สวัสดีคับก็ตามหัวข้อกระทู้เลยคับ สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นชีวิตของผมเอง ซึ่งในหัวใจและหัวสมองผมตอนนี้กำลังสับสนไปหมดไม่รู้ว่าคนที่เลือกมามันใช่สำหรับผมจริงๆหรอ????
เข้าเรื่องเลยแล้วกันคับ ผมอายุ24 คับ แฟนผมอายุ19 ซึ่งเราคบกันมานานคับ7ปีได้ แต่เพิ่งมาอยู่ด้วยกันได้สองปีเนื่องจากแฟนเพิ่งเข้ามาเรียนมหาลัยที่กรุงเทพเลยมาอยู่ด้วยกันได้2ปีย่างเข้าปีที่สาม ซึ่งก่อนหน้านี้ตอนผมเรียนมหาลัยมีรายได้จากการทำงานหลังเลิกเรียนพอส่งตัวเองเรียนและส่งให้ทางบ้านใช้เดือนนึงก็ประมาณ3000-5000 แต่พอช่วงตอนเรียนปีสีแฟนผมก็มาเข้ามหาลัยและได้มาอยู่ด้วยกัน ซึ่งทางบ้านแฟนผมค่อนข้างมีปัญหาทางด้านการเงินคับ คือบางอาทิตย์โอนเงินมาให้เพียงแค่400-500บาทเท่านั้นซึ่งมันไม่น่าจะพอแน่นอนคับกับชีวิตในกรุงเทพ ดังนั้นค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมดผมจึงต้องเป็นคนซับพอร์ตจากคนที่เคยมีเงินส่งให้ที่บ้านก็กลายเป็นว่าบางเดือนต้องโทรไปขอทางบ้าน และจากงานบ้านเก็บกวาดทำความสะอาดซักผ้าที่เคยทำเป็นปกติ ก็ต้องมาทำให้แฟนด้วย บางวันผมเลิกเรียนก็ต้องมาทำงานพอทำงานเสร็จกลับมาหอก็เจอกองสิ่งของต่างๆวางเต็มเตียงและเต็มโซฟา (คือแฟนผมเป็นพวกหยิบของมาใช้แล้วก็วางทิ้งไม่เก็บเลย คือที่บ้านเลี้ยงมาแบบค่อนข้างคุณหนู หุงข้าวยังไม่เป็นเลย) มีบ้างคับที่บางวันผมเหนื่อยกับการเรียนและการทำงานกลับมาเจอสภาพนี้แล้วก็อดบ่นอดพูดไม่ได้ และสุดท้ายก็จบลงที่การทะเลาะกัน ด้วยเรื่องแบบนี้อยู่บ่อยๆจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ต่อมาผมเรียนจบและในช่วงที่ผมหางานประจำทำซึ่งมันก้ไม่ได้หาง่ายๆเลยระหว่างที่ยังไม่ได้งานผมก็จำเป็นต้องนำเงินเก็บที่เก็บสะสมเอาไว้กะว่าจะไว้ดาวน์เราซักคันออกมาใช้และมันก็หมดในที่สุดซึ่งแฟนผมไม่เคยคิดจะหางานพิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระที่ผมมีเลยด้วยซ้ำแต่กับขอให้ผมซื้อเครื่องสำอางค์ให้ซึ่งผมก็ต้องจำใจซื้อเพราะไม่อยากทะเลาะ (คือผมเป็นคนไม่ชอบการทะเลาะอะไรที่ทำแล้วทะเลาะ อะไรที่พูดแล้วทะเลาะก็จะไม่ค่อยทำ) จนผมได้งานแรกเงินเดือนค่อนข้างน้อยประมาณ13000ผมต้องแบกรับภาระค่าหอและทุกๆอย่างเช่นเคย ผมทำทุกอย่างเพื่อให้เงินมีใช้จนถึงสิ้นเดือน ผมไปทำงานมีเงินไปทำงานวันละ80บาท และให้แฟนเอาไปใช้เวลาไปเรียน150บาท เพราะกลัวว่าเวลาเพื่อนกินอะไรแล้วแฟนผมจะต้องมองคนอื่นกิน ผมไม่อยากให้แฟนต้องอดเหมือนตอนผมเรียน และสุดท้ายผมต้องออกจากงานแรกเพราะเงินไม่พอใช้ ผมต้องดิ้นรนหางานใหม่อีกครั้ง ผมจึงตัดสินใจพูดกับแฟนตรงๆและขอให้เธอหางานพิเศษทำเพื่อจะได้นำรายได้ส่วนนั้นมาใช้จ่ายในเรื่องส่วนตัวของเธอเองเช่นพวกเครื่องสำอาง และค่าอุปกรณ์การเรียน และสิ่งของต่างๆที่เธออยากได้ พอผมได้งานใหม่ได้เงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ20000 บาทแต่แลกกับการที่ได้หยุดแค่วันอาทิตย์ และบางวันผมก็มีโอทีซึ่งต้องกลับดึก บางวันผมกลับไปห้องเปิดประตูไปเห็นแฟนนอนเล่นโน้ตบุ๊คอยู่ ของในห้องวางเกะกะ ผ้าที่ใส่แล้วเต็มตะกร้าเปลือกขนมว่างไว้ทั่วห้อง ผมเห็นแล้วเหนื่อยใจคับ พอบ่นทีก็เก็บที พอมาเรื่องกินผมถามว่ากินไรเธอก็บอกไม่รู้ พอพาไปร้านที่ไม่ถูกใจก็โกรธแล้วเวลาผมถามก็ไม่พูดแบบนี้ผมผิดหรอคับ บางวันก็บอกอยากกินบุฟเฟ่ ผมก็ตามใจคับถึงแม้มันจะต้องจ่ายหลายบาท บางครั้งอ้อนอยากได้กระเป๋าแบรนด์ขึ้นห้าง รองเท้าแบรนด์ต่างๆที่เป็นกระแสนิยมของเด็กมหาลัย แรกๆผมก็บ่ายเบี่ยงที่จะซื้อให้เพราะผมไม่ค่อยให้ความสำคัญกับของพวกนี้เท่าไหร่ ในหัวของผมคิดแต่ว่าผมควรใช้เงินอย่างไรไม่ให้ผมและแฟนต้องอดในตอนปลายเดือนแต่พอไม่ซื้อให้ผมก็ต้องมานั่งฟังคำประชดประชันของแฟนเวลาไปไหนขึ้นรถลงเรือแฟนจะชี้ให้ผมดุคนที่ใช้กระเป๋าแบบที่เธออยากได้แล้วจะพูดประโยคเดิมประมาณว่าเห็นมั้ยดูสิใครๆก็มีไม่สงสารเธอหรอเพื่อนๆก็มีกันหมด และในที่สุดผมจึงตัดสินใจทำบัตรกดเงินสดเพื่อมากดไปซื้อของให้แฟน ถึงตอนนี้ผมได้มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่างเพื่อมาสนองความต้องการของแฟน ผมเลยต้องดิ้นรนมากขึ้นวันหยุดที่มีอยู่วันเดียวของผมจึงต้องมาทำงานพิเศษเพิ่ม สรุปทั้งอาทิตย์ผมแทบไม่มีเวลาว่างเลย หลายครั้งคับที่ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่าผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นแบบนี้หรอ ? รึว่าเป็นเพราะผมเองที่ตามใจแฟนมากไป บางครั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจจนมานั่งถามตัวเองว่าชีวิตตอนนี้โอเคจริงๆหรอวะ ถ้าผมอยุ่คนเดียวภาระที่ผมมีอยู่ก็จะหายไปผมจะมีเงินซื้อรองเท้าและชุดใหม่ๆใส่ไปทำงานที่ปัจจุบันมันถูกซ่อมแล้วซ่อมอีก จนถุกเพื่อนร่วมงานแซวถามว่าอายมั้ย ตอบเลยว่าอายคับแต่กลัวไม่มีเงินกินข้าวมากกว่าทำได้แค่อดทนประหยัดไปให้พอสิ้นเดือนมีบ่อยคับที่ผมคิดจะเลิกแต่มันก็เป็นความห่วงกลัวเธอจะต้องลำบาก กลัวเธอจะอด ผมจึงไม่กล้าทิ้งเธอไว้ ผมควรทำยังไงดีคับ ควรหยุดไว้แค่นี้รึว่าอยู่ต่ออย่างไรดี และสุดท้ายผมขอขอบคุณทุกความคิดเห็นล่วงหน้าคับ
ผู้หญิงแบบนี้ควรเลือกมาเป็นคู่ชีวิตมั้ยคับ
เข้าเรื่องเลยแล้วกันคับ ผมอายุ24 คับ แฟนผมอายุ19 ซึ่งเราคบกันมานานคับ7ปีได้ แต่เพิ่งมาอยู่ด้วยกันได้สองปีเนื่องจากแฟนเพิ่งเข้ามาเรียนมหาลัยที่กรุงเทพเลยมาอยู่ด้วยกันได้2ปีย่างเข้าปีที่สาม ซึ่งก่อนหน้านี้ตอนผมเรียนมหาลัยมีรายได้จากการทำงานหลังเลิกเรียนพอส่งตัวเองเรียนและส่งให้ทางบ้านใช้เดือนนึงก็ประมาณ3000-5000 แต่พอช่วงตอนเรียนปีสีแฟนผมก็มาเข้ามหาลัยและได้มาอยู่ด้วยกัน ซึ่งทางบ้านแฟนผมค่อนข้างมีปัญหาทางด้านการเงินคับ คือบางอาทิตย์โอนเงินมาให้เพียงแค่400-500บาทเท่านั้นซึ่งมันไม่น่าจะพอแน่นอนคับกับชีวิตในกรุงเทพ ดังนั้นค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมดผมจึงต้องเป็นคนซับพอร์ตจากคนที่เคยมีเงินส่งให้ที่บ้านก็กลายเป็นว่าบางเดือนต้องโทรไปขอทางบ้าน และจากงานบ้านเก็บกวาดทำความสะอาดซักผ้าที่เคยทำเป็นปกติ ก็ต้องมาทำให้แฟนด้วย บางวันผมเลิกเรียนก็ต้องมาทำงานพอทำงานเสร็จกลับมาหอก็เจอกองสิ่งของต่างๆวางเต็มเตียงและเต็มโซฟา (คือแฟนผมเป็นพวกหยิบของมาใช้แล้วก็วางทิ้งไม่เก็บเลย คือที่บ้านเลี้ยงมาแบบค่อนข้างคุณหนู หุงข้าวยังไม่เป็นเลย) มีบ้างคับที่บางวันผมเหนื่อยกับการเรียนและการทำงานกลับมาเจอสภาพนี้แล้วก็อดบ่นอดพูดไม่ได้ และสุดท้ายก็จบลงที่การทะเลาะกัน ด้วยเรื่องแบบนี้อยู่บ่อยๆจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ต่อมาผมเรียนจบและในช่วงที่ผมหางานประจำทำซึ่งมันก้ไม่ได้หาง่ายๆเลยระหว่างที่ยังไม่ได้งานผมก็จำเป็นต้องนำเงินเก็บที่เก็บสะสมเอาไว้กะว่าจะไว้ดาวน์เราซักคันออกมาใช้และมันก็หมดในที่สุดซึ่งแฟนผมไม่เคยคิดจะหางานพิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระที่ผมมีเลยด้วยซ้ำแต่กับขอให้ผมซื้อเครื่องสำอางค์ให้ซึ่งผมก็ต้องจำใจซื้อเพราะไม่อยากทะเลาะ (คือผมเป็นคนไม่ชอบการทะเลาะอะไรที่ทำแล้วทะเลาะ อะไรที่พูดแล้วทะเลาะก็จะไม่ค่อยทำ) จนผมได้งานแรกเงินเดือนค่อนข้างน้อยประมาณ13000ผมต้องแบกรับภาระค่าหอและทุกๆอย่างเช่นเคย ผมทำทุกอย่างเพื่อให้เงินมีใช้จนถึงสิ้นเดือน ผมไปทำงานมีเงินไปทำงานวันละ80บาท และให้แฟนเอาไปใช้เวลาไปเรียน150บาท เพราะกลัวว่าเวลาเพื่อนกินอะไรแล้วแฟนผมจะต้องมองคนอื่นกิน ผมไม่อยากให้แฟนต้องอดเหมือนตอนผมเรียน และสุดท้ายผมต้องออกจากงานแรกเพราะเงินไม่พอใช้ ผมต้องดิ้นรนหางานใหม่อีกครั้ง ผมจึงตัดสินใจพูดกับแฟนตรงๆและขอให้เธอหางานพิเศษทำเพื่อจะได้นำรายได้ส่วนนั้นมาใช้จ่ายในเรื่องส่วนตัวของเธอเองเช่นพวกเครื่องสำอาง และค่าอุปกรณ์การเรียน และสิ่งของต่างๆที่เธออยากได้ พอผมได้งานใหม่ได้เงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ20000 บาทแต่แลกกับการที่ได้หยุดแค่วันอาทิตย์ และบางวันผมก็มีโอทีซึ่งต้องกลับดึก บางวันผมกลับไปห้องเปิดประตูไปเห็นแฟนนอนเล่นโน้ตบุ๊คอยู่ ของในห้องวางเกะกะ ผ้าที่ใส่แล้วเต็มตะกร้าเปลือกขนมว่างไว้ทั่วห้อง ผมเห็นแล้วเหนื่อยใจคับ พอบ่นทีก็เก็บที พอมาเรื่องกินผมถามว่ากินไรเธอก็บอกไม่รู้ พอพาไปร้านที่ไม่ถูกใจก็โกรธแล้วเวลาผมถามก็ไม่พูดแบบนี้ผมผิดหรอคับ บางวันก็บอกอยากกินบุฟเฟ่ ผมก็ตามใจคับถึงแม้มันจะต้องจ่ายหลายบาท บางครั้งอ้อนอยากได้กระเป๋าแบรนด์ขึ้นห้าง รองเท้าแบรนด์ต่างๆที่เป็นกระแสนิยมของเด็กมหาลัย แรกๆผมก็บ่ายเบี่ยงที่จะซื้อให้เพราะผมไม่ค่อยให้ความสำคัญกับของพวกนี้เท่าไหร่ ในหัวของผมคิดแต่ว่าผมควรใช้เงินอย่างไรไม่ให้ผมและแฟนต้องอดในตอนปลายเดือนแต่พอไม่ซื้อให้ผมก็ต้องมานั่งฟังคำประชดประชันของแฟนเวลาไปไหนขึ้นรถลงเรือแฟนจะชี้ให้ผมดุคนที่ใช้กระเป๋าแบบที่เธออยากได้แล้วจะพูดประโยคเดิมประมาณว่าเห็นมั้ยดูสิใครๆก็มีไม่สงสารเธอหรอเพื่อนๆก็มีกันหมด และในที่สุดผมจึงตัดสินใจทำบัตรกดเงินสดเพื่อมากดไปซื้อของให้แฟน ถึงตอนนี้ผมได้มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่างเพื่อมาสนองความต้องการของแฟน ผมเลยต้องดิ้นรนมากขึ้นวันหยุดที่มีอยู่วันเดียวของผมจึงต้องมาทำงานพิเศษเพิ่ม สรุปทั้งอาทิตย์ผมแทบไม่มีเวลาว่างเลย หลายครั้งคับที่ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่าผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นแบบนี้หรอ ? รึว่าเป็นเพราะผมเองที่ตามใจแฟนมากไป บางครั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจจนมานั่งถามตัวเองว่าชีวิตตอนนี้โอเคจริงๆหรอวะ ถ้าผมอยุ่คนเดียวภาระที่ผมมีอยู่ก็จะหายไปผมจะมีเงินซื้อรองเท้าและชุดใหม่ๆใส่ไปทำงานที่ปัจจุบันมันถูกซ่อมแล้วซ่อมอีก จนถุกเพื่อนร่วมงานแซวถามว่าอายมั้ย ตอบเลยว่าอายคับแต่กลัวไม่มีเงินกินข้าวมากกว่าทำได้แค่อดทนประหยัดไปให้พอสิ้นเดือนมีบ่อยคับที่ผมคิดจะเลิกแต่มันก็เป็นความห่วงกลัวเธอจะต้องลำบาก กลัวเธอจะอด ผมจึงไม่กล้าทิ้งเธอไว้ ผมควรทำยังไงดีคับ ควรหยุดไว้แค่นี้รึว่าอยู่ต่ออย่างไรดี และสุดท้ายผมขอขอบคุณทุกความคิดเห็นล่วงหน้าคับ