เรื่องยาวเลยคะ อยากให้เห็นถึงปัญหา แสกนอ่านเอาก็ได้นะคะ แบ่งไว้เป็นพาร์ตๆจะได้อ่านง่ายนะคะ
เกริ่นเรื่อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ขอบอกก่อนว่าเราเพิ่งเริ่มเข้าทำงานได้ปีครึ่งเป็นงานห้องเช่าคะ พอเรียนจบแม่ก็ขอให้กลับมาช่วยงานที่บ้าน
ใช่คะขอให้กลับมาบริหารงานทั้งๆที่เราไม่ได้เรียนด้านนี้เลย ด้วยปัญหาภายในครอบครัวและภายในธุรกิจที่คาราคาซัง
แล้วก็หนี้สินหลายล้านเลยจำต้องทำตามเพราะเห็นแก่ครอบครัว
พอเริ่มงานก็ยิ่งทำให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่มีระบบ ไม่การเเก้ไข สถานที่และอุปกรณ์ชำรุดทรุดโทรม พนง.เข้างานสาย
ดื่มเหล้า อู้งาน หยุดงานเป็นว่าเล่น เราเลยเข้าไปเเก้ไขจัดงาน เรียกประชุม ทุกอย่างเป็นระบบระเบียบขึ้นมาก แต่มันก็ทำให้พนง.
หลายคนลาออก คนที่อยู่กับระเบียบใหม๋ได้ก็ยังอยู่ต่อไป รับพนง.ใหม่มาก็ฝึกอย่างดีจนปัญหาภายในของแต่ละแผนกหายไป
พนง.ใหม่ๆก็อยู่ทนมากขึ้นไม่ต้องเปลี่ยนพนง.บ่อยๆเหมือนเมื่อก่อนอีก
จะเหลือก็อยู่เเต่แผนกเดียวคือผู้จัดการ ที่ทำงานปีนี้ก็จะครบ3ปีแล้ว และตามหัวข้อคือเป็นเด็กเส้นที่อายุไม่เด็กแล้ว เส้นยังไง
ก็อย่างเเรกเลยคือเดิมที่มีผู้จัดการอยู่เเล้ว แต่คนนี้รับเข้ามาใหม่เพราะเป็นเมียติดของเด็กเส้นอีกคน
ค่ะเด็กเส้นอีกคนเรื่องนี้มีเด็กเส้นสองคนคะ บ้านเรามีที่ทำงานสองที่ห่างกันไม่ไกลนักทั้งสองที่เเน่นอนว่ามีผู้จัดการอยู่แล้ว
แต่จู่ๆแม่เราก็รับคู่สามีภรรยานี้เข้ามาด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นลูกของเพื่อน(ผู้ชายเป็นลูกเพื่อนแม่ส่วนตัวผู้หญิงคือเมียติด)
เพราะที่ทำงานเดิมของลูกเพื่อนแม่อยู่ไกล เพื่อนแม่เลยขอให้บ้านเรารับไปทำงานจะได้เจอหน้าลูกหน้าหลานบ่อยๆแค่นั้นเอง
และเเม่เราก็รับเสียด้วย และให้ทั้งสองคนนี้เข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการคนละที่ ส่วนผู้จัดการคนเก่าก็ปิ่วคนนึงลาออก
คนนึงกลายมาเป็นคนดูแลสวนควบหน้าที่ช่างประจำตึก อืมม ทั้งสองคนนี้อาจทำงานได้ดีกว่าคนเก่าเลยได้ตำแหน่งนี้ไป
แต่ไม่ใช่เลย ไม่ได้ทำดีไปกว่าคนก่อนเลยสักนิด
และตามที่บอกคือเราทำงานมาได้ปีครึ่งเเต่คู่สามีภรรยานี้ทำงานมาเกือบครบ3ปีเเล้ว
และเราไม่ได้รู้จักเขามาก่อนเนื่องจากเราไปเรียนอยู่ตปท. กลับมาบ้านได้ครึ่งปีก็เริ่มทำงาน
คือเพิ่งมาเจอมารู้จักกันก็ตอนกลับมาไทยนั้นแหละ
เข้าเรื่องเด็กเส้นที่1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่เเค่นั้นคงไม่ได้เรียกว่าเส้นเท่าไร ที่เราไปเรียกเขาว่าเด็กเส้นเพราะการทำงานนี้แหละ หน้าที่หลักๆของผู้ชายก่อนเลยคือ
ดูแลความสะอาดทางเดิน ค่อยควบคุมลูกบ้านให้อยู่ในระเบียบของที่ห้องพัก เก็บเงินค่าเช่าห้องที่มีแต่รายเดือน ส่งบิล เงินและบัญชี
และถ้าเกิดลูกค้าในที่ทำงานอีกที่นึงเยอะก็จะเรียกให้มาทำงานโดยได้เงินเดือนเพิ่ม 1 เท่าตามจำนวนวันที่มาทำงาน
หลังจากช่วงลูกค้าเยอะหมดไปก็ให้ผู้ชายคนนี้กลับไปทำงานที่ทำงานเดิมตามเดิม และด้วยความที่เราอ่อนเอง
ที่เห็นว่าเเม่ไว้ใจลูกเพื่อนคนนี้มากๆ ตั้งแต่กลับไปทำงานที่เดิมเราค่อยท้วงบัญชีมาตลอด มีบิล มีเงินส่งมา แต่สมุดบัญชีไม่ตามมา
จนพลัดไปเกือบสามเดือน ด้วยอ้างว่าต้องเขียนของเดือนย้อนหลัง เพราะต้องมาทำงานสองที่ โอเคเราก็ยอมเข้าใจ
แต่เราก็ทนมาได้จนเกือบสามเดือนนั้นแหละ
สุดท้ายเราหมดความอดทนเลยบอกว่า จะเสร็จไม่เสร็จก็เอามาภายในวันนี้ เลยได้รับเสียงแข็งๆกลับมาว่าครับ
พอได้สมุดมาเปิดดูเท่านั้นแหละ ปรี๊ดแตก ไม่มีการเขียนตัวเลขเพิ่มไปแม้แต่ตัวเดียวนับจากเราตรวจครั้งสุดท้าย
นั้นหมายความว่าตลอดสามเดือนที่ผ่านมาผู้ชายคนนี้วันๆแค่นั่งเก็บค่าเช่าเขียนบิลและจบ!
ที่เราใช่คำว่าวันๆเพราะอะไร เพราะหลังจากนั้นเราเข้าไปตรวจตึกห้องเช่า มันโสโครกมากกกกกก ลูกบ้านไม่มีความเรียบร้อย
เอาเสื้อผ้ามาตากตามทางเดินน้ำไล่นองทำกระเบืองพัง รองเท้ากระถ่างต้นไม้วางข้างทางเดินระเกะระกะ กระจกแตกหลายสิบบาน
ตามทางเดินมีเเต่ขี้จิ้งจกกับขี้นกรวมๆเเล้วเป็นร้อยๆจุด ฝุ่นหนาเตอะตามระเบียงส่วนรวม สีภายในลอกทั้งตึกที่บวมจากน้ำ
ที่ลูกบ้านเอาผ้ามาตาก ออฟฟิตที่ไม่เป็นออฟฟิตกลายเป็รูหนูเก็บของเครื่องมือช่าง โถส้วมพังที่โยนทิ้งไว้ในซอกตึก
และขยะอีกนับไม่ถ้วนที่เอาไปซุกในห้องใต้บันใด สิงสาราสัตว์หนูมดแมลงสาปอยู่กันสุขสบายเชียว
เรียกได้ว่าทำให้รู้ถึงสาเหตุที่ลูกค้าพากันย้ายออกไปกว่า10ห้อง นั้นเป็นผลประกอบการแย่ที่สุดตั้งแต่ที่ตึกนี้เคยมีมา
เข้าเรื่องเด็กเส้นที่2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ต่อไปตัวของผู้หญิงบ้างคนนี้ทำงานคนละที่กันตามที่บอกเเต่ไม่ไกลกันเข้ามาทำงานปุปเป็นผู้จัดการเลย
และที่ทำงานตรงนี้เป็นจุดที่มีความซับซ้อนกว่าตรงที่ผู้ชายทำงานอยุ่มากจึงขอข้ามไปว่าซับซ้อนยังไงบ้าง
เพราะยังมันก็ไม่เกี่ยวกับการกระทำของผู้หญิงคนนี้อยู่ดี ถ้าให้จำกัดความก็คงเป็นทำงานชุ่ยเอามากๆไม่แพ้สามีของเธอเลยที่เดียว
เช่นไม่เคยยอมรับผิดอ้างไปโทษพนง.คนอื่นโทษลูกค้าตลอด คำสั่งง่ายๆอย่างให้หมุนโลโก้เครื่องดื่มให้หันหน้าออกเธอไม่เคยคิดจะทำ
จะทำก็ต่อเมื่อจ้ำจี้มองให้ทำเลยตอนนั้น เช็คสต็อคแบบหยาบๆ (ที่นานปีจะทำสักหน) ทำให้มีของเน่าเสียจนขาดทุนไปหลายพัน
จนเกือบหมื่นแต่ปากบอกว่าทำแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ในห้องพักเสียหายไม่แจ้งไม่รายงาน ห้องสต็อกสกปรกไม่เคยทำความสะอาด
ห้องชาร์ปสกปรกหมกอาหารหมกของพังไว้จนมดหนูแมลงสาปก่อร่างสร้างตัวได้ ซึ่งที่แย่คือห้องชาร์ปมีมิเตอร์น้ำอยู่ด้วย
และเธอไม่เคยปิดล็อคห้องจนทำให้มีพวกลูกค้าหัวหมอไปหมุนมิเตอร์ลงจนทำให้เกิดความเสียหาย
เวลาสั่งงานจะอ้างนู่นนี้นั้นว่าไม่ว่างทั้งๆที่วันๆนั่งคุยเจาะแจ๊ะกับรีเซฟชั่น ผลัดงานที่4-5วันทั้งที่งานนั้นทำแค่ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้ว
ตรวจงานแบบหยาบๆคือแค่เปิดดูหน้าประตูแล้วปิด พอเราเข้าไปตรวจห้องที่ทำความสะอาดแล้วก็ปรี๊ดอีกรอบ
เพราะเจอเศษซากถุงยางใช้แล้วกับผ้าเช็ดตัวเน่าๆหมกในตู้เสื้อผ้าและลิ้นชัก ก่อนจะปรี๊ดใส่ก้ถามว่าใครทำห้องนี้
คุณเธอก็บอกก่อนว่าทำเองคะ พอบอกว่าเจออะไรในห้องเท่านั้นแหละ น้องพนง.คนนั้นทำคะพี่ไม่ได้ทำ คะ!
โทรศัพท์ห้องพักลูกค้าหายบ้างเสียบ้างไม่เคยมาแจ้ง ปล่อยทิ้งวางให้ดูเหมือนใช้ได้ไปงั้น
เอาเวลางานไปทำเรื่องส่วนตัวเช่นล้างรถประตูตึกที่ต้องใช้คีย์แท๊กเปิดปิดก็ไม่เคยปิดแถมปล็ดล็อคให้คนนอกเดินเข้าออกง่ายๆ
พรมบอกให้เอาไปทำความสะอาดเธอก็บอกว่าทำแล้วทุกวัน ทำกับ--อะไรละร่องรอยมันตำตาอยู่มีให้เห็นทุกวัน
เรียกให้หาโต๊ะนั่งดีๆจากสต็อคมาหนึ่งชุด แต่เธอกับสั่งให้รีเซฟชั่นไปทำแล้วไปนั่งเป็นรีเซฟชั่นซะเอง หน้าที่ก็ไม่ใช่!
ปล่อยให้พนง.ตั้งวงเหล้ากลางทีทำงาน รวมทั้งปล่อยให้พนง.ขึ้นไปนอนเล่นบนเตียงเปิดดูทีวีใช้ห้องน้ำในห้องพักของลูกค้าได้อย่างหน้าไม่อาย
ที่แย่ที่สุดคือใช้ให้พนง.คนอื่นตอกบัตรเข้างานให้ เพื่อที่จะได้เงินพิเศษทุกเดือนถ้าเข้างานไม่สาย แต่นี้คือสายและสายมาก
พอจับได้ก็อ้างว่าต้องส่งลูกไปโรงเรียน ทั้งๆที่สามีของเธอสามารถนำไปส่งเองได้เพราะที่ทำงานอีกที่ไม่มีกำหนดเวลาเข้างาน
และเอาลูกมาที่ทำงาน(ไม่ว่ากัน)แต่เอามาแล้วไม่สั่งสอนเด็กทำผิดไม่มีมารยาทก็ไม่เตือน และอีกจะสารพัดๆ
ที่อ่านมาวีรกรรมทั้งหมดของคู่สามีภรรยานี้ไม่ใช่ว่าเพิ่งเกิดแต่มันทะยอยโผล่ออกมาเรื่อยๆนับตั้งแต่เราทำงานมา
เรียกว่ายิ่งอยู่นานยิ่งเห็นว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าถามว่าแล้วแม่เราที่บริหารก่อนหน้านี้ไม่รู้หรอ
จากนิสัยของเเม่และจากคำกล่าวของคนในครอบครัวและพนง.คือสรุปได้ว่าไม่รู้หรอกเพราะแม่เขาไม่ได้เข้ามาดูแลเลย
ทุกอย่างถูกปล่อยปละละเลยมานานจนพนง.บางคนทำเป็นนิสัย โดยเฉพาะกับคนที่มีแบ็คอัพ
หน้าที่การทำงานของเราเล็กน้อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แน่นอนว่าเราไม่ใช่เจ้าของกิจการ เราเป็นแค่ลูกเจ้าของกิจการที่มีอำนาจตัดสินเเค่เรื่องเล็กๆน้อยเท่านั้น
เช่นปัญหาเฉพาะหน้า อื่นๆ และรายงานไปที่แม่ของเราอีกที หรือเรียกง่ายๆอาจเป็นผู้จัดการหรือผู้ดูแลโดยรวมทั้งหมด
สรุปการทำงานของเราครอบคลุมธุรกิจของบ้านราวๆ 80% ส่วนที่เหลือคือยังไม่มีสิทธืเข้าไปยุ่งก็คือเรื่องภาษี รายจ่าย
เอกสารสำคัญบางส่วน การตัดสินรับพนักงานเข้าออกและการตัดสินปรับเปลี่ยนตำแหน่งและกำหนดเงินเดือนและตักเตือน
แต่ที่จริงๆก็คือทุกเรื่องต้องเสนอไปที่เเม่เราอีกที่นั้นแหละ รวมถึงปัญหาที่พบไม่รู้จักจบของคู่สามีภรรยานี้ก็รายงานไปทุกครั้งเช่นกัน
ปัญหาและการแก้ปัญหาที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้และทุกครั้งแม่เราก็แค่เรียกมาคุยแล้วขู่แค่ว่าถ้าทำอีกจะบอกไปที่พ่อเเม่ของอีกฝ่ายเพียงเท่านั้นเรียกว่ายกขึ้นมาขู่
จนเด็กเส้นเขาไม่สนใจเเล้ว เพราะรู้ว่าแค่พูดขุ่ไปงั้นเองแต่บางเรื่องก็แค่เล็กน้อยแต่มันเรื้อรังก็เลยเอาไปปรึกษาว่าจะแก้ยังไง
แม่ก็มักจะเเก้ตัวแทนสามีภรรยานี้เสมอและทั้งสองคนนี้ยังได้รับความไว้วางใจจากเเม่(คนเดียว)มาก
ขนาดให้ถือกุญแจออฟฟิตส่วนตัวและบ้างครั้งยังให้กุญแจบ้านไปด้วยซึ่งมันทำให้เราไม่สบายใจมาโดยตลอด
เพราะเขาเอามาใช้โดยพละการและเป็นเรื่องที่คนในครอบครัวเรานอกจากเเม่ที่ยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ก็ยังจะปล่อยให้ทำต่อไป
แถมแม่เรามีตระกะการขึ้นเงินเดือนที่แปลกคือถ้าจะขึ้นต้องขึ้นเท่ากันเหมือนกันพร้อมกันทุกคนทั้งหมด
ทั้งที่บางคนเพิ่งเริ่มงานได้ไม่กี่เดือนก็ได้ขึ้นแล้วเหมือนกัน และมักตัดสินใจขึ้นเงินเดือนให้หลังมีปัญหาแย่ๆเสมอ
และขึ้นไม่น้อยเลย ขึ้นปีละ2ครั้งและเกินกว่า10%ทุกปี ในช่วงเศรฐกิจแบบนี้การเงินแบบนี้มันยิ่งทำให้เราเครียดขึ้นไปอีก
สรุป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้และสาเหตุที่นำมาปรึกษาในพันทิปคือเด็กเส้นของแม่เริ่มออกลายต่อหน้าเราหนักขึ้นเรื่อยๆ (ต่อหน้าเเม่รับคำคะยิ้มหวานอย่างเดียว)
ล่าสุดถึงขั้นกรอกตา ถอนหายใจใส่หน้าต่อพนง.และลูกค้า เรียกให้มาที่ออฟฟิตเพื่อถามเรื่องงานก็ขึ้นเสียงใส่
พูดกับเราด้วยความหงุดหงิด แน่นอนว่าเราโมโหมากแต่เอาอารมณ์ไปใส่พนักงานไม่ได้เลยเก็บไว้
แล้วนำไปปรึกษาแม่อีกครั้งว่าจะแก้ไขยังไง แต่ก็กลายเป็นว่าเราโดนว่ากลับ แม่เเก้ตัวเเทนพนง.เหมือนเดิม
แล้วถามกลับว่าจะเอายังไงก็คนมันเป็นแบบนั้นให้ปล่อยไปถ้าจะเก็บไว้ใช้งาน
คำถาม (แนะนำให้อ่านเนื้อเรื่องด้วย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรารู้สึกว่าเราพึงแม่ไม่ได้ และไม่อยากปล่อยให้ปัญหาอยู่ตรงหน้าแต่จัดการอะไรไม่ได้ ถึงจะมีวิธีอยู่บ้างแต่เรามีอำนาจใช้แค่กำกึง
ซึ่งในส่วนนี้เด็กเส้นเขาก็รู้กันดียิ่งกลายเป็นว่าต่อหน้าเราเขาจะทำยังไงก็ได้ ความเกรงใจในที่ทำงานต่อเราเริ่มหมด
เพราะเขารู้ว่าเราทำอะไรเขาไม่ได้ ซึ่งเราก็ยังมือใหม่ยังไม่รู้ว่าจะจัดการปัญหาตรงนี้ยังไง จะปรึกษาคนรอบตัวก็ไม่มี
ขอความกรุณาช่วยเเนะนำให้ด้วยนะคะ
ขอบคุณนะคะ
ถามคนที่อยู่ในฐานะลูกเจ้าของธุรกิจ มีวิธีจัดการกับเด็กเส้นที่มีแบ็คอัพเป็นแม่ของตัวเองยังไงกันบ้าง
เกริ่นเรื่อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เข้าเรื่องเด็กเส้นที่1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เข้าเรื่องเด็กเส้นที่2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หน้าที่การทำงานของเราเล็กน้อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปัญหาและการแก้ปัญหาที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำถาม (แนะนำให้อ่านเนื้อเรื่องด้วย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณนะคะ