[Movie Review] Billy Lynn's Long Halftime Walk - เมื่อบ้านไม่ใช่บ้านอีกต่อไปแล้ว by ตั๋วหนังมันแพง


[หนังโรงเรื่องที่ 164] Billy Lynn's Long Halftime Walk - เมื่อบ้านไม่ใช่บ้านอีกต่อไปแล้ว ; (Ang Lee, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง

คะแนนความชอบ : A+++ (จากสเกล D-A)

**มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญเล็กน๊อยส์

เรื่องย่อ : เรื่องราวของ บิลลี่ ลินน์ (Joe Alwyn) หนุ่มน้อยวัย 19 ปี และสหายของเขาจากกองร้อยบราโว่อันโด่งดังจากสมรภูมิอิรักและถูกเชิญไปเดินสายโชว์ตัวทั่วประเทศในฐานะ 'ฮีโร่ของชาวอเมริกัน' .. ซึ่งระหว่างการเดินสายพบปะมวลชนนั้น บิลลี่และพรรคพวกก็สัมผัสได้ถึง 'ความแปลกแยก' ที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาและคนปกติทั่วไป

ขอสารภาพบาปว่าตอนแรกไม่ได้คิดจะดูเรื่องนี้เลยจริงๆเพราะส่วนตัวแล้วเอือมๆกับหนังสไตล์ทหารอเมริกันที่ชอบยัดเยียดความเป็น patriotism เข้ามาเยอะๆจนเลี่ยนแล้วเลี่ยนอีก แต่พอดูจบแล้วก็ต้องบอกเลยว่า 'ประทับใจ' กับลีลาการเล่าเรื่องที่เวิร์กและการคุมโทนที่เหนียวแน่นมากๆ เรียกได้เลยว่าถ้าพลาดไปจริงๆนี่คงเสียดายตายแน่ๆ

เราจะได้เห็นเรื่องราวผ่านมุมมองของเด็กหนุ่มทหารผ่านศึก 'บิลลี่' และเพื่อนร่วมหน่วยบราโว่กับบทบาทซุปเปอร์สตาร์ขวัญใจชาวอเมริกันที่ใครเห็นก็ต้องเข้ามายกย่อง-ขอบคุณ, เครื่องแบบเต็มยศของพวกเปรียบเสมือน 'แบรนด์' ยอดนิยมที่ใครๆที่เห็นต่างก็คลั่งไคล้--ความเป็นชาตินิยมได้พุ่งถึงจุดสูงสุดจนพวกเขาถูกใช้เป็นแค่วัตถุดิบส่วนหนึ่งของงานกีฬาอเมริกันฟุตบอลและโชว์คั่นเวลาอันโด่งดังของเท็กซัสเท่านั้น

ประเด็นแรกที่ชอบก็คือการที่หนังเลือกที่จะหยิบจับ 'ความรู้สึกผิดแผก' ของบิลลี่และพรรคพวกขึ้นมาเป็นประเด็นหลักของเรื่อง--การกลับมาบ้านเกิดของบิลลี่ไม่ได้ให้ความรู้สึก 'เหมือนบ้าน' อีกต่อไปแล้ว ทั้งความอึดอัดที่เกิดขึ้นจากปากเสียงเล็กๆน้อยๆของคนในครอบครัว, การถูกดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ และการถูกคาดหวังในสิ่งที่ตนเองไม่ได้เป็นจากคนรอบข้าง มันกลายเป็นความซับซ้อนที่บิลลี่ไม่เข้าใจอีกต่อไปแล้ว

หรือแม้แต่ในสายตาคนปกติทั่วไป ที่มองพวกเขาเป็น 'บางสิ่ง' ที่น่าเชิดชูจนน่าขนลุก ทั้งยังมองการสังหารศัตรูในสนามรบว่าเป็นการกระทำที่สูงส่งราว จนสร้างความรู้สึก 'กระอักกระอ่วน' ขึ้นมา ซึ่งจะว่าไปมันก็คือการนำเสนอความรู้สึกในมุมมองที่แตกต่างกันระหว่างพลเมืองอย่างเราและนายทหารที่ไม่สามารถ 'fit in' เข้าไปในสังคมออกมาได้อย่างแม่นยำจนน่าขนลุก ซึ่งหนังก็เล่าเรื่องในประเด็นเล็กๆให้ขยายความออกมาได้ดีจนน่าชื่นชม

ความรู้สึกเทิดทูนบูชาที่เห็นได้ชัดอย่างนึงก็คือทางฝั่งตัวละครนางเอก(?)อย่างเฟย์ซัน (Makenzie Leigh) สาวเชียร์ลีดเดอร์ที่เจอกับบิลลี่แค่แว้บเดียวก็หลงรักหัวปักหัวปำชนิดโงหัวไม่ขึ้นจนเกิดเป็นความสัมพันธ์ขึ้น ซึ่งจากคำพูดคำจาของเธอก็จะชี้ให้เห็นถึงความเป็น 'ปอมปอม-คาโทลิคเกิร์ล' ทั่วๆไปที่หลงรักบิลลี่ในฐานะ 'ฮีโร่นายทหาร' ที่ช่วยกอบกู้ประเทศ ... ความตลกร้ายก็คือแววตาของเธอที่เปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อบิลลี่พูดทำนองว่าจะตนนั้นอาจจะเลิกเป็นทหาร เชื่อว่าทุกคนคงสังเกตเห็นถึง 'ความคาดหวัง' ในแววตาที่เด็กสาวอยากจะให้พระเอกเป็นทหารที่เธอเทิดทูนบูชาต่อไปเรื่อยๆ ...  อนิจจา ความหลงไหลของเธอไม่ใช่ตัวของบิลลี่ แต่กลับเป็นหัวโขนที่เขาสวมไว้อยู่ต่างหาก

ความสะเทือนใจเกิดขึ้นเมื่อเหล่าทหารหาญทั้งหลายเริ่มรู้สึกว่าการกลับมาแผ่นดินเกิดนั้น ไม่ถือว่าเป็น 'บ้าน' อีกต่อไปแล้ว ทั้งสังคมที่วุ่นวาย, การเมืองที่น่ารังเกียจ และความยุ่งเหยิงของโลกวัตถุนิยมที่เกินกว่าจะรับไหว จนพวกเขาเอ่ยปากขึ้นมาเองเมื่อตอนที่ต้องกลับไปประจำการที่อิรักว่า "กลับบ้านกันเถอะ" .. ราวกับว่าสังคมไม่มีที่ว่างให้กับคนหลงยุคแบบพวกเขาอีกต่อไปแล้ว

ในส่วนของมุกตลกร้ายที่หนังจัดใส่หนักใส่เต็มให้เต็มที่ โดยเฉพาะฉากหนึ่งที่ตัวเอกแหละจ่าไดม์ปฏิเสธทำสัญญาหนังกับนายทุน เนื่องจากนายทุนต้องการเอาเรื่องราว 'ธรรมดาๆ' ของๆพวกเขาไปเติมแต่งแต้มให้เป็นหนังเชิดชูความเป็นอเมริกันโดยไม่ได้แยแสในข้อเท็จจริง จนสุดท้ายผู้จัดการส่วนตัวอย่าง 'อัลเบิร์ต' (Chris Tucker) ก็ปลอบทำนองว่า "บางทีเราอาจจะลองไปหาทุนจากเมืองจีนแทนก็ได้นะ" .. ซึ่งความพีคก็คือหนังเรื่องนี้ดันเป็นหนังทุนจีนจริงๆซะด้วย!  ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าหนังทั้งเรื่องนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงของชีวิต 'บิลลี่ ลินน์' กับวิถีทุนนิยมที่น่ารังเกียจ จนกลายมาเป็นหนังเสียดสีความเป็นอเมริกันอย่างสุดขั้วแบบนี้ก็เป็นได้

ในแง่ของตัวเอกอย่าง โจ อัลวิน ก็สอบในบทบาทของพลทหารวัยกระเตาะอย่าง 'บิลลี่ ลินน์' ได้ผ่านฉลุย ทั้งแววตาและสีหน้าที่สื่อความรู้สึกกังขาในจุดยืนตัวต่อสังคมที่ชวนให้เราคิดตาม และการแสดงที่ทำให้เราเชื่อได้จริงๆว่าตัวเขาคือเด็กอายุ 19 ที่ยังไม่ประสากับวิถีของโลกจริงๆ

ยิ่งเมื่อแพคคู่มากับตัวละครโปรดของผู้เขียนอย่าง 'จ่าไดม์' (Garrett Hedlund) แล้วยิ่งเวิร์กใหญ่ ซึ่งขอบอกว่าผู้เขียนรักตัวละครนี้มากกกกกกกก คือมันมี element ของความเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตสุดๆ แต่ในขณะเดียวกันอารมณ์ตลกร้ายที่มีเขี้ยวเล็บไม่แพ้กัน ไปๆมาๆหนังเรื่องนี้อาจจะเวิร์กได้เพราะมีตัวละครคนนี้อยู่นี่แหละ เชื่อว่าถ้าใครดูหนังมาแล้วก็คงจะรักเฮียไดม์ไม่แพ้กัน

สรุปคือ Billy Lynn's Long Halftime Walk ก็เป็นหนังที่สอบผ่านได้ทุกความคาดหมาย และตรงกับจุดประสงค์ของชื่อเรื่องในแง่ของ 'การผจญชีวิตของคนปกติ' ของนายทหารธรรมดาๆอย่าง บิลลี่ ลินน์ .. ที่ยาวนานจนแสนจะเกินทน ทั้งยังมีตัวละครนำที่มีเสน่ห์ และข้อความของหนังที่สื่อออกมาได้ชัดเจน ถ้าไม่ติดขัดอะไรก็อยากให้ลองไปดูกันครับ รับรองว่าคุ้มค่า ตั๋วไม่แพง ยิ้ม

หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่