จริงๆ เราก็แอบไปตอบอยู่กระทู้นึง แต่เราก็อยากจะขอตั้งกระทู้ถามใหม่ไปถึงสำนักงานใหญ่ ... ตามตรงคือเราเป็นลูกค้ามานานและไม่เคยพลาดสักโปรฯเดียวที่เซเว่นจัดมา แต่ครั้งนี้ ... แค่รู้สึกว่าเซเว่นพลาดอะไรไป เลยขอเก็บตกทุกอย่างมารวมไว้ในกระทู้นี้จากประสบการณ์ที่เจอมา
======================
เรื่องแรกเลยคือการเปลี่ยนแปลงโปรฯทั้งๆที่แจ้งไว้ตามกำหนดว่าหมดเขตวันที่เท่าไหร่....
นี่คือเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดเมื่อคืนนี้.... (ขอก๊อป Comment มาเลยนะคะ เพราะระบายไปเยอะ...)
เมื่อกี้ก็เกือบจะไปทะเลาะกับ พนง. เซเว่นมา เพราะไม่ให้แลกของพรีเมี่ยมนี่แหละ ประเด็นคือในมือเราตอนนี้มีเกือบๆ 2000 ดวง และตั้งใจจะแลกของพรีเมี่ยมไปแจกคนงานในบริษัท (คนงานเราก็ ... เข้าใจนะ โอกาสเค้าที่จะสะสมถึงก็น้อยกว่าเราที่เป็นนายจ้าง เราก็อยากให้อะไรเป็นการตอบแทนเค้าบ้าง อย่างน้อยก็ได้ของน่ารักๆให้ลูกๆคนงานได้ใช้ ... ซึ่งเราทำแบบนี้ทุกปีเลย มาปีนี้แหละที่ความตั้งใจมันสูญเปล่า ซึ่งบอกเลย ... เจ็บ!!!)
เมื่อราวๆสิ้นเดือน ต.ค. ก็ได้คำตอบจากสาขาโรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ว่าแก้ว Mug หมดแล้ว แต่ยังสามารถใช้แลกของอื่นๆได้ถึง 15 ธันวาคมนี้ เราก็เสียใจไปทีนึงละ วันนี้ว่างจากทำงานเร่งๆช่วงสิ้นปีก็ตั้งใจสุด กำแสตมป์ในมือ 2000 ดวงแบบแน่นมากๆ เข้าไปจะไปแลกของพรีเมี่ยม แต่ก็ได้รับคำตอบจากสาขาหมู่บ้านนักกีฬาว่า "ของพรีเมี่ยมหมดทุกอย่างแล้ว ทุกสาขา ทั่วประเทศ ไม่สามารถแลกได้ นอกจากต้องใช้เป็นเงินสดแทน..." แม่เราซึ่งเป็นสมาชิกบัตรเซเว่นก็โวยเลยค่ะว่าถ้าจะหมดก่อนแล้วจะบอกว่าหมดเขตวันนั้นวันนี้แบบนี้ ... จะบอกว่าให้แลกถึง 15 ธันวาคมแต่แรกทำไม ซึ่งเอาจริงๆป่ะคือคุณสามารถเพิ่มจำนวน order การจองในลักษณะ Pre-Order ก่อน จำนวนเท่าไหร่ ปิดแคมเปญ คุณก็ผลิตตามจำนวนคนที่มาแลก ให้ผู้บริโภคเค้าได้ตัดสินใจอย่างเต็มที่จนวินาทีสุดท้ายสิว่าจะแลกหรือจะใช้ซื้อของ (เราเคยได้ยินอีกแบรนด์ที่แจกแสตมป์เหมือนกันเค้าอธิบายขั้นตอนและเคยตอบว่าทำไมของบางอย่างต้องรอนานเป็นเดือนสองเดือน...ขอไม่พูดชื่อนะ ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) คือก็ไม่ใช่ให้มามัดมือชกซื้อแทนเงินสดแบบนี้ เพราะถ้าจะใช้นะ คงจะไม่เพียรบำเพ็ญสะสมแสตมป์มาจนถึง 2000 ดวงหรอกนะคะ ... เรารู้สึกว่าเซเว่นบีบผู้บริโภคเกินงามไปแล้วค่ะ เราเป็นผู้บริโภคยังรู้สึกไม่แฟร์เลย
อีกเรื่องต่อมาคือสื่อที่ติดที่แคชเชียร์ค่ะ พนง. เซเว่นคนหนึ่งที่สาขาหมู่บ้านนักกีฬาโวยกลับใส่แม่ของเราเหมือนกันว่า....
- ทางเราก็มีโฆษณาทางทีวีออกมา (เดี๋ยวๆ เธอ ... ฟังชะนีแบบเราก่อน ลด speed ตัวเองก่อนนะ ... TV มี CF เรื่องนี้จริง แต่นางอัพเดทไหมว่าของพรีเมี่ยมอะไรหมดแล้ว ต้องรีบแล้วนะ เดี๋ยวอีนี่หมดนะ อีนั่นหมดนะ บลาๆๆๆ ...)
- ทางเราแปะสื่อที่แคชเชียร์ (เดี๋ยวๆ ป้ายที่เธอแปะกันคือ A4 ขาวดำ ซึ่ง ... ลูกค้าของเธอมีสตรีผู้ชราภาพนะ อายุอานาม 50-80up งี้ นางๆก็ดี ลุงๆผู้เฒ่าก็ดี เค้าจะอ่านมั้ยอะ ขาวดำกลืนไปกับ Shelf ไม่ว่านะ ตัวอักษรก็ไม่ใหญ่นะคะ อย่างแม่ฉันเนี่ย อายุจะ 60 แล้ว ตาไม่ได้ไวว่องเหมือนสมัยสาวๆแล้วนะ ถ้านางไม่ใส่แว่นนางก็อ่านไม่ชัดแล้ว .... จริงๆ!!!)
- ทางเราก็ประชาสัมพันธ์ทาง Online .... (แล้วเธอคิดว่าคนไทย 100% เล่น Facebook เล่น Social Media กัน 100% เต็มไหม? มีคนที่เข้าไม่ถึงอีกมากมายนะ ทั้งไม่มีโอกาสเข้าและมีบางคนที่เค้าเลือกที่จะไม่เล่นอยู่แล้ว ... เช่นแม่ของฉัน เป็นต้น)
- "หรือจนกว่าของจะหมด" (อันนี้ไม่ได้อยู่ใน Comment จากพนักงานที่ไปรบมาที่สาขานะ แต่อ่านเจอ... เราว่ามันมีทางออกค่ะ และก็การที่คุณระบุมาก็เพื่อมากันปัญหาเข้าเนื้อตัวเองเรื่องลูกค้าโวยว่าเอาแสตมป์มาแลกไม่ทัน ... แต่ว่ามันก็น่าจะมีทางออกที่พบกันคนละครึ่งทางไหมคะ อย่างเช่นคุณอาจจะเพิ่ม choice ที่ว่าคุณไม่เอามาใช้เป็นเงินสด ก็แลกเป็นแต้มบัตรเซเว่นเข้าบัตรไป (50 แต้ม เท่ากับแสตมป์ 1 ดวง ลองเอาจำนวนมาหารดูก็ได้ค่ะ ... นี่เราเสนอทางออกให้นะคะ))
สิ่งที่เราไม่ชอบเลยคือการที่คุณให้เวลาผู้บริโภค แต่เปลี่ยนกติกา แล้วบีบลูกค้าเพื่อให้ตัวเองได้กำไร เราว่ามันไม่ใช่ คุณควรให้อำนาจการตัดสินใจแบบเต็มที่ การที่คุณจะจำกัดการผลิตสินค้าไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่การที่คุณจะเพิ่มจำนวนในช่วงสุดท้ายให้เป็นไปตามกติกาที่คุณกับเราซึ่งเป็นผู้บริโภคตกลงกันแต่แรกอีกสักหน่อย คุณจะได้ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่า VIP ที่ยังจะใช้บริการคุณต่อและมองภาพลักษณ์การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในแง่บวกนะ มันไม่ได้ทำให้คุณขาดทุนหรือกำไรน้อยลงไปมากมายนักหรอก ถ้าเทียบกับความยาวนานของการเป็นลูกค้ากับคุณ
เสียใจนะ .... อุตส่าห์เป็นลูกค้ามาแบบเหนียวแน่นและยาวนาน เจออะไรลบๆมาอย่างบัตรหายแต่รับผิดชอบอะไรไม่ได้เลย ทั้งๆที่ก็มีคำถามว่าจะให้ลงทะเบียนบัตรเงินสดด้วยบัตรประชาชนแต่แรกทำไม ... หรืออย่างกรณีพนักงานแอบโกงแสตมป์ลูกค้าแล้วเมินเฉย ซึ่งไม่รู้ว่าทำกับลูกค้าไปกี่คนแล้ว มันมีแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ คือ 1. พนักงานมีจำนวนแสตมป์ที่ต้องให้ลูกค้าตรงจอ Monitor อยู่แล้วว่า 1 บาทกี่ดวง 3 บาทกี่ดวง แต่พนักงานไม่ได้ใส่ใจไง คิดจะหยิบในลิ้นชักให้เท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งเป็นพนักงาน คุณจะมาคิดแทนลูกค้าไม่ได้นะว่าลูกค้าต้องการแสตมป์หรือไม่ต้องการ เขาจะอยากได้หรือจะเขวี้ยงทิ้ง นั่นสิทธิของเขา แต่หน้าที่คุณคือต้องแจกแสตมป์ตามที่จอบอก ตามที่ลูกค้าซื้อของ ซึ่งลูกค้าเนี่ย บางคนก็นับ บางคนก็เผลอไม่ได้นับ (แคมเปญ Line Friend & Sanrio นี้แสตมป์ 1 บาทกับ 3 บาทแทบจะคล้ายจนมองว่าเหมือนกัน... ผิดกับแคมเปญอื่นที่สีค่อนข้างเด่นชัดเจน ... หลายคนอาจจะบอกว่าก็ต่างนะ ก็แยกออกนะ ต้องนึกถึงลูกค้าคนชราด้วยสิ สายตาไม่ดี แสตมป์ก็ดวงเล็กอยู่แล้ว ....)
พอเราเจอกับตัว พึ่งออกจากร้านไม่ถึง 20 นาที (ปกติแม่เราซื้อของเซเว่นก่อนเข้าบ้าน ซึ่งเซเว่นกับบ้านห่างกันไม่ถึง 5 นาที) เราก็จะมีหน้าที่เคลียร์กระเป๋าเงินละ แม่จะเก็บใบเสร็จไว้ในกระเป๋าสตางค์ตลอด เพราะแม่บอกว่าต้องให้เราดูในใบเสร็จให้ว่า 1. แต้มเท่าไหร่ 2. ได้แสตมป์มากี่ดวง ... ถามว่าทำไม ... ใบเสร็จตัวเล็กไงคุณ แม่เราก็อายุเยอะแล้ว บางทีควักแว่นมาอ่านก็ไม่ใช่เรื่อง วันหนึ่ง เราก็เคลียร์กระเป๋า เคลียร์แสตมป์มาแปะเล่ม ปรากฎว่าแสตมป์ไม่ครบตามใบเสร็จ ... เราก็บอกให้แม่นั่งรถกลับไปเซเว่นเดิม เราเองก็ไปด้วยและไปคุยกับเขาเพื่อเรียกให้ดู CCTV กันไปว่าให้ไม่ครบ แต่เพราะจบด้วยดีเถอะ ถึงไม่ได้มาขยายความต่อแบบนี้... #ฝากไว้ให้คิด #อะไรที่ไม่ได้พูดก็ใช่ว่าจะไม่มี นะคะ คือเราโชคดีไง แต่ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่นล่ะ? เค้าไปไกลแล้วมารู้ว่าได้ไม่ครบ ขาดไปแค่ 2-3 ดวง แต่แสตมป์นั้นแลกมากับการซื้อของ 100-150 บาท เงินมันไม่น้อยเลยนะคะ
===============
พอพูดถึงเรื่องบัตรเงินสดเซเว่น ก็นึกไปถึงตอนที่บัตรหาย... เพราะโดนขโมยเอาแต้มไปใช้
ตอนที่ Take Care เรื่องบัตรเซเว่นโดนขโมย เราแอบรู้สึกดีที่คุณฟังเราและรับผิดชอบให้อย่างสมควร อย่างที่บอกว่าตอนสมัครครั้งแรกใช้บัตรประชาชน แต่ตอนบัตรหาย (หายแบบไม่ใช่กรณีส่วนตัวของเจ้าของที่ทำหล่นเพราะสะเพร่าอะไรแบบนี้...) กลับช่วยอะไรไม่ได้นอกจากต้องเริ่มสะสมแต้มใหม่ มันก็ไม่ Make Sense ไงว่าในเมื่อรับผิดชอบไม่ได้แล้วเอาบัตรไปลงทะเบียนแต่แรกทำไม ... ตอนนั้นจำได้เลยว่าบัตรหายปุ๊บ เรากับแม่ย้อนกลับมาเส้นทางเดิมจนกลับมาสาขาเดิมพร้อมกับใบเสร็จใ้ช้บัตรครั้งสุดท้ายกับเจ้าหน้าที่ว่าบัตรหายที่นี่ แต่ไม่ได้บัตรคืน เพราะคนเอาบัตรไป คือชาวบ้านแถวนั้นที่เก็บได้แล้วเนียนไม่ฝากคืนเซเว่น (คนก็เห็นแก่ได้เกิน....) เราเก็บใบเสร็จนี้กลับไปโทรหา Call Center ก็พบว่าบัตรถูกใช้เอาแต้มไปแลกจานเมลานินที่สาขาที่ห่างออกไปจากสาขาที่เราทำบัตรหายประมาณ 500 เมตรได้ (-.,-") ก็โวยหนักเลย Comment ไปแรง จนสุดท้าย เขาก็ขอให้เราไปแจ้งความและส่งเอกสารหลักฐานเป็นเจ้าของบัตรนั้นไปให้สำนักงานใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานก็มีสำนักงานใหญ่ติดต่อกลับมาและทำเรื่องคืนแต้มให้แต่ต้องทำบัตรใหม่ ซึ่งตอนนั้นแต้มที่หายก็ 30000 กว่าแต้ม เพราะสะสมมาตั้งแต่คครั้งแรกของพรีเมี่ยมที่เป็นแคมเปญแสตมป์จังหวัด ... ตอนนั้นกับการบริการของ 7-Eleven ในเรื่องนี้ เราแฮปปี้มากเลยนะแต่มาเจอแบบนี้ ... แย่ค่ะ ... แบบนี้ไม่ดีแล้ว เสียความรู้สึกรุนแรง เพราะเรารู้ตัวไงว่าเออ ... สะสมแสตมป์ไหว รู้ตัวแต่แรกเลยเลือกใช้แสตมป์ ... เจอแบบนี้ บายค่ะ ... รู้สึกโดนเอาเปรียบ ซึ่งไม่เกี่ยวกับแลกช้าไม่ช้าไม่ทันชาวบ้าน ไม่ใช่นะคะ แต่คนเรามีความตั้งใจที่ต่างกันนะ และทุกคนก็พยายามที่จะเก็บเพราะเราเชื่อว่าทุกคนคิดเหมือนกันว่าเออ ... มันถึงวันที่ 15 นะ ยังมีเวลาตัดสินใจ ทุกคนคิดแบบนี้ไง และมันก็มีไม่น้อย และไม่ใช่เราแค่คนเดียวที่ไปโวยหรือ Comment เรื่องนี้ลำพัง เราไปเจออีกสาขา ก็ Comment ไม่ต้องจากเรา ปัญหาเดียวกันเลย (ซึ่งในขณะที่อีกแบรนด์ เค้าไม่มีปัญหาเรื่องนี้ในช่วงท้ายนะ แปะสื่อด้วย พนง. ก็แจ้งย้ำๆซ้ำๆเพราะเข้าใจกลไกแคมเปญ การสื่อสารเหมือนเท่าๆกันแต่เหมือนเขาทั่วถึงนะ ... เออ ทำไมล่ะ???)
สำหรับแสตมป์ 2000 ดวงในมือ ... อยากแลกของค่ะ ไม่อยากใช้เป็นเงินสดเลย หาทางออกที่ดีกว่านี้เถอะค่ะ
บายค่ะ ... ติดลบนะคะ เหมือนใจสลายยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก...
(จากลูกค้าที่บัตรหายเมื่อตอนที่มีแต้มอยู่ในบัตรที่ 30000 นิดๆ จนตอนนี้เก็บอยู่ที่ 58000 ก็ไม่อยากใช้ เพราะยังไม่ถึงจุดที่ของพรีเมี่ยมอยากได้มากถึงกับต้องเอาแต้มมาใช้ ... )
ขอ Comment โปรฯแลกของพรีเมี่ยมของ 7-Eleven เรื่องการใช้แสตมป์ในช่วงโค้งสุดท้าย
======================
เรื่องแรกเลยคือการเปลี่ยนแปลงโปรฯทั้งๆที่แจ้งไว้ตามกำหนดว่าหมดเขตวันที่เท่าไหร่....
นี่คือเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดเมื่อคืนนี้.... (ขอก๊อป Comment มาเลยนะคะ เพราะระบายไปเยอะ...)
เมื่อกี้ก็เกือบจะไปทะเลาะกับ พนง. เซเว่นมา เพราะไม่ให้แลกของพรีเมี่ยมนี่แหละ ประเด็นคือในมือเราตอนนี้มีเกือบๆ 2000 ดวง และตั้งใจจะแลกของพรีเมี่ยมไปแจกคนงานในบริษัท (คนงานเราก็ ... เข้าใจนะ โอกาสเค้าที่จะสะสมถึงก็น้อยกว่าเราที่เป็นนายจ้าง เราก็อยากให้อะไรเป็นการตอบแทนเค้าบ้าง อย่างน้อยก็ได้ของน่ารักๆให้ลูกๆคนงานได้ใช้ ... ซึ่งเราทำแบบนี้ทุกปีเลย มาปีนี้แหละที่ความตั้งใจมันสูญเปล่า ซึ่งบอกเลย ... เจ็บ!!!)
เมื่อราวๆสิ้นเดือน ต.ค. ก็ได้คำตอบจากสาขาโรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ว่าแก้ว Mug หมดแล้ว แต่ยังสามารถใช้แลกของอื่นๆได้ถึง 15 ธันวาคมนี้ เราก็เสียใจไปทีนึงละ วันนี้ว่างจากทำงานเร่งๆช่วงสิ้นปีก็ตั้งใจสุด กำแสตมป์ในมือ 2000 ดวงแบบแน่นมากๆ เข้าไปจะไปแลกของพรีเมี่ยม แต่ก็ได้รับคำตอบจากสาขาหมู่บ้านนักกีฬาว่า "ของพรีเมี่ยมหมดทุกอย่างแล้ว ทุกสาขา ทั่วประเทศ ไม่สามารถแลกได้ นอกจากต้องใช้เป็นเงินสดแทน..." แม่เราซึ่งเป็นสมาชิกบัตรเซเว่นก็โวยเลยค่ะว่าถ้าจะหมดก่อนแล้วจะบอกว่าหมดเขตวันนั้นวันนี้แบบนี้ ... จะบอกว่าให้แลกถึง 15 ธันวาคมแต่แรกทำไม ซึ่งเอาจริงๆป่ะคือคุณสามารถเพิ่มจำนวน order การจองในลักษณะ Pre-Order ก่อน จำนวนเท่าไหร่ ปิดแคมเปญ คุณก็ผลิตตามจำนวนคนที่มาแลก ให้ผู้บริโภคเค้าได้ตัดสินใจอย่างเต็มที่จนวินาทีสุดท้ายสิว่าจะแลกหรือจะใช้ซื้อของ (เราเคยได้ยินอีกแบรนด์ที่แจกแสตมป์เหมือนกันเค้าอธิบายขั้นตอนและเคยตอบว่าทำไมของบางอย่างต้องรอนานเป็นเดือนสองเดือน...ขอไม่พูดชื่อนะ ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) คือก็ไม่ใช่ให้มามัดมือชกซื้อแทนเงินสดแบบนี้ เพราะถ้าจะใช้นะ คงจะไม่เพียรบำเพ็ญสะสมแสตมป์มาจนถึง 2000 ดวงหรอกนะคะ ... เรารู้สึกว่าเซเว่นบีบผู้บริโภคเกินงามไปแล้วค่ะ เราเป็นผู้บริโภคยังรู้สึกไม่แฟร์เลย
อีกเรื่องต่อมาคือสื่อที่ติดที่แคชเชียร์ค่ะ พนง. เซเว่นคนหนึ่งที่สาขาหมู่บ้านนักกีฬาโวยกลับใส่แม่ของเราเหมือนกันว่า....
- ทางเราก็มีโฆษณาทางทีวีออกมา (เดี๋ยวๆ เธอ ... ฟังชะนีแบบเราก่อน ลด speed ตัวเองก่อนนะ ... TV มี CF เรื่องนี้จริง แต่นางอัพเดทไหมว่าของพรีเมี่ยมอะไรหมดแล้ว ต้องรีบแล้วนะ เดี๋ยวอีนี่หมดนะ อีนั่นหมดนะ บลาๆๆๆ ...)
- ทางเราแปะสื่อที่แคชเชียร์ (เดี๋ยวๆ ป้ายที่เธอแปะกันคือ A4 ขาวดำ ซึ่ง ... ลูกค้าของเธอมีสตรีผู้ชราภาพนะ อายุอานาม 50-80up งี้ นางๆก็ดี ลุงๆผู้เฒ่าก็ดี เค้าจะอ่านมั้ยอะ ขาวดำกลืนไปกับ Shelf ไม่ว่านะ ตัวอักษรก็ไม่ใหญ่นะคะ อย่างแม่ฉันเนี่ย อายุจะ 60 แล้ว ตาไม่ได้ไวว่องเหมือนสมัยสาวๆแล้วนะ ถ้านางไม่ใส่แว่นนางก็อ่านไม่ชัดแล้ว .... จริงๆ!!!)
- ทางเราก็ประชาสัมพันธ์ทาง Online .... (แล้วเธอคิดว่าคนไทย 100% เล่น Facebook เล่น Social Media กัน 100% เต็มไหม? มีคนที่เข้าไม่ถึงอีกมากมายนะ ทั้งไม่มีโอกาสเข้าและมีบางคนที่เค้าเลือกที่จะไม่เล่นอยู่แล้ว ... เช่นแม่ของฉัน เป็นต้น)
- "หรือจนกว่าของจะหมด" (อันนี้ไม่ได้อยู่ใน Comment จากพนักงานที่ไปรบมาที่สาขานะ แต่อ่านเจอ... เราว่ามันมีทางออกค่ะ และก็การที่คุณระบุมาก็เพื่อมากันปัญหาเข้าเนื้อตัวเองเรื่องลูกค้าโวยว่าเอาแสตมป์มาแลกไม่ทัน ... แต่ว่ามันก็น่าจะมีทางออกที่พบกันคนละครึ่งทางไหมคะ อย่างเช่นคุณอาจจะเพิ่ม choice ที่ว่าคุณไม่เอามาใช้เป็นเงินสด ก็แลกเป็นแต้มบัตรเซเว่นเข้าบัตรไป (50 แต้ม เท่ากับแสตมป์ 1 ดวง ลองเอาจำนวนมาหารดูก็ได้ค่ะ ... นี่เราเสนอทางออกให้นะคะ))
สิ่งที่เราไม่ชอบเลยคือการที่คุณให้เวลาผู้บริโภค แต่เปลี่ยนกติกา แล้วบีบลูกค้าเพื่อให้ตัวเองได้กำไร เราว่ามันไม่ใช่ คุณควรให้อำนาจการตัดสินใจแบบเต็มที่ การที่คุณจะจำกัดการผลิตสินค้าไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่การที่คุณจะเพิ่มจำนวนในช่วงสุดท้ายให้เป็นไปตามกติกาที่คุณกับเราซึ่งเป็นผู้บริโภคตกลงกันแต่แรกอีกสักหน่อย คุณจะได้ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่า VIP ที่ยังจะใช้บริการคุณต่อและมองภาพลักษณ์การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในแง่บวกนะ มันไม่ได้ทำให้คุณขาดทุนหรือกำไรน้อยลงไปมากมายนักหรอก ถ้าเทียบกับความยาวนานของการเป็นลูกค้ากับคุณ
เสียใจนะ .... อุตส่าห์เป็นลูกค้ามาแบบเหนียวแน่นและยาวนาน เจออะไรลบๆมาอย่างบัตรหายแต่รับผิดชอบอะไรไม่ได้เลย ทั้งๆที่ก็มีคำถามว่าจะให้ลงทะเบียนบัตรเงินสดด้วยบัตรประชาชนแต่แรกทำไม ... หรืออย่างกรณีพนักงานแอบโกงแสตมป์ลูกค้าแล้วเมินเฉย ซึ่งไม่รู้ว่าทำกับลูกค้าไปกี่คนแล้ว มันมีแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ คือ 1. พนักงานมีจำนวนแสตมป์ที่ต้องให้ลูกค้าตรงจอ Monitor อยู่แล้วว่า 1 บาทกี่ดวง 3 บาทกี่ดวง แต่พนักงานไม่ได้ใส่ใจไง คิดจะหยิบในลิ้นชักให้เท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งเป็นพนักงาน คุณจะมาคิดแทนลูกค้าไม่ได้นะว่าลูกค้าต้องการแสตมป์หรือไม่ต้องการ เขาจะอยากได้หรือจะเขวี้ยงทิ้ง นั่นสิทธิของเขา แต่หน้าที่คุณคือต้องแจกแสตมป์ตามที่จอบอก ตามที่ลูกค้าซื้อของ ซึ่งลูกค้าเนี่ย บางคนก็นับ บางคนก็เผลอไม่ได้นับ (แคมเปญ Line Friend & Sanrio นี้แสตมป์ 1 บาทกับ 3 บาทแทบจะคล้ายจนมองว่าเหมือนกัน... ผิดกับแคมเปญอื่นที่สีค่อนข้างเด่นชัดเจน ... หลายคนอาจจะบอกว่าก็ต่างนะ ก็แยกออกนะ ต้องนึกถึงลูกค้าคนชราด้วยสิ สายตาไม่ดี แสตมป์ก็ดวงเล็กอยู่แล้ว ....)
พอเราเจอกับตัว พึ่งออกจากร้านไม่ถึง 20 นาที (ปกติแม่เราซื้อของเซเว่นก่อนเข้าบ้าน ซึ่งเซเว่นกับบ้านห่างกันไม่ถึง 5 นาที) เราก็จะมีหน้าที่เคลียร์กระเป๋าเงินละ แม่จะเก็บใบเสร็จไว้ในกระเป๋าสตางค์ตลอด เพราะแม่บอกว่าต้องให้เราดูในใบเสร็จให้ว่า 1. แต้มเท่าไหร่ 2. ได้แสตมป์มากี่ดวง ... ถามว่าทำไม ... ใบเสร็จตัวเล็กไงคุณ แม่เราก็อายุเยอะแล้ว บางทีควักแว่นมาอ่านก็ไม่ใช่เรื่อง วันหนึ่ง เราก็เคลียร์กระเป๋า เคลียร์แสตมป์มาแปะเล่ม ปรากฎว่าแสตมป์ไม่ครบตามใบเสร็จ ... เราก็บอกให้แม่นั่งรถกลับไปเซเว่นเดิม เราเองก็ไปด้วยและไปคุยกับเขาเพื่อเรียกให้ดู CCTV กันไปว่าให้ไม่ครบ แต่เพราะจบด้วยดีเถอะ ถึงไม่ได้มาขยายความต่อแบบนี้... #ฝากไว้ให้คิด #อะไรที่ไม่ได้พูดก็ใช่ว่าจะไม่มี นะคะ คือเราโชคดีไง แต่ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่นล่ะ? เค้าไปไกลแล้วมารู้ว่าได้ไม่ครบ ขาดไปแค่ 2-3 ดวง แต่แสตมป์นั้นแลกมากับการซื้อของ 100-150 บาท เงินมันไม่น้อยเลยนะคะ
===============
พอพูดถึงเรื่องบัตรเงินสดเซเว่น ก็นึกไปถึงตอนที่บัตรหาย... เพราะโดนขโมยเอาแต้มไปใช้
ตอนที่ Take Care เรื่องบัตรเซเว่นโดนขโมย เราแอบรู้สึกดีที่คุณฟังเราและรับผิดชอบให้อย่างสมควร อย่างที่บอกว่าตอนสมัครครั้งแรกใช้บัตรประชาชน แต่ตอนบัตรหาย (หายแบบไม่ใช่กรณีส่วนตัวของเจ้าของที่ทำหล่นเพราะสะเพร่าอะไรแบบนี้...) กลับช่วยอะไรไม่ได้นอกจากต้องเริ่มสะสมแต้มใหม่ มันก็ไม่ Make Sense ไงว่าในเมื่อรับผิดชอบไม่ได้แล้วเอาบัตรไปลงทะเบียนแต่แรกทำไม ... ตอนนั้นจำได้เลยว่าบัตรหายปุ๊บ เรากับแม่ย้อนกลับมาเส้นทางเดิมจนกลับมาสาขาเดิมพร้อมกับใบเสร็จใ้ช้บัตรครั้งสุดท้ายกับเจ้าหน้าที่ว่าบัตรหายที่นี่ แต่ไม่ได้บัตรคืน เพราะคนเอาบัตรไป คือชาวบ้านแถวนั้นที่เก็บได้แล้วเนียนไม่ฝากคืนเซเว่น (คนก็เห็นแก่ได้เกิน....) เราเก็บใบเสร็จนี้กลับไปโทรหา Call Center ก็พบว่าบัตรถูกใช้เอาแต้มไปแลกจานเมลานินที่สาขาที่ห่างออกไปจากสาขาที่เราทำบัตรหายประมาณ 500 เมตรได้ (-.,-") ก็โวยหนักเลย Comment ไปแรง จนสุดท้าย เขาก็ขอให้เราไปแจ้งความและส่งเอกสารหลักฐานเป็นเจ้าของบัตรนั้นไปให้สำนักงานใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานก็มีสำนักงานใหญ่ติดต่อกลับมาและทำเรื่องคืนแต้มให้แต่ต้องทำบัตรใหม่ ซึ่งตอนนั้นแต้มที่หายก็ 30000 กว่าแต้ม เพราะสะสมมาตั้งแต่คครั้งแรกของพรีเมี่ยมที่เป็นแคมเปญแสตมป์จังหวัด ... ตอนนั้นกับการบริการของ 7-Eleven ในเรื่องนี้ เราแฮปปี้มากเลยนะแต่มาเจอแบบนี้ ... แย่ค่ะ ... แบบนี้ไม่ดีแล้ว เสียความรู้สึกรุนแรง เพราะเรารู้ตัวไงว่าเออ ... สะสมแสตมป์ไหว รู้ตัวแต่แรกเลยเลือกใช้แสตมป์ ... เจอแบบนี้ บายค่ะ ... รู้สึกโดนเอาเปรียบ ซึ่งไม่เกี่ยวกับแลกช้าไม่ช้าไม่ทันชาวบ้าน ไม่ใช่นะคะ แต่คนเรามีความตั้งใจที่ต่างกันนะ และทุกคนก็พยายามที่จะเก็บเพราะเราเชื่อว่าทุกคนคิดเหมือนกันว่าเออ ... มันถึงวันที่ 15 นะ ยังมีเวลาตัดสินใจ ทุกคนคิดแบบนี้ไง และมันก็มีไม่น้อย และไม่ใช่เราแค่คนเดียวที่ไปโวยหรือ Comment เรื่องนี้ลำพัง เราไปเจออีกสาขา ก็ Comment ไม่ต้องจากเรา ปัญหาเดียวกันเลย (ซึ่งในขณะที่อีกแบรนด์ เค้าไม่มีปัญหาเรื่องนี้ในช่วงท้ายนะ แปะสื่อด้วย พนง. ก็แจ้งย้ำๆซ้ำๆเพราะเข้าใจกลไกแคมเปญ การสื่อสารเหมือนเท่าๆกันแต่เหมือนเขาทั่วถึงนะ ... เออ ทำไมล่ะ???)
สำหรับแสตมป์ 2000 ดวงในมือ ... อยากแลกของค่ะ ไม่อยากใช้เป็นเงินสดเลย หาทางออกที่ดีกว่านี้เถอะค่ะ
บายค่ะ ... ติดลบนะคะ เหมือนใจสลายยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก...
(จากลูกค้าที่บัตรหายเมื่อตอนที่มีแต้มอยู่ในบัตรที่ 30000 นิดๆ จนตอนนี้เก็บอยู่ที่ 58000 ก็ไม่อยากใช้ เพราะยังไม่ถึงจุดที่ของพรีเมี่ยมอยากได้มากถึงกับต้องเอาแต้มมาใช้ ... )