ศาลสูงกรุงโตเกียว สั่งเนรเทศ น้องอ้วน วุฒินันท์ เด็กไทยที่เกิดและโตในญี่ปุ่น กลับประเทศไทย แม้ว่าแม่เด็กจะยอมกลับประเทศ เพื่อแลกกับการที่ลูกชายได้อยู่ต่อ
จากกรณีที่ศาลกรุงโตเกียวมีคำพิพากษาสั่งเนรเทศ 2 แม่ลูกชาวไทย คือ นางรนแสน พาภักดี และลูกชายคือ นายวุฒินันท์ หรือน้องอ้วน วัย 16 ปี ซึ่งเกิดและเติบโตที่ประเทศญี่ปุ่น ภายหลังผู้เป็นแม่ลักลอบเข้าและอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายมานานกว่า 20 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลได้เสนอแนวทางพิเศษให้น้องอ้วนสามารถอยู่ที่ญี่ปุ่นต่อได้ หากทางแม่ยินยอมกลับไทยแต่โดยดี เพราะเห็นว่าเขากำลังศึกษาอยู่ระดับมัธยม และปรับตัวเข้ากับสังคมญี่ปุ่นได้มาก ซึ่งฝ่ายแม่ก็ยอมที่จะเดินทางกลับไทยเพื่อแลกกับการที่ลูกชายได้อยู่ในญี่ปุ่นต่อนั้น
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด (6 ธันวาคม 2559) สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ศาลสูงกรุงโตเกียว มีคำตัดสินให้เนรเทศนายวุฒินันท์กลับประเทศไทย แม้ว่าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านม ศาลชั้นต้นจะเคยบอกว่านายวุฒินันท์อาจได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป หากมารดาของเขายอมกลับประเทศไทย ภายหลังลักลอบอยู่ในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายมากว่า 20 ปี
โดยศาลสูงกรุงโตเกียวใช้เวลาในการอ่านคำตัดสินไม่ถึง 10 วินาที นอกจากนี้ผู้พิพากษาศาลสูงยังระบุว่า ศาลตัดสินยืนคำพิพากษาจากศาลชั้นต้น ที่ให้มีคำสั่งเนรเทศ แม้นายวุฒินันท์จะอ่านเขียนภาษาไทยไม่ออก แต่เขายังสามารถพูดภาษาไทยได้ อีกทั้งเขายังอยู่ในวัยที่เด็กพอจะปรับตัวกับวิถีชีวิตใหม่เมื่อกลับไปอยู่ที่ไทย
ทางด้าน นายวุฒินันท์ ซึ่งมารับฟังคำตัดสินในชุดนักเรียน ได้เปิดเผยภายหลังฟังคำตัดสินจากศาลว่า ตัวเขานั้นอยากอยู่ที่ญี่ปุ่น เขาเสียใจและเจ็บปวดกับคำสั่งเนรเทศดังกล่าว
ขณะที่ นายโคอิชิ โคดามะ ทนายความของนายวุฒินันท์ เผยว่า ศาลไม่ได้นำเรื่องที่แม่ของนายวุฒินันท์ยอมกลับประเทศไทยเพื่อให้ลูกชายได้อยู่ต่อ ตามเงื่อนไขของศาลชั้นต้นมาพิจารณาร่วมได้ ซึ่งจากนี้พวกเขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะขอยื่นอุธรณ์ต่อคำตัดสินนี้หรือไม่
แหล่งข่าว :
http://hilight.kapook.com/view/146162
ศาลสูงญี่ปุ่น สั่งเนรเทศเด็กไทย แม้แม่ยอมกลับประเทศเพื่อแลกให้ลูกชายได้อยู่
จากกรณีที่ศาลกรุงโตเกียวมีคำพิพากษาสั่งเนรเทศ 2 แม่ลูกชาวไทย คือ นางรนแสน พาภักดี และลูกชายคือ นายวุฒินันท์ หรือน้องอ้วน วัย 16 ปี ซึ่งเกิดและเติบโตที่ประเทศญี่ปุ่น ภายหลังผู้เป็นแม่ลักลอบเข้าและอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายมานานกว่า 20 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลได้เสนอแนวทางพิเศษให้น้องอ้วนสามารถอยู่ที่ญี่ปุ่นต่อได้ หากทางแม่ยินยอมกลับไทยแต่โดยดี เพราะเห็นว่าเขากำลังศึกษาอยู่ระดับมัธยม และปรับตัวเข้ากับสังคมญี่ปุ่นได้มาก ซึ่งฝ่ายแม่ก็ยอมที่จะเดินทางกลับไทยเพื่อแลกกับการที่ลูกชายได้อยู่ในญี่ปุ่นต่อนั้น
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด (6 ธันวาคม 2559) สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ศาลสูงกรุงโตเกียว มีคำตัดสินให้เนรเทศนายวุฒินันท์กลับประเทศไทย แม้ว่าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านม ศาลชั้นต้นจะเคยบอกว่านายวุฒินันท์อาจได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป หากมารดาของเขายอมกลับประเทศไทย ภายหลังลักลอบอยู่ในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายมากว่า 20 ปี
โดยศาลสูงกรุงโตเกียวใช้เวลาในการอ่านคำตัดสินไม่ถึง 10 วินาที นอกจากนี้ผู้พิพากษาศาลสูงยังระบุว่า ศาลตัดสินยืนคำพิพากษาจากศาลชั้นต้น ที่ให้มีคำสั่งเนรเทศ แม้นายวุฒินันท์จะอ่านเขียนภาษาไทยไม่ออก แต่เขายังสามารถพูดภาษาไทยได้ อีกทั้งเขายังอยู่ในวัยที่เด็กพอจะปรับตัวกับวิถีชีวิตใหม่เมื่อกลับไปอยู่ที่ไทย
ทางด้าน นายวุฒินันท์ ซึ่งมารับฟังคำตัดสินในชุดนักเรียน ได้เปิดเผยภายหลังฟังคำตัดสินจากศาลว่า ตัวเขานั้นอยากอยู่ที่ญี่ปุ่น เขาเสียใจและเจ็บปวดกับคำสั่งเนรเทศดังกล่าว
ขณะที่ นายโคอิชิ โคดามะ ทนายความของนายวุฒินันท์ เผยว่า ศาลไม่ได้นำเรื่องที่แม่ของนายวุฒินันท์ยอมกลับประเทศไทยเพื่อให้ลูกชายได้อยู่ต่อ ตามเงื่อนไขของศาลชั้นต้นมาพิจารณาร่วมได้ ซึ่งจากนี้พวกเขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะขอยื่นอุธรณ์ต่อคำตัดสินนี้หรือไม่
แหล่งข่าว : http://hilight.kapook.com/view/146162