาบ้าง ก่อนอื่นหน้าทางเข้า เค้าจะมีแผนที่เเจกให้เราเพื่อไม่ให้หลงทาง และเราก็สามารถขับรถชมวิวได้ตามต้องการค่ะ

หลายคนคงไม่รู้ว่า ป่าชายเลนมีหน้าที่ในการบำบัดน้ำเสีย ก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเล ใช่ไหมหละคะ เพราะเราก็ไม่รู้ เหมือนกัน5555

ระหว่างทางเดินก่อนเข้าสู่ป่าชายเลน มีนกนานาชนิดบินผ่าน ตอนเราเข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆทีไร มันบินหนีตลอดเลย แต่ก็ไม่ย่อท้อต่อความพยายามนะคะ ถ่ายมันต่อไปค่ะ เพราะมันมีหลายตัวมากกกกกสวยๆทั้งนั้นเลย อย่างที่เค้าเคลมไว้ว่าที่นี่ติด 1 ใน 10 แหล่งดูนกที่ดีที่สุดของประเทศเลยนะคะ

แล้วทำไมที่นี่ถึงชื่อแหลมผักเบี้ย ? ก็เพราะว่าสองข้างทางของบ่อบำบัดน้ำจะมีผักเบี้ยทะเลขึ้นมา เมื่อก่อนเนี่ยมันมีเยอะมาก จึงได้ชื่อว่า แหลมผักเบี้ย นั่นเอง

เราจะเจอเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สองข้างเต็มไปด้วยต้นโกงกาง และต้นแสมน้อยใหญ่ สะพานที่เราเดินแข็งแรงค่ะ มีการตรวจสอบและซ่อมแซมสม่ำเสมอ ระหว่างทางจะเจอกับปลาแอ๊บแบ๊ว หรือปลาตีน (ตาโต) ตัวเบ่อเริ่มให้เห็นอยู่จำนวนมาก มีปูแสม ปูก้ามดาบ ให้เห็นเป็นพักๆ เดินไปสักพักผ่านซุ้มต้นโกงกาง ที่ประดับประดาด้วยใบโกงกางและใบแสมแห้งสีเหลืองอ่อน สีน้ำตาลเข้ม ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตของคนที่มาเลยแหละค่ะ   (ปล. ใครที่จะเข้าเส้นทางนี้ แนะนำให้เข้าห้องน้ำก่อนนะคะ เพราะทางมันยาวแล้วก็ไม่มีห้องน้ำนะคะ)

เดินต่อไปเรื่อยๆเลยค่ะ ระหว่างทางเดินก็ขอเก็บภาพใบไม้กับเเสงเเดงสะท้อนสวยๆซะหน่อย

เกือบถึงทะเลแล้วค่ะ

และแล้วเราก็มองเห็น เวิ้งทะเลโคลน และน้ำทะเลไกลๆ เราออกมาเกือบถึงปากป่าชายเลนแล้ววววววววว ดีใจค่ะ เดินมานาน ตอนเดินก็ร้องเพลง อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ ร้องเข้าไปค่ะ แล้วมันก็ถึงจริงๆ

เราเดินต่อไปยังสะพานไม้ที่ทอดตัวยาวออกไปไกล "สูดกลิ่นโคลน กลิ่นอายทะเลให้เต็มปอด และกอดธรรมชาติให้เต็มแขน" มันเหมือนเราได้มาปล่อยหัวใจไว้ที่นี่ เราหลงรักมันเข้าเต็มเปาเลย เราอยากจะทิ้งตัวลงนอนที่นี่ พักกายพักใจ ชาร์จแบตร่างกายและหัวใจก่อนจะกลับไปวุ่นวายในเมืองกรุงอีกครั้ง.

สุดท้าย...เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนๆที่มาสัมผัสป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้แล้วจะหลงรักมันเหมือนกับเรา
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับการรีวิวครั้งเเรกของเรา กับเส้นทาง หวาน เค็ม โคลน สู่ดินแดนเมืองในฝัน แล้วมาพบกับเราใหม่ในรีวิวหน้านะคะทู๊กคนนน : )
________________________________________________

สรุปค่าใช้จ่าย

น้ำมันรถ 1,000 บาท

อาหาร แล้วเเต่บุคคลค่ะ

บริการนวดที่กังหันทอง เเล้วเเต่บุคคลค่ะ

▶แนะนำ : - หากไม่มีรถยนต์ สามารถนั่งรถตู้มาที่จังหวัดเพชรบุรีได้ค่ะ ราคาไป-กลับ 400 บาท และสามารถเหมารถซาเล็ง(คล้ายรถตุ๊กๆ)ที่มีให้บริการทั่วเมืองเพชร เพื่อเที่ยวไปยังจุดต่างๆได้ค่ะ ซึ่งราคาอยู่ที่การต่อรองค่ะ อาจจะเหมาเป็นชั่วโมง หรือเป็นวัน หรือเป็นเที่ยวได้ค่ะ
- หากต้องการพักค้างคืน ใกล้ๆกับแหลมผักเบี้ย แนะนำ ทองจิราโฮมสเตย์ค่ะ คนดูแลจะเป็นลุงกับป้า ใจดีมากๆเลยค่ะ มีจักรยานให้เช่า จะไปไหนก็ได้ แค่ 20 บาท ต่อคัน จริงๆ จะขี่ไปแหลมผักเบี้ย หรือ ไปกังหันทองก็ได้นะคะ รับรองว่าหากพักที่ทองจิรา จะไม่เหงาแน่ๆ เพราะมีหมาน้อยใบบัวคอยเล่นกับเราค่ะ มันขี้เล่นมากๆ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ไม่อยากกลับบ้านเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่