ธุรกิจส่วนตัว กับ พนักงานบริษัท ความแตกต่างโดยสิ้นเชิง
อยากจะแชร์ประสบการณ์ชีวิตราคาแพงที่ได้เจอมากับตัวเอง
ดิฉันเป็นพนักงานบริษัทที่ทำงานหนักมาตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี จนได้มาถึงระดับผู้จัดการที่ดิฉันใฝ่ฝัน แต่เมื่อมาถึง ณ จุดนี้ จุดที่คิดว่าจะสบายกว่าการเป็นลูกน้อง และแล้วดิฉันก็ได้รู้ว่าสิ่งที่ดิฉันเคยคิดมันไม่ใช่เลย
การอยู่ในระดับสูง ความรับผิดชอบที่หนักหน่วงก็ตามมาด้วย มีปัญหาที่ต้องตัดสินใจมากมายไม่เว้นในแต่ละวัน แต่ก็ยังดีอยู่ที่ดิฉันมีทีมงาน มีหัวหน้า มีลูกน้อง มีเพื่อนร่วมงาน ปัญหาในที่สุดก็คลี่คลายไปได้ ธุรกิจจะดี จะร้ายยังไง ดิฉันก็ยังได้เงินเดือน จะกระทบก็แค่สวัสดิการและโบนัส
จนกระทั่งดิฉันเริ่มคิดถึงอนาคต ถ้าวันหนึ่งดิฉันต้องจบวงจรชีวิตพนักงานบริษัท ดิฉันจะทำอะไร การมีธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ เป็นสิ่งที่ดิฉันอยากทำมานานแต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี จนดิฉันได้มีโอกาสศึกษาอาชีพอย่างหนึ่ง ดิฉันคิดว่าคงจะดีไม่น้อยที่ฉันจะได้มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ดิฉันมีความสุขและตื่นเต้นมากที่จะทำธุรกิจของตัวเอง ดิฉันคิดว่าจะได้มีเวลาเป็นของตัวเองสักที อยากหยุดวันไหนก็ได้ อิสระจะเป็นของเราแล้ว
ดิฉันตัดสินใจเอาเงินเก็บก้อนใหญ่ที่สะสมไว้ลงทุนเซ้งร้านหนึ่งมาด้วยความหวังที่ว่าเราต้องทำมันได้ดี มันเป็นช่วงเวลาที่รวดเร็วมาก อยู่ๆ ดิฉันก็ตัดสินใจที่จะทำ ดิฉันศึกษา รวบรวมข้อมูล มันเยอะมากคะ จนดิฉันหลุดไปในหลายๆ ประเด็น ด้วยความคิดที่ว่า ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร ดิฉันมองผ่านข้อเสียหลาย ๆ อย่างไป คิดถึงแต่ความหวังที่ว่ามันจะต้องดีสิ
นั่นแหละคะ จากนั้นชีวิตดิฉันก็มีแต่ความทุกข์คะ ดิฉันยังไม่เลิกทำงานประจำนะคะ เพราะดิฉันก็เผื่อใจไว้บ้างถ้าธุรกิจส่วนตัวจะไปไม่รอด
เป็นช่วงเวลาที่เหนื่อย และเครียดมากคะ ดิฉันได้เรียนรู้ว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นมันไม่ง่ายเลย เวลาที่เคยคิดว่าจะมีอิสระหรอคะ ไม่เลยคะ เวลาทุกวินาทีของดิฉันมีแต่เรื่องธุรกิจส่วนตัวนี้
ปัญหาประดังเข้ามาทุกอย่างเลยคะ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการร้าน ลูกค้า ภาวะขาดทุน พนักงานลาออก ขาดพนักงาน ดิฉันไม่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองเพียงลำพัง ดิฉันต้องการทีมงานคะ การตลาด การบริหาร แต่ด้วยธุรกิจเล็กๆ ก็ไม่คุ้มค่าเลยที่จะจ้างทีมงานเหล่านั้นมา สิ่งสำคัญคือ ลูกค้า ดิฉันจะทำอย่างไรให้ได้ลูกค้ามา ดิฉันพยายามประคับประคองธุรกิจถึงแม้จะเหนื่อยและท้อมากแค่ไหน แต่เมื่อความเครียดบังเกิด ในที่สุดดิฉันก็ไปไม่รอดคะ เจ๊งคะ จากชีวิตที่คิดว่าเจ๋ง ก็กลายเป็นเจ๊งคะ
ดิฉันได้เรียนรู้โลกภายนอกเพิ่มขึ้น คนที่หลากหลายรูปแบบ เชื่อถือได้บ้าง เชื่อถือไม่ได้บ้าง
ในที่สุด ดิฉันตัดสินใจจบความเครียดด้วยการละทิ้งเงินลงทุนก้อนใหญ่ก้อนนั้นไป เงินก้อนแห่งความฝัน ความหวัง มันละลายหายไปในพริบตาคะ
ธุรกิจถูกปิดลง ทิ้งไว้แต่เพียงคราบนำ้ตาแห่งความผิดหวัง สิ้นหวัง สูญเสียเงินสะสมที่ตรากตรำทำงานหนักมาโดยตลอด
นี่แหละคะ ชีวิตจริงที่เราต้องเผชิญ ดิฉันจะก้าวผ่านความผิดหวังราคาแสนแพงนี้ไปได้อย่างไร ดิฉันก็ยังไม่รู้เลยคะ
ดิฉันจะเข็ดจนไม่กล้าทำธุรกิจส่วนตัวอีกเลยหรือไม่ หรือดิฉันจะฮึดสู้จากประสบการณ์นั้นได้หรือเปล่า
ขอเอาใจช่วยนะคะ สำหรับใครที่มีความฝันกับธุรกิจส่วนตัวเหมือนดิฉัน คนที่ประสบความสำเร็จก็มีให้เห็นเยอะคะ ไม่ได้ล้มเหลวเหมือนดิฉันเสมอไป
อยากให้ทุกคน สู้สู้นะคะ ชีวิตต้องเดินต่อไป
ธุรกิจส่วนตัว กับ พนักงานบริษัท ความแตกต่างโดยสิ้นเชิง
อยากจะแชร์ประสบการณ์ชีวิตราคาแพงที่ได้เจอมากับตัวเอง
ดิฉันเป็นพนักงานบริษัทที่ทำงานหนักมาตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี จนได้มาถึงระดับผู้จัดการที่ดิฉันใฝ่ฝัน แต่เมื่อมาถึง ณ จุดนี้ จุดที่คิดว่าจะสบายกว่าการเป็นลูกน้อง และแล้วดิฉันก็ได้รู้ว่าสิ่งที่ดิฉันเคยคิดมันไม่ใช่เลย
การอยู่ในระดับสูง ความรับผิดชอบที่หนักหน่วงก็ตามมาด้วย มีปัญหาที่ต้องตัดสินใจมากมายไม่เว้นในแต่ละวัน แต่ก็ยังดีอยู่ที่ดิฉันมีทีมงาน มีหัวหน้า มีลูกน้อง มีเพื่อนร่วมงาน ปัญหาในที่สุดก็คลี่คลายไปได้ ธุรกิจจะดี จะร้ายยังไง ดิฉันก็ยังได้เงินเดือน จะกระทบก็แค่สวัสดิการและโบนัส
จนกระทั่งดิฉันเริ่มคิดถึงอนาคต ถ้าวันหนึ่งดิฉันต้องจบวงจรชีวิตพนักงานบริษัท ดิฉันจะทำอะไร การมีธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ เป็นสิ่งที่ดิฉันอยากทำมานานแต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี จนดิฉันได้มีโอกาสศึกษาอาชีพอย่างหนึ่ง ดิฉันคิดว่าคงจะดีไม่น้อยที่ฉันจะได้มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ดิฉันมีความสุขและตื่นเต้นมากที่จะทำธุรกิจของตัวเอง ดิฉันคิดว่าจะได้มีเวลาเป็นของตัวเองสักที อยากหยุดวันไหนก็ได้ อิสระจะเป็นของเราแล้ว
ดิฉันตัดสินใจเอาเงินเก็บก้อนใหญ่ที่สะสมไว้ลงทุนเซ้งร้านหนึ่งมาด้วยความหวังที่ว่าเราต้องทำมันได้ดี มันเป็นช่วงเวลาที่รวดเร็วมาก อยู่ๆ ดิฉันก็ตัดสินใจที่จะทำ ดิฉันศึกษา รวบรวมข้อมูล มันเยอะมากคะ จนดิฉันหลุดไปในหลายๆ ประเด็น ด้วยความคิดที่ว่า ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร ดิฉันมองผ่านข้อเสียหลาย ๆ อย่างไป คิดถึงแต่ความหวังที่ว่ามันจะต้องดีสิ
นั่นแหละคะ จากนั้นชีวิตดิฉันก็มีแต่ความทุกข์คะ ดิฉันยังไม่เลิกทำงานประจำนะคะ เพราะดิฉันก็เผื่อใจไว้บ้างถ้าธุรกิจส่วนตัวจะไปไม่รอด
เป็นช่วงเวลาที่เหนื่อย และเครียดมากคะ ดิฉันได้เรียนรู้ว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นมันไม่ง่ายเลย เวลาที่เคยคิดว่าจะมีอิสระหรอคะ ไม่เลยคะ เวลาทุกวินาทีของดิฉันมีแต่เรื่องธุรกิจส่วนตัวนี้
ปัญหาประดังเข้ามาทุกอย่างเลยคะ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการร้าน ลูกค้า ภาวะขาดทุน พนักงานลาออก ขาดพนักงาน ดิฉันไม่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองเพียงลำพัง ดิฉันต้องการทีมงานคะ การตลาด การบริหาร แต่ด้วยธุรกิจเล็กๆ ก็ไม่คุ้มค่าเลยที่จะจ้างทีมงานเหล่านั้นมา สิ่งสำคัญคือ ลูกค้า ดิฉันจะทำอย่างไรให้ได้ลูกค้ามา ดิฉันพยายามประคับประคองธุรกิจถึงแม้จะเหนื่อยและท้อมากแค่ไหน แต่เมื่อความเครียดบังเกิด ในที่สุดดิฉันก็ไปไม่รอดคะ เจ๊งคะ จากชีวิตที่คิดว่าเจ๋ง ก็กลายเป็นเจ๊งคะ
ดิฉันได้เรียนรู้โลกภายนอกเพิ่มขึ้น คนที่หลากหลายรูปแบบ เชื่อถือได้บ้าง เชื่อถือไม่ได้บ้าง
ในที่สุด ดิฉันตัดสินใจจบความเครียดด้วยการละทิ้งเงินลงทุนก้อนใหญ่ก้อนนั้นไป เงินก้อนแห่งความฝัน ความหวัง มันละลายหายไปในพริบตาคะ
ธุรกิจถูกปิดลง ทิ้งไว้แต่เพียงคราบนำ้ตาแห่งความผิดหวัง สิ้นหวัง สูญเสียเงินสะสมที่ตรากตรำทำงานหนักมาโดยตลอด
นี่แหละคะ ชีวิตจริงที่เราต้องเผชิญ ดิฉันจะก้าวผ่านความผิดหวังราคาแสนแพงนี้ไปได้อย่างไร ดิฉันก็ยังไม่รู้เลยคะ
ดิฉันจะเข็ดจนไม่กล้าทำธุรกิจส่วนตัวอีกเลยหรือไม่ หรือดิฉันจะฮึดสู้จากประสบการณ์นั้นได้หรือเปล่า
ขอเอาใจช่วยนะคะ สำหรับใครที่มีความฝันกับธุรกิจส่วนตัวเหมือนดิฉัน คนที่ประสบความสำเร็จก็มีให้เห็นเยอะคะ ไม่ได้ล้มเหลวเหมือนดิฉันเสมอไป
อยากให้ทุกคน สู้สู้นะคะ ชีวิตต้องเดินต่อไป