เคยไหมเมื่อคบกับแฟนตัวเองอยู่แล้วหมดรักเพราะความห่างไกลและวันนึงก็ได้คุยกับคนๆนึงเลยทำให้สับสนมาก

สวัสดีครับเพื่อนๆ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่อยากจะมาระบายความในใจให้เพื่อนๆได้ฟังกันเกี่ยวกับปัญหาของความรักนะครับ ถ้าเนื้อเรื่องหรือภาษาที่ใช้อ่านไม่เข้าใจอย่าว่ากันนะครับเพราะผมเรียบเรียงเรื่องหรืออธิบายไม่ค่อยเก่ง บอกก่อนผมเป็น ชาย รักกับ ชายนะครับ

ผมขอเกิ่นไปตอนแรกที่ผมกับแฟนคบกันนะครับ...

....ความรักของผมกับแฟนเริ่มต้นเมื่อ 2 ปีก่อน เริ่มต้นเราเจอกันที่กรงเทพก็ได้ทำความรู้จักกัน ตอนนั้นที่เจอกันครั้งแรกเราได้แลกเฟซบุ๊กกันครับ เริ่มคุยกันมาเรื่อยๆ หลังจากนั้นเค้าก็ต้องกลับต่างจังหวัดที่ภาคเหนือเพราะบ้านเกิดเขาอยู่ภาคเหนือ ที่ขึ้มากรุงเทพเพราะมารับอีเว้นท์ ต่อครับหลังจากไนั้นเราก็คุยกันเรื่อยๆ ผ่านเฟซบุ๊กทุกวัน ตื่นเช้ามาก็จะมีข้อความมอนิ่งกันทุกเช้าช่วงนั้นทำให้รู้สึกว่ามีคนที่ทำให้เราไม่เหงา อยากคุยอยากทักหาทุกเวลาเลยครับ มันมีความสุขมากๆ จากการที่ได้คุยศึกษากันเป็นเวลาร่วม 2 เดือนเขาก็ได้บอกเราว่าอีกไม่เกินเดือนเขาจะต้องไปรับราชการทหารเพราะเมื่อต้นปีเขาจับได้ใบแดง ซึ้งตอนนั้นเราก็ใจหายนะ ใจก็คิดว่าถ้าไปเป็นทหารแล้วเราคงไม่ได้คุยแบบนี้แน่ๆ  ตอนนั้นผมก็เลยชวนเขาไปถือศีลเพื่อจะทำให้เราได้เจอกันครั้งที่ 2 ก็เลยชวนเขาไปถือศีลที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ เขาก็ตอบตกลงว่าจะมา....หลังจากนั้นเราก็ได้ไปเจอกันที่เพชรบูรณ์คืนแรกนั้นเราไปนอนที่บ้านเพื่อนของผมที่เพชรบูรณ์ เพื่อนของผมก็จัดให้นอนห้องเดียวกัน2คนส่วนเพื่อนผมนั้นนอนอีกห้อง 1 ตอนที่เจอกันที่เพชรบูรณ์คือเราทั้งสองคนต่างคนต่างเขิลพูดกันไม่ค่อยเยอะ เหมือนกับตอนแชทเฟซเลย เพราะมันไม่ชินที่จะต้องคุยต่อหน้ายอมรับว่าเขิลกันมากจริงๆ หลังจากนั้นเราก็เขานอนกันครับผมบอกให้เขานอนเตียงข้างบนส่วนผมขอนอนฟูกข้างล่างเอง นอนไปได้สักพักอยู่ดีดีเขาก็โน้มตัวลงมาจูบ...ผมก็อึ้งไปสักพักนึงก็เลยแกล้งพูดไปว่าต้องรับผิดชอบนะ เลยลองใจพูดอีกว่าแป็นแฟนกันนะ เขาก็ตอบตกลงทันที ผมถามเขาต่อแน่ใจนะ เขาตอบผมกลับมาว่าเขามั่นใจแล้ว เพราะที่เราคุยกันจนมาเจอกันเป็นเวลาเกือบสามเดือนครับ หลังจากนั้นเราก็เป็นแฟนกันในคืนนั้น...ต่อตื่นเช้ามาเพื่อนก็มาปลุกพร้อมที่จะขึ้นไปถือศีลกัน เราขึ้นไปถึงศีลกันประมาณ 5 วันได้มีเพื่อญาติของเพื่อนและก็ผมและก็เขา ตอนระหว่างที่เราขึ้นไปถือศีลก็มีความสุขมากๆ เลยครับเหมือนได้ทำอะไรดีดีร่วมกับคนที่เรารัก ต่อมาประมาณวันที่ 3 หรือที่ 4 ของการถือศีลนิแหละ ผมงอนอะไรเขาไม่รู้ ผมก็เลยเงียบไม่คุยกับเขาแต่เขาก็พยามที่จะง้อแต่ผมก็เลือกที่จะเงียบ แต่ความพยามของเขาก็ไม่หยุดง้อนานมากหลายชั่วโมงครับ เขาเห็นว่านานแล้วไม่สำเร้จสักทีเขาเลยไปซักผ้าโดยที่เขาเอาผ้าเราไปซักให้ด้วย จนทำให้เราหายโกรธเลยครับตอนนั้น แบบรู้สึกผิดไปเลยที่ทำให้เขาอึดอัดก็เลยใจเย็นขึ้นมาหน่อย...หลังจากพอเขาซักผ้าเสดเราหายงอนนิดๆ แต่ในหัวคือเราคิดอะไรไม่รู้เลยชวนเขาเดินลงมาข้างวัดตอนนั้นเป็นช่วงประมาณ 4 เกือบ 5โมงเย็นก็เดินและก็คุยกันมาเรื่อยๆ แต่การุยนั้นเป็นบรรยากาศที่อึมครึมมากครับ ผมคิดรู้สึกผิดที่ทำให้เขาลำบากผมเลิกบอกเลิกเขาในวันนั้นให้เหตุผลที่ว่าไม่อยากให้เขามาทนกับนิสัยงี่เง่าของผมเพราะถ้าคบนานเราก็จะยิ่งผูกพันธ์ให้มันจบวันนี้ดีกว่า และเชื่อไหมว่าทันที่ที่ผมบอกเขาไปเขาพูดเสี่ยงสั่นต่อมาเขาก็โผเข้ากอดผมทั้งน้ำตาว่าไม่เลิกได้ไหมกลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะ...ซึ้งตอนนั้นใจผมวูบมากทำให้รู้สึกผิดเข้าไปอีกน้ำตาผมเกือบจะไหลแต่ต้องทำตัวให้เหมือนเข้มแข็งเพราะเขากำลังร้องไห้อยู่ และที่ผมเห็นเขาร้องไห้มันทำให้ผมมั่นใจได้อีกว่าเขารักผมจริงผมเลยบอกเขาว่าขอโทษไม่เลิกแล้วและเราก็กลับมาคืนดีกันครับ ผมรักเขามากครับวินาทีที่เขากอดเราร้องไห้มันเป็นการตอกย้ำว่าเขาจะรักผมและไม่ไปไหนเราทั้งคู่ต่างมั่นใจแล้วที่จะคบกันจริงๆจังๆ ผมมีความสุขมากครับที่ได้คบกับเขา หลังจากนั้นเราก็ถือศีลกันเสดก็ร่ำลาเพื่อนกลับกรุงเทพโดยที่แฟนของผมนั้นก็กลับกรุงเทพพร้อมกันด้วยเพราะเขาได้วางแพลนที่จะไปหาเพื่อนที่กรุงเทพด้วยเพื่อจะได้ไปร่ำลาก่อนไปเป็นทหารรับใช้ชาติเป็นเวลา 1 ปี....พอถึงกรุงเทพต่างคนก็ต่างแยกย้ายผมก็กลับบ้านเขาก็ไปอยู่กับเพื่อนที่หอครับ เราก็ได้นัดกันมาเดทแรกดูหนังกินข้าวและก็ถ่ายรูปใช้เวลาร่วมกันมีความสุขมากครับช่วงนั้นและก็ถึงวันที่แฟนผมต้องกลับต่างจังหวัด เราก็จะคุยโทรหากับและก็แชทหากันตลอดจนเมื่อถึงวันสุดท้ายที่เขาจต้องไปเป็นทหารล่ะ ผมร้องไห้เลยครับ เขาก็โทรมาร่ำลาบอกคำสัญญาหลายๆ อย่างว่าจะกลับมาจะรักกันตลอดนั่นนู่นนี่ครับ ผมก็เก็บคำสัญญาของเขาเป็นอย่างดีตั้งแต่เขาไปเป็นทหารเขาฝึกคือไม่ได้คุยกันเลยเหงามากๆ แต่ผมก็ไม่เคยคุยกับคนอื่นเลยตั้งใจเฝ้ารอที่เขาจะกลับมารออยู่สามเดือนจนเขาฝึกเสร็จ ก็ได้คุยกัน หลังจากนั้นก็ได้คุยกันเรื่อยเพราะเขาฝึกเสร็จแล้ว เขาก็ลาทหารมากลับมาเยี่ยมครอบครัว หาเพื่อนและสุดท้ายก็ขึ้นมาหาผมที่กรุงเทพ เราก็เที่ยวด้วยกันครับ แต่ผมก็เริ่มรู้สึกเขาเปลี่ยนไปนิดๆ ช่วงนั้นก็เลยงอนมีทะเลาะกันบ่อยๆ เพราะผมจะติดเขามากคือแบบเค้าต้องคอยรายงานผมตลอด ผมเป็นคนที่ติดแฟนด้วยส่วนหนึ่งและก็เพราะเวลาที่เราหายไปตอนที่เขาไเป็นทหารมันทำให้ผมอยากอยู่กับเขาและติดเขามากเกินไปครับ ช่วงนั้นเขาก็กลับเขากรม...เราก็จะมีเวลาคุยตอนช่วงตีห้าก่อนเขาจะตื่นไปวิ่งและก็ตอนก่อนเขาจะนอนบ้าง ก็แบบมีทะเลาะมีงอนกันบ่อยและถี่จริงๆ ช่วงนั้น มีอยู่วันนึงครับด้วยความที่ผมงอนและก็คิดไปต่างๆ นานาน้อยใจแฟนว่าถ้าออกทหารจะมาอยู่ด้วยกันที่กทม.ไหมเหมือนเขาพูดว่าไม่ค่อยอยากมาเลยทำให้ผมงอนเพราะคำพูดเค้าดูเปลี่ยนไปไม่เหมือนก่อนที่จะไปเป็นทหารเหมือนเขาอยากจะมาอยู่กับเรา เนี่ยครับผมเลยงอนเขาเลยนอยด์พูดกับเขาทางมือถือว่า เราอยู่ไกลกันขนาดนี้จะเป็นไปได้หรอความรักเราบลาๆๆๆ เราห่างกันไหม เขาก็เลยพูดกลับมาแบบเยือกเย็นขอให้ผมโชคดีนั่นนู่นนี่คือพูดแบบไม่ง้อ...ผมเลยใจเสียครับเลยพูดรั้งเขาไว้ แต่เขาก็พยามยืนยันคำเดิมว่าเลิกและเขาจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วแต่ยังเป็นเพื่อนกันได้!! วันนั้นผมช็อคมากครับร้องไห้หนักจนพ่อกับแม่ต้องเขามาดูแล และก็ได้คุยกับแฟนผมทางโทรศัพ ผมเสียใจมากถึงมากที่สุดในตลอดระยะเวลาที่รอเขามาคอยแชทบอกเรื่องราวในชีวิตประจำวัดตอนเขาฝึกทหารรอเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ได้ผลตอบแทนกับคำว่าเลิก แต่ผมก็ยังพยามรั้งเขาไว้ครับพอตื่นเช้ามาตี5ผมก็รับโทรหาเขาเขาก็รับผมขอให้เขากลับมาเหมือนเดิมเขาก็บอกว่าโอเคกลับมาคบเหมือนเดิมแต่มันก็มีความรู้สึกเปลี่ยนไปครับเขาเหมือนเปลี่ยนไปมากดูก็ไม่ค่อยสนใจเหมือนเดิมแต่ผมก็ปรับตัวทำเพื่อเค้ารั้งเขาให้เขาอยู่ยอมเขาตลอดเลยช่วงนั้น พยามเป็นคนไม่งี่เง่าช่วงนั้นผมเป็นไปมากแทบเปลี่ยนเป็นคนละคนผมยอมปรับตัวเพื่อร้งเขาไม่ไห้เขาเลิก ช่วงนั้นคือไม่มีการงอนเลยน้อยใจอะไรผมก็เก็บไว้ในใจคนเดียวเพราะถ้าไปน้อยใจใส่แฟนเด่วเขาจะพาลเบื่อและบอกเลยไอีกเรียกง่ายดีไปโดยปริยาย  

ต่อพรุ่งนี้นะครับผมง่วงแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่