สอบTOEIC อย่างไร ไม่ต้องอ่านอะไรมาก็ได้ 900+

กระทู้สนทนา
คำเตือนก่อนอ่าน : ทั้งหมดในนี้ เป็นวิธีการของผมเอง อาจไม่เหมาะกับทุกคน และ ผมอาจเขียนกระชับไปหน่อย อาจดูไม่สุภาพ ขออภัยมาใน ณ ที่นี้
สวัสดี เพื่อนๆ และ พี่น้องทุกคน กระทู้นี้ถูกสร้างขึ้น ไว้ตอบคำถาม เพื่อนพี่น้อง ที่เคยถามผมว่า สอบยังไง ให้ได้คะแนนเยอๆ ผมเลยคิดว่า ตั้งกระทู้เขียนไว้เลยดีกว่า ถ้ามีใครถามก็กอปลิงค์กระทู้นี้ให้อ่าน เพราะผมอธิบายไม่เก่ง และผมก็คิดว่าไหนๆก็ไหนๆ เขียนลงพันทิปเลยดีกว่า เพื่อแชร์วิธีของผมให้คนอื่นๆลองนำไปใช้ได้ด้วย  แต่ด้วยความที่อธิบายไม่เก่งอยู่แล้ว การเขียนกระทู้นี้ก็คงไม่ต่างกันมาก 555 ก่อนอื่น เพื่อให้เป็นหลักฐานว่า ผมไม่ได้มั่วๆขึ้นมาเอง ขอภาพปลากรอบครัช



ในกระทู้นี้ ผมขอแบ่งเป็นสองส่วน คือ วิธีเตรียมตัวก่อนสอบ และเทคนิคตอนสอบนะครับ

ในส่วนของตอนเตรียมตัวก่อนสอบ แน่นอนว่า การนั่งทำข้อสอบเก่า ก็เป็นวิธีที่ดี แต่มันก็น่าเบื่อไปหน่อย เราลองปรับเปลี่ยนกิจกรรมในชีวิตซักนิดซักหน่อยดีกว่า
การฝึกในส่วนของListening หลายๆคนแนะนำว่า ให้นั่งดูหนัง/ฟังเพลง ที่เป็นภาษาอังกฤษ แต่ เราไม่ได้มีเวลามากพอจะดูหนังทุกวัน ส่วนฟังเพลง ตอนสอบเค้าไม่ได้ร้องเพลงให้ฟัง ถ้างั้นทำยังไงดี? ตัวผมใช้การดู Youtube ครับ โดยปกติ คลิปในYoutube มักจะมีช่วงเวลาประมาณ 10 นาที ซึ่งเหมาะกับการดูระหว่างการเดินทาง คลิปที่ดูจะเป็นอะไรก็ได้ แต่การดูคลิปที่Channelใหญ่ๆดังๆ ทำขึ้นมาจะพูดถึงเรื่องที่ใกล้ตัวกว่า ศัพท์ที่ใช้ในคลิปก็ไม่ได้ยากมาก Channel ที่ผมดูบ่อยๆ และแนะนำให้ดูก็คือ Nigahiga, REACT, Fine brothers Entertainment, Smosh, Explosms Entertainment

การฝึกในส่วนของ Grammar และ Reading หลายๆคน ไปเรียน Grammar เรียน Readingมา แต่จำไม่ค่อยได้ อ่านช้า นั่นเป็นเพราะ เราไม่ค่อยได้ใช้ในชีวิตประจำวันบ่อยๆ การอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษก็เป็นไอเดียที่ดี แต่บางทีมันก็น่าเบื่อ งั้นเราอ่านอะไรดี? ผมแนะนำให้ อ่าน Blog หรือ เข้าเว็บพูดคุย ตั้งกระทู้ตอบคำถาม ฯลฯ อย่าง Reddit หรือ 9gag   Reddit จะคล้ายพันทิปที่มีคนตั้งกระทู้ตอบคำถามต่างๆ มีการdiscussion ในแทบทุกเรื่อง และมีผู้ใช้เป็นจำนวนมาก การหาหัวข้อที่เราสนใจจะอ่านในเว็บReddit เป็นเรื่องง่ายมาก ส่วน9gag เป็นเว็บไซท์คลายเครียดมากกว่า เว็บนี้จะมีคนโพสท์ ภาพตลกๆ หรือแคปชั่นรูปขำๆมาให้อ่าน แต่บางครั้งก็มีโพสท์ที่มีสาระเข้มข้นโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆเหมือนกัน
ด้าน Vocabulary การเปิดดิคท่องศัพท์ค่อนข้างเสียเวลาไปหน่อย เราเอาคำที่ได้จาก Blog ต่างๆ หรือ Reddit เนี่ยล่ะ มาอ่าน โดยคำหลักๆที่เอามาเปิดหาความหมาย ควรจะเป็นคำทั่วๆไป ที่มีใช้บ่อยๆ แต่เราไม่รู้ความหมาย เพราะในข้อสอบ ส่วนของเติมคำในประโยค เค้าไม่ได้เอาศัพท์ยากๆมาออก แต่เป็นคำทั่วๆไปเนี่ยแหละ



คราวนี้เรามาพูดถึงตอนสอบดีกว่า ว่าทำยังไงดีถึงจะทำทัน ทำยังไงถึงจะฟังบทสนทนารู้เรื่อง Reading ตัวหนังสือพรืด แต่ให้เวลาแค่75นาที ผมจะขอแชร์วิธีการของผมในส่วนนี้นะครับ

Section 1: Listening Comprehension (100 ข้อ เวลาสอบ 45 นาที)
ส่วนของการฟัง ต้องใช้สมาธิสูงมาก เพราะบางครั้ง คำที่พูดออกมา อาจเป็นคำที่ออกเสียงคล้ายกัน แต่ความหมายต่างกัน หากเผลอไปวูบเดียว จะงงไปทั้งข้อ บางข้อ หรือบางบทสนทนา ผู้พูดอาจจะพูดเร็วมากจนเราฟังไม่ทัน สิ่งที่เราทำได้คือการจับคำหลักๆให้ได้มากที่สุด ส่วนมากจะอยู่ตรงต้นและท้ายประโยค ถ้าจับหัวท้ายได้ คำตอบก็อยู่ในมือเราแล้ว

Part 1 Photographs 10 ข้อ
พาร์ทนี้ไม่ยาก มีรูปมา แล้วก็ฟังว่าข้อไหนอธิบายรูปได้ถูกที่สุด วิธีทำของผม ง่ายๆคือ ใช้การจ่อ โดยจ่อดินสอไว้ที่ข้อ A ถ้าฟังแล้วไม่ใช่ เลื่อนต่อไปที่ข้อB หากคิดว่าใช่ ให้จ่อค้างไว้แล้วฟังข้อCและDให้จบ ถ้าไม่มีอันไหนที่ใกล้เคียงกว่า ให้ฝนข้อBไปเลย วิธีนี้ ทำให้ถ้าเกิดไม่มั่นใจขึ้นมา ยังมีโอกาสมั่วถูก เพราะ บางคน ฟังครบ4ข้อ ดันลืมไปแล้วว่าข้อAและB พูดว่ายังไง
คำเตือน บางข้ออาจใช้คำที่ออกเสียงใกล้เคียงกัน หรือพูดถึงคน/ของที่มีอยู่ในรูป แต่ไม่เกี่ยวกัน ตั้งใจฟังดีๆทั้งประโยค

รูปที่ให้มาจะเป็นแนวๆนี้


Part 2 Question-Response 30 ข้อ
พาร์ทนี้ ไม่ให้อะไรเลย ต้องฟังทั้งคำถามและข้อคำตอบ ซึ่งมีทั้งโจทย์ที่เป็นประโยคคำถาม และเป็นประโยคบอกเล่า ข้อที่เป็นประโยคคำถาม ส่วนใหญ่จะเป็นWh-question (what where when why How) หรือYes-No ถ้าจับคำถามได้ว่าเป็นคำถามแบบไหน ก็หาคำตอบได้ไม่ยาก เช่น ถามWhen….. ก็หาคำตอบที่พูดถึงเวลาอย่าง yesterday, at nine p.m. บางข้อเป็นคำถาม Tag question แบบ don’t you? Isn’t it? อันนี้ตอบYes-No หรืออะไรก็ว่าไป
ส่วนข้อที่เป็นประโยคบอกเล่า จะเป็นประโยคทั่วๆไป เหมือนพูดลอยๆขึ้นมา เราก็ฟังเอาว่าข้อไหนเป็นการตอบสนองต่อประโยคนั้นได้ดีที่สุด เช่น Nice weather today. คำตอบก็ควรจะเป็นแนว Let’s go to the park. อะไรแบบนี้


Part 3 Conversations 30 ข้อ
พาร์ทนี้ มีบทสนทนา 10 บท 1 บทมีสามคำถาม ซึ่งคำถามและชอยส์มีให้แล้ว ตอนขึ้นPart 3 ผมจะรีบอ่านคำถามและชอยส์ของบทสนทนาแรกไปก่อน พอเทปบันทึกเริ่มบทสนทนาแรก ให้เราฟังและเตรียมตอบคำถามไปด้วย ซึ่งคำถามจะเรียงตามบทสนทนา ดังนั้น หากได้ยินคำตอบของคำถามข้อแรกแล้ว ให้ฝนแล้วเลื่อนไปดูข้อสองต่อทันที ซึ่งเราจะได้คำตอบครบทั้งสามข้อหลังที่บทสนทนาจบพอดี ในระหว่างที่เทปบันทึกกำลังอ่านคำถาม ให้เราไปไล่อ่านคำถามของบทสนทนาต่อไปเลย วิธีนี้ อันตรายตรงที่หากหลุดไป1ข้อ  อาจจะรวนได้ แต่มีข้อดีตรงที่เราไม่ต้องกลัวว่าเราจะลืมว่าบทสนทนาพูดอะไรไปบ้าง และตอบถูกแน่นอน บางข้อ คำถามในชอยส์จะตรงกับคำถามในบทสนทนาพอดี หาคำตอบง่ายมาก
คำเตือน หากฟังไม่ทันจริงๆ ให้เลิกใช้วิธีนี้ แล้วฟังบทสนทนาให้จบ แล้วตอบทีละคำถาม


Part 4 Short Talks 30 ข้อ
พาร์ทนี้ จะมีคนพูดยาวๆอยู่คนเดียว ใช้วิธีเดียวกับPart 3 ก็ได้ แต่Part นี้จะยากกว่า ตรงที่ว่า มีคนพูดคนเดียว ซึ่งไม่มี คำถามให้เราจับได้ในชอยส์ และพูดเร็ว ทางที่ปลอดภัยกว่าคือฟังให้จบแล้วตอบทีละคำถาม
หมายเหตุ วิธีที่ผมใช้ในPart 3 และ 4 ค่อนข้างยาก เพราะต้องแยกประสาทหูและตา คนที่ดูหนังอ่านซับบ่อยๆ น่าจะใช้วิธีนี้ได้ ซึ่งถ้าไม่ชัวร์ ก็ฟังบทสนาทนาให้จบแล้วตอบดีกว่า



Section 2: Reading Comprehension (100 ข้อ เวลาสอบ 75 นาที)
Section นี้ ต้องใช้ทักษะด้าน Grammar และ Scanning และต้องรีบทำด้วย ห้ามลังเล ไม่งั้นทำไม่ทันแน่ๆ Part 5 กับ 6 ไม่มีเทคนิคพิเศษใดๆช่วย นอกจากความเร็วกับSkill Grammar + Vocab ติดตัวเท่านั้น

Part 5 Incomplete Sentences 40 ข้อ
พาร์ทนี้วัดทักษะGrammar ล้วนๆ ไม่มีอะไรมาก วิธีทำก็คือ ดูให้ออก ว่าช่องที่ว่างอยู่ ควรเป็น Noun verb adjective หรือ Adverb ระวังเรื่องการใช้Tenseด้วย


Part 6 Text Completion 12 ข้อ
พาร์ทนี้ยากขึ้น เพราะต้องใช้ทั้งGrammar และVocab คำถามจะเป็นแนว จดหมาย หรือประกาศ ยาวๆ ซึ่งจะคล้ายๆพาร์ท 5 ที่ต้องเติมประโยคให้เต็ม แต่คราวนี้มันมาเป็นparagraph โดยปกติ ผมจะอ่านแค่ประโยคข้างหน้า ข้างหลัง และประโยคที่มีช่องว่าง เท่านั้น ประโยคอื่นๆที่เหลือเป็นน้ำเฉยๆ


Part 7 Reading Comprehensives 48 ข้อ เป็นSingle passage 28คำถาม (ปกติจะเป็น 7 เรื่อง เรื่องละ 4 คำถาม) และ Double Passages 20 ข้อ (มักจะเป็นอีเมล์ ถาม ตอบ ไม่แน่ใจว่า มี 4 หรือ 5 เรื่อง)
พาร์ทนี้คือพาร์ทฆ่าคน เพราะส่วนใหญ่เสียเวลาอ่าน วิธีที่ดีที่สุดของผมคือ ไม่ต้องรู้ทุกอย่างที่มันเขียน ดูคร่าวๆว่า แต่ละ Paragraph พูดถึงอะไรก่อนพอ แล้วไปอ่านคำถาม จากนั้นค่อยแสกนหาคำตอบในParagraph แต่ละ Paragraph ถ้าแสกน 2-3 รอบแล้วไม่เจอ เดาไปซักข้อแล้วไปดูคำถามต่อไปก่อนเลย อย่ามัวเสียเวลา ทำให้เสร็จทุกข้อดีกว่ามาดิ่งตอนท้าย เพราะถ้าอย่างน้อย เสร็จแล้วยังมีเวลาเหลือ เราสามารถย้อนมาหาคำตอบข้อที่เดามั่วได้
ปล. อย่ามองข้ามรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างบนหัวกระดาษ หรือ ท้ายกระดาษ บางข้อผมเสียเวลาหาในtextตั้งนาน กว่าจะเหลือบเห็นว่าคำตอบ มันอยุข้างบนนี่เอง



และนี่คือเทคนิควิธีคร่าวๆ ที่ผมใช้ในตอนสอบทั้งหมด การทำข้อสอบToeic ต้องมีประสบการณ์คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษพอสมควร จึงจะทำได้อย่างลื่นไหลดั่งสายน้ำ หวังว่ากระทู้นี้จะให้ไอเดียอะไรๆแก่คนอ่านทุกคนได้บ้าง และขอขอบคุณที่สละเวลามาอ่านกระทู้แชร์วิธีสอบของผม แม้มันจะอ่านยากก็ตาม 5555
อย่างไรก็ตาม ผมก็ขออภัยมาใน ณ ที่นี้ หากคำพูดใดในเนื้อหาอาจไม่เหมาะสม สวัสดีครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่