พนักงานบริษัทศรีสวัสดิ์พาวเวอร์ ได้ติดต่อมาหาน้าสาวและได้ถามถึงรถแบคโฮของ ผู้จำนำทะเบียนไว้กับบริษัท(เป็นเพื่อนของน้า)
ว่ารู้หรือไม่ ว่ารถอยู่ที่ไหนเพราะขณะนี้ผู้จำนำขาดส่งค่างวด สัญญาทางบริษัทได้ยกเลิกแล้ว บริษัทจึงจำเป็นต้องยึดรถ
มาเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ซึ่งพนักงานได้แจ้งว่าผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด และต้องนำเงินสด
มาปิดบัญชีแทนผู้จำนำ เป็นจำนวนเงิน 803000 บาทเพื่อที่ทางบริษัทจะได้โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่น้า ซึ่งน้าได้แจ้งว่า ไม่ได้อยากได้รถคันนี้
และก็ไม่มีเงินมากพอตามที่พนักงานแจ้ง จึงได้ปฏิเสธไป แต่พนักงานได้บอกว่า ถ้าไม่ปิดบัญชี มีการฟ้องร้อง
จะต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นอีก และจะไม่ได้กรรมสิทธิ์ของรถคันนี้ด้วย พนักงานได้บอกอีกว่า
ให้ไปกู้เงินมาปิดบัญชีก่อน พอบริษัทโอนรถให้ก็นำไปขายต่อได้

น้าจึงได้ออกติดตามรถ โดยจ้างคนให้ตามสืบว่ารถคันดังกล่าวอยู่ที่ไหน และได้แจ้งให้พนักงานทราบ
พนักงานจึงได้ไปยังสถานที่ ที่รถคันดังกล่าวทำงานอยู่ พนักงานได้แจ้งกับผู้ปฏิบัติงานอยู่ว่า
สัญญาที่ผู้จำนำทำไว้กับบริษัทได้สิ้นสุดลงแล้ว กรรมสิทธิ์ของรถคันนี้ได้เป็นของบริษัทแล้ว
ผู้ปฏิบัติงานจึงได้ให้พนักงานยึดรถไป โดยพนักงานได้ว่าจ้างรถเทลเลอร์และผู้ปฏิบัติงานท่านนี้
ในการเคลื่อนย้ายรถไปยังโกดังของบริษัท

ผู้ปฏิบัติงานได้ย้ายรถเข้าสู่โกดังของบริษัท โดยได้ถ่ายวีดีโอ ขณะขับรถตามพนักงานมาที่โกดัง
พอมาถึงโกดัง ผู้ปฏิบัติงานได้ทวงถามถึงใบรับรถ แต่พนักงานกลับตอบว่าใบรับรถหมด เดี๋ยวค่อยมาเอาพรุ่งนี้

หลังจากนั้นพนักงานได้โทรแจ้งกับน้าว่า ให้นำเงินมาปิดบัญชีได้เลย ย้ายรถมาที่โกดังเรียบร้อยแล้ว
แต่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายให้กับพนักงานท่านนี้ 10000 บาทและ จ่ายค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายรถทั้งหมดด้วย
ถึงจะทำการโอนกรรมสิทธิ์ให้ได้ น้าจึงได้โอนเงินเข้าบัญชี พนักงานคนนี้ไปเป็นจำนวนเงิน 10000 บาท
และได้นัดวันปิดบัญชี ซึ่งพนักงานรับปากจะดูแลรถคันนี้ไว้ให้ และจะทำการเบิกเล่มทะเบียนมารอโอนกรรมสิทธิ์ให้แกน้า

โดยน้าได้ถามย้ำกับพนักงานท่านนี้ว่า จะโอนกรรมสิทธิ์ได้เลยใช่หรือไม่ ไม่ต้องมีเอกสารใดๆแจ้ง
หรือบอกเลิกสัญญาก่อนเลยหรือ พนักงานได้แจ้งกับข้าพเจ้าว่า ไม่ต้องเพราะเป็นนโยบายของบริษัท
และได้ปรึกษากับหัวหน้าเขตและสำนักงานใหญ่เรียบร้อยแล้ว ทางสำนักงานใหญ่ยินดีให้น้าปิดบัญชีและ
โอนกรรมสิทธิ์ให้ตามที่ตกลง

ถึงวันนัดน้าได้ติดต่อกับพนักงานเพื่อจะเข้าไปปิดบัญชีตามที่นัดกันไว้ แต่พนักงานได้แจ้งว่า
ผู้จำนำได้มาปิดบัญชีไปแล้ว ไม่ต้องมาแล้ว น้าก็ได้ทวงถามว่าแล้วทำไมตอนแรกที่ติดต่อมา
สัญญาได้ถูกยกเลิกแล้วทำไมถึงให้ผู้จำนำมาปิดบัญชี ทั้งๆที่ตกลงกับน้าไว้ พนักงานตอบว่า
รถเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้จำนำ ก็ต้องให้ผู้จำนำมาปิดและโอนกรรมสิทธิ์คืนให้ผู้จำนำไป
ไม่จำเป็นต้องแจ้งผู้คำประกัน น้าจึงได้ทวงถามต่อว่า แล้วให้ไปหากู้เงินมาปิดบัญชีจะให้ทำยัง
เพราะกู้เงินมามีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย พนักงานตอบว่าก็เอาเงินไปคืนสิ ไม่เห็นต้องมาเรียกร้องอะไร
และน้าได้ทวงถามค่าใช้จ่ายที่โอนให้พนักงานกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จ่ายไป พนักงานตอบว่า
ให้ไปทวงกับผู้จำนำเอาเอง บริษัทและพนักงานไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น

น้ามาปรึกษาเรา เราได้ได้นำเรื่องทั้งหมดร้องเรียนต่อสำนักงานใหญ่ พนักงานของสำนักงานใหญ่แจ้ง
ว่ารับเรื่องไว้และจะทำการตรวจสอบ ในเวลาต่อมาเราได้ติดตามผลการร้องเรียน
เจ้าหน้าที่จากสำนักงานใหญ่ได้โทรมาแจ้งว่า กรณีนี้เราต้องไปตกลงกับผู้จัดการสาขาและพนักงานเอาเอง
ถ้าจะดำเนินคดีก็ต้องไปดำเนินคดีกับพนักงานเพราะบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ศรีสวัสดิ์พาวเวอร์กิจการรายได้ดี หุ้นโตทุกปีนี่อาจจะเป็นเหตุของความเจริญรุ่งเรือง
และรายได้มหาศาล ใครจะทำธุรกรรมกับบริษัทนี้ระวังไว้ให้ดีค่ะ

ใครมีช่องทางช่วยเหลือรบกวนบอกกันหน่อยนะคะ งดดราม่าค่ะ ขอบคุณค่ะ