สวัสดีทุกคนนะคะ นี้เป็นกระทู้แรกเลย เป็นกระทู้ให้กำลังใจตัวเองตอนอกหัก แบบฉบับเราเองงงงง
ที่เขียนกระทู้นี้ได้นี้เพราะอกหักมาก่อนไง แล้วนกก็เยอะ!!! เราเลิกกับแฟนมาได้ 6 เดือนแล้ว เฮฮาตามประสาคนโสดแต่ไม่เหงามากมายอะไร เข้าเรื่องดีกว่าเดี๋ยวจิยาวถึงดาวอังคาร
จริงๆคนที่ไม่ยอมเลิกกับแฟน ทั้งที่เขาทำร้ายหัวใจเรา ทำให้เราร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง ก็มีหลายสาเหตุ
รักมากจนคิดว่าชาตินี้จะรักใครมากกว่านี้ไม่ได้(อย่าคิดว่าไม่มีนะคะ เพื่อนเราเลย)
ไม่ได้รักมากกมายแต่ไม่อยากเหงา (อันนี้ไม่ต้องถามใครเลย เราเคยเป็นข้อนี้)
กับ ไม่ยอมเลิกเพราะอายคนอื่น (อันนี้ไม่รู้ว่ามีมั้ย แต่ก็เขียนลงไปก่อน)
และ ขาดเขาไม่ได้ (อันนี้คิดว่ามีแน่นอน)
เราแค่อยากจะบอกทุกคนว่า ความโสดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อาจมีเหงาๆ คิดถึง นึกถึงเขาบ้างก็ปล่อยไปเถอะ อย่างน้อยจะได้รู้ว่า เรายังมีหัวใจที่ยังรักได้อยู่ เคยได้ยินเขาบอกกันว่า “เวลาเยี่ยวยาทุกสิ่ง” อันนี้ใช้ได้จริงนะ แต่ก็ต้องการเวลา เราเองก็เป็น คิดถึงเขาแต่จะให้เรากลับไปคบก็ไม่เอาดีกว่า เราคิดว่า หนังสือเล่มเก่าอ่านยังไงก็จบเหมือนเดิม เนื้อเรื่องเหมือนเดิม เราไม่อยากกลับไปจำเจกับเหตุการณ์เดิมๆในหนังสือแล้ว แต่เรากลับคิดว่า เรามีเวลามากพอที่จะไปเดินดูหนังสือดีๆที่เหมาะกับตัวเอง เลือกหนังสือที่เราไม่เคยอ่าน ไม่รู้ตอนจบ ไม่รู้เนื้อเรื่อง แต่การเลือกครั้งนี้ต้องเลือกที่เหมาะกับตัวเอง ถ้าสุดท้ายหนังสือเล่มใหม่จะไม่เหมาะกับเรา ก็วางลงแล้วค่อยๆหาไป อย่าไปรีบเร่งอะไร เราเชื่อว่า ‘จะมีความรักดีๆที่เหมาะกับเรา’ อันนี้เป็นการให้กำลังใจตัวเองเนอะ แบบฉบับเรา
ทำยังไงไม่ให้เหงา อันนี้ยากหน่อย เราชอบอยู่คนเดียว ชอบนอนอืดบนเตียง เพื่อนก็เลยไม่ค่อยสนใจความรู้สึก แต่ก็ไม่ได้แคร์อะไร ดีซะอีก ถ้าเราร้องไห้ปุ๊บแล้วเพื่อนปลอบเราโครตรำคาญเลยถึงมันจะหวังดีก็เถอะ อีกอย่างตอนเลิกกับแฟน คนแรกที่นึกถึง คือ พี่ชายของเรา นางก็โทรหาเราทุกวันกลัวน้องเหงา ไอ่เราต้องบอกไปว่า “ยูววววว น้องโอเค เลิกโทรหาทุกวันได้มั้ย น้องก็รำน๊าาาา” กลายเป็น โทรมาอาทิตย์ละครั้ง เห็นความสันโดษของชีวิตเรายัง
คือเราบ้าเกาหลี บ้าซีรีย์และบ้าผู้ชาย บ้านิยายด้วยค๊า หลังจากเลิกกันกลัวฟุ้งซ่านก็จัดทวิตเตอร์แบบหนักหน่วงมาก 140 อักษร ระบายเพราะเราเชื่อว่า สังคมในทวิตกับเฟซแตกต่างกัน บ่น ด่า ระบายเราจะอยู่ในทวิตเนี่ยแหละ แต่..ในเฟซจะกลายเป็นผู้หญิงอารมณ์ดี บ้าบอ ทั้งที่จริงๆอกตรมมากกก
ตอนนั้นเรานอนดูซีรีย์แบบเช้าถึงเช้าอีกวัน ดูแบบหยุดไม่ได้ ยิ่งตามศลป.เกาหลีนะ พูดเลยยาวค๊า เพราะเราติ่งเอสเจ แค่ตามข่าวก็แทบไม่ค่อยว่างเลย ก็เลยดูมีอะไรทำในชีวิต ไปเดินเปย์ชีวิตตัวเองที่งานมหกรรมหนังสือ ไปเดินซื้อเครื่องสำอางด้วยการซื้อแป้งมา 3 ลิปอีก 5 สบายตัวแต่ไม่สบายกระเป๋าเลย
จริงๆก็ไม่มีอะไร เราแค่บอกกับตัวเองว่า ‘เราไม่ได้มีชีวิตผูกติดไว้กับใคร เขาจากเราไปแต่เราต้องอยู่ให้ได้ อยู่เพื่อพ่อกับแม่ คนที่รอดูความสำเร็จของเรา’ ต้องพูดกันตรงๆ ในวันแรกที่เลิกกัน ร้องไห้จนนอนไม่หลับ อาศัยยานอนหลับบางครั้งแต่ก็ไม่บ่อย น้ำหนักลง โทรมอย่างเห็นได้ชัด จนพี่ชายเรากลัวว่าเราจะคิดสั้น แต่มันนึกได้ไง นึกถึงน้ำตาของพ่อกับแม่ นึกถึงหน้าของเขา เราทำร้ายตัวเองไม่ได้ ก็พลิกตัวเอง แต่งหน้าเยอะขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่เพราะให้เขาเสียดาย แต่เพื่อให้รางวัลกับชีวิตของเรา โอกาสของเรา
อยู่เพื่อตัวเอง เพื่อคนที่เขารักคุณที่สุด ความรักที่บริสุทธิ์จริงๆ คือ ครอบครัวของคุณ หันกลับไปมองคนที่เขารักคุณจริงๆ อย่ามองเพียงคนที่เขาไม่รักคุณแล้ว เพราะพ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงคุณเพื่อเสียน้ำตาให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของคุณ
อกหักหรอ? ลองให้กำลังใจตัวเองกันยัง
ที่เขียนกระทู้นี้ได้นี้เพราะอกหักมาก่อนไง แล้วนกก็เยอะ!!! เราเลิกกับแฟนมาได้ 6 เดือนแล้ว เฮฮาตามประสาคนโสดแต่ไม่เหงามากมายอะไร เข้าเรื่องดีกว่าเดี๋ยวจิยาวถึงดาวอังคาร
จริงๆคนที่ไม่ยอมเลิกกับแฟน ทั้งที่เขาทำร้ายหัวใจเรา ทำให้เราร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง ก็มีหลายสาเหตุ
รักมากจนคิดว่าชาตินี้จะรักใครมากกว่านี้ไม่ได้(อย่าคิดว่าไม่มีนะคะ เพื่อนเราเลย)
ไม่ได้รักมากกมายแต่ไม่อยากเหงา (อันนี้ไม่ต้องถามใครเลย เราเคยเป็นข้อนี้)
กับ ไม่ยอมเลิกเพราะอายคนอื่น (อันนี้ไม่รู้ว่ามีมั้ย แต่ก็เขียนลงไปก่อน)
และ ขาดเขาไม่ได้ (อันนี้คิดว่ามีแน่นอน)
เราแค่อยากจะบอกทุกคนว่า ความโสดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อาจมีเหงาๆ คิดถึง นึกถึงเขาบ้างก็ปล่อยไปเถอะ อย่างน้อยจะได้รู้ว่า เรายังมีหัวใจที่ยังรักได้อยู่ เคยได้ยินเขาบอกกันว่า “เวลาเยี่ยวยาทุกสิ่ง” อันนี้ใช้ได้จริงนะ แต่ก็ต้องการเวลา เราเองก็เป็น คิดถึงเขาแต่จะให้เรากลับไปคบก็ไม่เอาดีกว่า เราคิดว่า หนังสือเล่มเก่าอ่านยังไงก็จบเหมือนเดิม เนื้อเรื่องเหมือนเดิม เราไม่อยากกลับไปจำเจกับเหตุการณ์เดิมๆในหนังสือแล้ว แต่เรากลับคิดว่า เรามีเวลามากพอที่จะไปเดินดูหนังสือดีๆที่เหมาะกับตัวเอง เลือกหนังสือที่เราไม่เคยอ่าน ไม่รู้ตอนจบ ไม่รู้เนื้อเรื่อง แต่การเลือกครั้งนี้ต้องเลือกที่เหมาะกับตัวเอง ถ้าสุดท้ายหนังสือเล่มใหม่จะไม่เหมาะกับเรา ก็วางลงแล้วค่อยๆหาไป อย่าไปรีบเร่งอะไร เราเชื่อว่า ‘จะมีความรักดีๆที่เหมาะกับเรา’ อันนี้เป็นการให้กำลังใจตัวเองเนอะ แบบฉบับเรา
ทำยังไงไม่ให้เหงา อันนี้ยากหน่อย เราชอบอยู่คนเดียว ชอบนอนอืดบนเตียง เพื่อนก็เลยไม่ค่อยสนใจความรู้สึก แต่ก็ไม่ได้แคร์อะไร ดีซะอีก ถ้าเราร้องไห้ปุ๊บแล้วเพื่อนปลอบเราโครตรำคาญเลยถึงมันจะหวังดีก็เถอะ อีกอย่างตอนเลิกกับแฟน คนแรกที่นึกถึง คือ พี่ชายของเรา นางก็โทรหาเราทุกวันกลัวน้องเหงา ไอ่เราต้องบอกไปว่า “ยูววววว น้องโอเค เลิกโทรหาทุกวันได้มั้ย น้องก็รำน๊าาาา” กลายเป็น โทรมาอาทิตย์ละครั้ง เห็นความสันโดษของชีวิตเรายัง
คือเราบ้าเกาหลี บ้าซีรีย์และบ้าผู้ชาย บ้านิยายด้วยค๊า หลังจากเลิกกันกลัวฟุ้งซ่านก็จัดทวิตเตอร์แบบหนักหน่วงมาก 140 อักษร ระบายเพราะเราเชื่อว่า สังคมในทวิตกับเฟซแตกต่างกัน บ่น ด่า ระบายเราจะอยู่ในทวิตเนี่ยแหละ แต่..ในเฟซจะกลายเป็นผู้หญิงอารมณ์ดี บ้าบอ ทั้งที่จริงๆอกตรมมากกก
ตอนนั้นเรานอนดูซีรีย์แบบเช้าถึงเช้าอีกวัน ดูแบบหยุดไม่ได้ ยิ่งตามศลป.เกาหลีนะ พูดเลยยาวค๊า เพราะเราติ่งเอสเจ แค่ตามข่าวก็แทบไม่ค่อยว่างเลย ก็เลยดูมีอะไรทำในชีวิต ไปเดินเปย์ชีวิตตัวเองที่งานมหกรรมหนังสือ ไปเดินซื้อเครื่องสำอางด้วยการซื้อแป้งมา 3 ลิปอีก 5 สบายตัวแต่ไม่สบายกระเป๋าเลย
จริงๆก็ไม่มีอะไร เราแค่บอกกับตัวเองว่า ‘เราไม่ได้มีชีวิตผูกติดไว้กับใคร เขาจากเราไปแต่เราต้องอยู่ให้ได้ อยู่เพื่อพ่อกับแม่ คนที่รอดูความสำเร็จของเรา’ ต้องพูดกันตรงๆ ในวันแรกที่เลิกกัน ร้องไห้จนนอนไม่หลับ อาศัยยานอนหลับบางครั้งแต่ก็ไม่บ่อย น้ำหนักลง โทรมอย่างเห็นได้ชัด จนพี่ชายเรากลัวว่าเราจะคิดสั้น แต่มันนึกได้ไง นึกถึงน้ำตาของพ่อกับแม่ นึกถึงหน้าของเขา เราทำร้ายตัวเองไม่ได้ ก็พลิกตัวเอง แต่งหน้าเยอะขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่เพราะให้เขาเสียดาย แต่เพื่อให้รางวัลกับชีวิตของเรา โอกาสของเรา
อยู่เพื่อตัวเอง เพื่อคนที่เขารักคุณที่สุด ความรักที่บริสุทธิ์จริงๆ คือ ครอบครัวของคุณ หันกลับไปมองคนที่เขารักคุณจริงๆ อย่ามองเพียงคนที่เขาไม่รักคุณแล้ว เพราะพ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงคุณเพื่อเสียน้ำตาให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของคุณ