คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
มีคนตอบเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว หากตอบทีละข้อตามที่ จขกท. สอบถามมา เกรงว่าจะเหมือนเอาจิ๊กซอว์มาวางทีละตัว หรือพาคนตาบอดไปคลำช้าง ขอสรุปประเด็นภาพรวมง่าย ๆ ตามนี้ดีกว่านะคะ
ข้อแท้จริงเกี่ยวกับคดีของหลวงพ่อธัมมชโย
1.หมายที่ 1 กรณีสหกรณ์ ...
พ.ศ. 2558 พบ DSI ให้ข้อมูลไปหมดแล้ว + เงินที่รับและไม่ทราบที่มา คณะศิษย์เยียวยาแล้ว + ท่านอาพาธ จึงไปให้การไม่ได้ ด้านเงินบริจาค ที่หลวงพ่อกับวัดได้รับ คาดว่าประมาณ 8% ของทั้งหมด ซึ่งลูกศิษย์ตั้งกองทุนเยียวยาและทยอยมอบให้เกือบครบจำนวนแล้ว ส่วนเงินสหกรณ์ อีก 92% ที่เหลือทำไมไม่ไปตามหาว่า อยู่ที่ไหน??? ทำไมมาจงใจ ไล่บี้ เล่นข่าวแต่กับวัดพระธรรมกาย เรารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม
2.หมายที่ 2 เวิล์ดพีซ ...
ข้อหาบุกรุกที่ป่า พ.ร.บ.2484 มูลนิธิตะวันธรรม ซึ่งมีพระเทพญาณมหามุนีเป็นประธานมูลนิธิ ครอบครองพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง แต่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า บุกรุกป่า แผ้วถางป่า, สร้างอาคารปิดทางน้ำสาธารณะ
ที่สำคัญ !!! คือ ข้อกล่าวหามาจาก ผู้แปลภาพถ่ายทางอากาศ (ที่นำมาเป็นหลักในการกล่าวหานั้น) ไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อทะเบียนเป็นผู้เชี่ยวชาญสำนักงานศาลยุติธรรม เพราะกระทำความผิดร้ายแรง เมื่อให้ผู้เชี่ยวชาญสำนักงานศาลยุติธรรมที่ได้รับการต่อทะเบียนถูกต้อง อ่านแผนที่ทางอากาศแล้ว ผลปรากฏว่า
1.ที่ดินตรงนี้ ไม่มีสภาพเป็นป่ามากว่า 50 ปีแล้ว
2.บริเวณพื้นที่ก่อสร้างอาคารใน WPV ไม่มีทางน้ำสาธารณะและทางสาธารณะแต่อย่างใด
3.หมายที่ 3 ภูเรือ ...
ขอยืนยันว่า ไม่มีพื้นที่ของทางวัดพระธรรมกายอยู่ในเขตป่าสงวนอย่างแน่นอน ซึ่งคดีไม่ได้เกี่ยวกับวัดและหลวงพ่อแต่อย่างใด เพราะที่ดิน 129 ไร่ เป็นที่ธรณีสงฆ์และมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องชัดเจน ส่วนที่ดิน 52ไร่ เป็นของชาวบ้านไม่ใช่ที่ดินของทางวัดแต่อย่างใด ดังนั้นการกล่าวหาวัดและหลวงพ่อ จึงเป็นการกล่าวหาที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย
สรุป หลวงพ่อธัมมชโย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่เบื้องต้น เพราะกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่เริ่มต้นที่ศาล แต่เริ่มต้นตั้งแต่พนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งหลวงพ่อธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย ได้ให้ความร่วมมือ ให้พบ ให้ข้อมูล กรณีสหกรณ์คลองจั่น จนครบถ้วนแล้ว ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ DSI ทั้งคณะมาพบท่านด้วยตัวเอง ตั้งแต่ปี 2558
ปัจจุบันท่านอายุ 73 ปีแล้ว การที่จะให้ท่านเดินทางไปให้ถ้อยคำ ด้วยสภาพร่างกายไม่พร้อมเดินทาง ย่อมเป็นการฝืนสังขาร ทั้งที่ทางวัด ก็พร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง
*** ทางออกที่ยุติความรุนแรง คือ ให้เพิกถอนหมายจับ และให้เจ้าหน้าที่ เข้ามาอย่างมิตร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ต้องการ เท่านั้นก็จบ
ข้อแท้จริงเกี่ยวกับคดีของหลวงพ่อธัมมชโย
1.หมายที่ 1 กรณีสหกรณ์ ...
พ.ศ. 2558 พบ DSI ให้ข้อมูลไปหมดแล้ว + เงินที่รับและไม่ทราบที่มา คณะศิษย์เยียวยาแล้ว + ท่านอาพาธ จึงไปให้การไม่ได้ ด้านเงินบริจาค ที่หลวงพ่อกับวัดได้รับ คาดว่าประมาณ 8% ของทั้งหมด ซึ่งลูกศิษย์ตั้งกองทุนเยียวยาและทยอยมอบให้เกือบครบจำนวนแล้ว ส่วนเงินสหกรณ์ อีก 92% ที่เหลือทำไมไม่ไปตามหาว่า อยู่ที่ไหน??? ทำไมมาจงใจ ไล่บี้ เล่นข่าวแต่กับวัดพระธรรมกาย เรารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม
2.หมายที่ 2 เวิล์ดพีซ ...
ข้อหาบุกรุกที่ป่า พ.ร.บ.2484 มูลนิธิตะวันธรรม ซึ่งมีพระเทพญาณมหามุนีเป็นประธานมูลนิธิ ครอบครองพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง แต่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า บุกรุกป่า แผ้วถางป่า, สร้างอาคารปิดทางน้ำสาธารณะ
ที่สำคัญ !!! คือ ข้อกล่าวหามาจาก ผู้แปลภาพถ่ายทางอากาศ (ที่นำมาเป็นหลักในการกล่าวหานั้น) ไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อทะเบียนเป็นผู้เชี่ยวชาญสำนักงานศาลยุติธรรม เพราะกระทำความผิดร้ายแรง เมื่อให้ผู้เชี่ยวชาญสำนักงานศาลยุติธรรมที่ได้รับการต่อทะเบียนถูกต้อง อ่านแผนที่ทางอากาศแล้ว ผลปรากฏว่า
1.ที่ดินตรงนี้ ไม่มีสภาพเป็นป่ามากว่า 50 ปีแล้ว
2.บริเวณพื้นที่ก่อสร้างอาคารใน WPV ไม่มีทางน้ำสาธารณะและทางสาธารณะแต่อย่างใด
3.หมายที่ 3 ภูเรือ ...
ขอยืนยันว่า ไม่มีพื้นที่ของทางวัดพระธรรมกายอยู่ในเขตป่าสงวนอย่างแน่นอน ซึ่งคดีไม่ได้เกี่ยวกับวัดและหลวงพ่อแต่อย่างใด เพราะที่ดิน 129 ไร่ เป็นที่ธรณีสงฆ์และมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องชัดเจน ส่วนที่ดิน 52ไร่ เป็นของชาวบ้านไม่ใช่ที่ดินของทางวัดแต่อย่างใด ดังนั้นการกล่าวหาวัดและหลวงพ่อ จึงเป็นการกล่าวหาที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย
สรุป หลวงพ่อธัมมชโย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่เบื้องต้น เพราะกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่เริ่มต้นที่ศาล แต่เริ่มต้นตั้งแต่พนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งหลวงพ่อธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย ได้ให้ความร่วมมือ ให้พบ ให้ข้อมูล กรณีสหกรณ์คลองจั่น จนครบถ้วนแล้ว ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ DSI ทั้งคณะมาพบท่านด้วยตัวเอง ตั้งแต่ปี 2558
ปัจจุบันท่านอายุ 73 ปีแล้ว การที่จะให้ท่านเดินทางไปให้ถ้อยคำ ด้วยสภาพร่างกายไม่พร้อมเดินทาง ย่อมเป็นการฝืนสังขาร ทั้งที่ทางวัด ก็พร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง
*** ทางออกที่ยุติความรุนแรง คือ ให้เพิกถอนหมายจับ และให้เจ้าหน้าที่ เข้ามาอย่างมิตร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ต้องการ เท่านั้นก็จบ
แสดงความคิดเห็น
สาเหตุที่เกิดขึ้นกรณีกับวัดพระธรรมกายมาจากสาเหตุใด..?
" สาเหตุที่เกิดขึ้น มาจากสาเหตุอะไร ในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ " ( ใช้สติปัญญาพิจารณาก่อนแล้ว ตอบนะครับ )
( เข้ามาอ่านคำตอบ บ้างท่านตอบหรือแสดงความเห็น ด้วยอารมณ์, บ้างก็นำคลิปต่าง ๆ มาลงให้ดู, บ้างก็บอกว่า...คนที่ตั้งกระทู้มาถามยัง มีสติปัญญาดีอยู่หรือไม่ คำถามก็ไม่เข้าท่า ยังมีหน้ามาเรียกร้องให้ตอบคำถามดีๆ คุณนั้นแหละที่ต้องตั้งคำถามดีๆ ถามแบบคนมีสติปัญญา
" มีบางท่านตอบได้ ใกล้เคียงมาก " แต่ขอย้ำ..ใช้สติปัญญาพิจารณาก่อนแล้ว ตอบนะครับ )
ผมในฐานะเป็นผู้ตั้งกระทู้นี้....!
ลองให้ท่านคิดตามและ.......
....ลองย้อนไปเมื่อครั้งพุทธกาล ท่านคิดว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะตร้สว่า สาเหตุเรื่องนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุใด..?
( ใช้สติปัญญาพิจารณาก่อนแล้ว ตอบนะครับ )
ท่านที่ตอบกระทู้ หรือแสดงความคิดเห็น
อยากจะถามว่า ข้อความต่อไปนี้ ท่านมีความคิดเห็นเช่นไร ...?
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้น มีเหตุเป็นปัจจัย ซึ่งกันและกัน
ทำเหตุเช่นนี้ จึงเป็นปัจจัยให้เหตุเช่นนี้เกิด
พระพุทธองค์กล่าวถึงหลักทั่วไปของความสัมพันธ์ไว้ว่า
อิมสฺมํ สติ อิทฺ โหติ เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
อิมสฺสมํ อสติ อิทํ น โหติ เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ไม่มี
อิมสฺส นโรชา อิทํ นิรุชฌติ เพราะสิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้ก็ดับ
สิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตทั้งหลายที่ปรากฏในอนันตรจักรวาล ล้วนแต่เป็นเหตุ เป็นผล เกี่ยวเนื่องกันตามธรรมที่เป็นเหตุและผล
การที่จะปรากฏขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับเหตุผลนั้นไม่มีเลย