Cr : ภาพประกอบจากเนตค่ะ
อุแว้..อุแว้...เสียงของทารกร้องดังแว่วออกมาจากเพิงข้างถนนในคืนเดือนครึ่งเสี้ยว
เงาตะคุ่มๆ กำลังสาละวนเห่กล่อมทารกอยู่อย่างร้อนรน พร้อมเสียงเพลงกล่อมเด็กที่พยายามเปล่งออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น
....เอ่ เอ้ เอ่ เอ้ .....
ท่ามกลางเสียงร้องที่ตะเบ็งแข่งกับเสียงรถยนต์ข้างทาง เงาบางเล็กโยกตัวไปมาประหนึ่งคล้ายเปลยวนที่โยกไกว
แต่เสียงร้องที่แหลมเล็กก็หาหยุดตามแรงเหวี่ยงไม่ เมื่อแสงไฟหน้ารถสาดกระทบ ร่างบางเล็ก ภาพหญิงกลางคน
ก็สว่างวูบขึ้นตามแสงไฟ เธออุ้มเด็กไว้ในอ้อมกอด และพยายามควักนมให้เด็กได้ดูด เพราะหวังว่าทารกน้อยจะหยุดร้อง
ที่สุด ความพยายามเธอก็สัมฤทธิผล เมื่อปากน้อยๆของเด็กทารก งับที่ปลายเถาที่มีติ่งยื่นออกมา และเริ่มดูดมัน
+++++++++++++++++++++++++++
มาลีเป็นหญิงเร่ร่อน วัยกลางคน ที่อาศัยอยู่ในตลาดสด แถวชานเมือง ทุกวันมาลีจะเดินเล่นไปมาอยู่แถวๆนี้ จนเป็นที่คุ้นชิน
ด้วยสติที่ไม่สมประกอบ พ่อค้า และแม่ค้าแถวนั้นจึงหยิบยื่นอาหาร ของกินของใช้ ให้เธอเสมอ บ่อยครั้งที่เนื้อตัวที่สกปรกมอมแมม
ของเธอ จะทำให้ลูกค้าที่มาเดินตลาดต้องคอยหลบเลี่ยง หรือให้เงินทองตามตามความเมตตาของแต่ละคน
มาลีไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร นอกจากร้องเพลง นั่งเหม่อ หรือบ่นพร่ำไปวันๆ แม้จะมีคนเมตตา แต่ก็ไม่มีใครให้มาลีอาศัยด้วย
เพิงข้างทาง หรือแผงค้าในตลาด จึงเป็นที่หลับนอนของเธอ
ในคืนฝนตกหนักสายฝนที่ตกกระหน่ำ กลบเสียงร้องโหยหวนของมาลี ที่ร้องเจ็บปวด ครวญคราง ทุรนทุราย
ไม่มีใครสนใจที่จะอออกมาดูหรือสนใจ ว่าเธอเป็นอะไร ชีวิตของหญิงเร่ร่อน ก็เหมือนหมาข้างถนนตัวหนึ่ง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ที่เพิงข้างถนน เสียงเอะอะมะเทิ่ง ของชายฉกรรจ์สองคน หญิงหนึ่งคน กำลังยื้อยุด เพื่อแย่งทารก ออกจากอกของหญิงร่างบาง
อย่างทุลักทุเล เธอต่อสู้ดิ้นรน สุดฤทธิ์ ที่จะปกป้องทารกน้อย ในอ้อมกอด น้ำตาที่ไหลนอง เสียงอ้อนวอนสลับเสียงร้องโหยหวน
ที่ดุดัน ไม่สามารถ ทำให้ชายสองหญิงหนึ่ง หยุดพฤติกรรมแย่งชิง ทารกจากหญิงสาว แต่กลับเพิ่มแรงกระชากที่หนักห่วง
ในที่สุด หญิงที่มากับชาย สองคน ก็สามารถ แย่งทารก ออกมาจากอกเธอได้ เมื่อเธอถูกยึดไว้จากมือที่แข็งแรงของชายฉกรรจ์ทั้งสอง
หญิงสติไม่สมประกอบ ดิ้นรน กรีดร้องสุดเสียงอย่างบ้าคลั่ง ฝูงชนที่มองดูได้แต่ซุบซิบเป็นกลุ่ม และเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อชายหญิงสามคน ขึ้นรถประชาสงเคราะห์แล้วขับออกไป
+++++++++++++++++++++
มาลี นั่งร้องไห้ทุบอกชกหัวตัวเอง อยู่ในเพิงข้างถนน
ยายสาชาวบ้านแถวนั้น ที่คุ้นเคยกับมาลีเป็นอย่างดี เอาข้าวเหนียวไก่ย่างมาให้มาลี แววตาที่มองมาลีฉายแววสงสารยิ่งนัก
เมื่อมาลีแหงนหน้ามองทั้งน้ำตา ยายสาก็ส่งเสียงปลอบโยน
“ หยุดร้องเถอะ มาลีเอ้ย ให้ประชาสงเคราะห์ เค้าเอาเด็กไปเลี้ยงเถอะ ขืนอยู่กับเอ็ง เดี๋ยวเด็กก็ตาย เหมือนลูกเอ็งนั่นแหล่ะ
เอ็งเลี้ยงลูกไม่ได้หรอก เชื่อป้าเหอะนะ “
ยายสายื่นของให้อย่างเมตตา มาลีมองข้าวเหนียวไก่ย่างด้วยความหิว มือที่สั่นระริก ยื่นออกไปรับไก่ แล้วยัดมันเข้าปากอย่างหิวโหย
พร้อมน้ำตาที่อาบแก้ม ชั่วอึดใจ เสียงหล่อนก็พึมพำขึ้น เมื่อกลืนข้าวเหนียวลงคอจนหมด
“ ลูก ลูกหายไปแล้วมันเอาลูกไปแล้ว ลูกตายแล้ว “ มาลีบ่นพร่ำอยู่คนเดียวซ้ำไปซ้ำมา ยายสาได้แต่มองอย่างเวทนา
++++++++++++++++++++++++
ย้อนรอย....
สองปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวคน นี้มาจากไหน เธอเดินกระเซอะ กระเซิงอยู่ข้างถนน และวนเวียนอยู่ในตลาด
เก็บโน่น เก็บนี่กินไปตามเรื่อง แน่นอน สภาพเธอไม่สมบรูณ์ เนื้อตัวสกปรกมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิง นั่นเพราะเธอเป็นบ้า
แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอบ้าเพราะสาเหตุใด คนในตลาดก็ได้แต่สงสาร และหยิบยื่น อาหารให้เธอเสมอ พร้อมกับตั้งชื่อเธอว่า” มาลี “
มาลีอาศัยอยู่ที่นี่ มานาน จนทุกคนชิน และคิดว่าด้วยสภาพสาววิกลจริตนี้ คงไม่มีใครทำร้ายเธอได้ลงคอ
ต่อมาไม่นาน มาลีก็มีอาการแปลกๆ คือ อ้วกตลอดเวลา อ้วกไม่เลือกที่ หน้าบ้านใคร ก็ไปอ้วก เมื่อเธอผ่านไปบ้านไหน
ก็จะโดนไล่เสมอ เพราะกลัวเธอทำสกปรก จน มาลีเริ่มท้องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านจึงสังเกตเห็นและสงสัยว่ามาลีจะท้อง
เมื่อสอบถามว่า ใครเป็นพ่อเด็ก มาลีกลับตอบไม่รู้เรื่อง ได้แต่บอกว่ากลัวๆ และยังคงไม่รับรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
ใช่แล้ว มาลีท้อง ท้องเพราะโดนข่มขืนจากเดนมนุษย์ นั่นเอง
คืนวันฝนตก มาลีเจ็บท้องและคลอดลูกในเพิงข้างถนน เพราะเป็นช่วงที่ดึกสงัด และสายฝนที่โปรยกระหน่ำ จึงกลบเสียงร้อง
ที่เจ็บปวด และเสียงร้องของทารกอย่างสนิท ไม่มีใครรับรู้ถึงวิบากกรรมของหญิงสติไม่ดี กับทารกที่คลอดใหม่
จวบจนเช้าวันใหม่ มีคนเห็นมาลี อุ้มเด็ก นอนจมกองเลือดและรกของตัวเอง อยู่บนแคร่ ไม่มีเสียงเด็กร้อง
สายฝนหยุดลงไปนานแล้ว พร้อมกับลมหายใจของทารกน้อย
++++++++++++++++
ผ่านมาเกือบปี ช่วงพลบค่ำ มาลีเดินหาของกิน ของเล่นอยู่ข้างกองขยะ เสียงทารกร้องแว่วๆดังมาในกระเป๋าใบย่อม
มันถูกวางไว้ ข้างถังขยะใบเขียว
มาลีเปิดกระเป๋าออก ด้วยความอยากรู้ ภาพเด็กทารก ดิ้นขลุกขลักและส่งเสียงร้องออกมาทำให้เธอตะลึง
สัญชาติญาณและสามัญสำนึก ทำให้เธออุ้มเด็กออกมา รอยยิ้มระบายไปทั่วใบหน้า เหมือนเด็กได้ของเล่น
ฉับพลัน!!! ความรู้สึกก็เปลี่ยนไป เมื่อเสียงร้องของทารกกระทบเข้าโสตหู
..อุแว้....อุแว้....
“ ลูก ลูกเธออยู่ที่นี่ ลูกเธอไม่ได้ตาย ลูกเธอไม่ได้หายไปไหน “ มาลีกอดลูกด้วยความทะนุถนอม
จิตใต้สำนึก สั่งให้เธอกลับไปที่เพิงพัก เพื่อเลี้ยงลูก ให้นมลูกกิน
แม้เธอจะบ้า แต่จิตใต้สำนึกและสัญชาติญาณของ ความเป็นแม่ ก็ทำหน้าที่ของมัน อย่างที่คนสติดีๆ แต่ขาดสำนึกโดยการทิ้งลูกไม่มี.....
++++++++++++++++++
เหมือนเคราะห์กรรมที่เธอต้องเผชิญ กับความพลัดพราก เมื่อมีคนแจ้ง ประชาสงเคราะห์ว่ามีเด็กถูกทิ้ง และอยู่กับคนบ้า
รุ่งเช้าต่อมา เจ้าหน้าที่ ที่รับแจ้ง ก็มารับตัวเด็กเพื่อส่งไปโรงเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะด้วยความไม่สมประกอบของมาลี
เจ้าหน้าที่ไม่อาจทิ้งเด็กไว้ให้เธอเลี้ยงดูได้ การให้เด็กไปอยู่ในสถานที่ที่พร้อมและปลอดภัยจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แม้มาลีจะไม่มีโอกาสได้พบเจอ ทารกน้อยอีกต่อไป แต่หัวใจใสใส ที่บริสุทธิ์ของเธอ สำนึกของแม่ที่มีอยู่เต็มหัวใจ
ก็สร้างความประทับใจให้คนที่ ผ่านมารับรู้เรื่องราว ของคนบ้าที่ มีความรักของแม่ที่เต็มเปี่ยม อย่างไม่รู้จบ
พระเจ้าสร้างโลกมาเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ แต่พระเจ้าไม่เคยสร้างความสมบรูณ์แบบให้กับทุกชีวิต
ดังนั้นการต่อสู้ดิ้นรน เสาะแสวงหา จึงถูกกำหนดให้มนุษย์ชาติ ฝึกฝน และเรียนรู้ และ บ่มเพาะ
แต่หาก มนุษย์ชาติ ขาดสำนึก ขาดความรัก ความเมตตา โลกใบนี้จะสงบสุขได้หรือ?
และไม่ว่ามนุษย์จะอยู่ในสถานะการณ์ใดๆ จิตใต้สำนึกจะถูกแรงขับให้แสดงออกมา ภายใต้สามัญสำนึก นั้น
คุยกันสักกะติ๊ด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องสั้นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของบันทึกการเดินทางของผู้เขียน ที่ได้พบเจอ หญิงผู้น่าสงสารที่วิกลจริตคนนี้เกือบทุกวัน
แม้จะผ่านมานานหลายปี แต่ผู้เขียนยังจำรายละเอียดได้ดี จากที่เห็นเธอท้อง จนคลอดลูก และไม่รู้ว่าลูกเธอไปไหน
ต่อมาหากผู้เขียน เจอเธอ ก็จะเห็นเธออุ้มตุ๊กตาเด็กน้อยตลอดเวลา
ผู้เขียนจึงได้นำมาเรียบเรียงเป็นเรื่องเล่าที่ผ่านความทรงจำ โดยเป็นเรื่องจริงส่วนหนึ่ง และแต่งโครงเรื่องผสมเข้าไปนิดหน่อย
อีกส่วนหนึ่งเพื่อให้เป็นเรื่องสั้นที่สมบรูณ์ หากผู้เขียน เขียนหรือสื่อสารสิ่งใดผิดพลาดประการใด ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
เช่นเคย คือต้องขอขอบคุณ บอร์ดพันทิปที่เปิดโอกาสให้ได้เขียน
ขอบคุณ ผู้อ่าน ทั้งที่ปรากฎอักษร และไม่ปรากฎอักษร
ขอบคุณไมตรีของเพื่อนร่วมถนนนักเขียนทุกท่าน ที่เป็นเพื่อนคอยให้กำลังใจเสมอ ไม่ว่าจะวางงานใดๆมาให้อ่าน
ขอบคุณพ่อแม่ ที่ทำให้เราเข้มแข็ง และยืนมาได้จนทุกวันนี้
ขอบคุณทุกท่านจากหัวใจค่ะ...
เรื่องสั้น: จิตใต้สำนึก
Cr : ภาพประกอบจากเนตค่ะ
อุแว้..อุแว้...เสียงของทารกร้องดังแว่วออกมาจากเพิงข้างถนนในคืนเดือนครึ่งเสี้ยว
เงาตะคุ่มๆ กำลังสาละวนเห่กล่อมทารกอยู่อย่างร้อนรน พร้อมเสียงเพลงกล่อมเด็กที่พยายามเปล่งออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น
....เอ่ เอ้ เอ่ เอ้ .....
ท่ามกลางเสียงร้องที่ตะเบ็งแข่งกับเสียงรถยนต์ข้างทาง เงาบางเล็กโยกตัวไปมาประหนึ่งคล้ายเปลยวนที่โยกไกว
แต่เสียงร้องที่แหลมเล็กก็หาหยุดตามแรงเหวี่ยงไม่ เมื่อแสงไฟหน้ารถสาดกระทบ ร่างบางเล็ก ภาพหญิงกลางคน
ก็สว่างวูบขึ้นตามแสงไฟ เธออุ้มเด็กไว้ในอ้อมกอด และพยายามควักนมให้เด็กได้ดูด เพราะหวังว่าทารกน้อยจะหยุดร้อง
ที่สุด ความพยายามเธอก็สัมฤทธิผล เมื่อปากน้อยๆของเด็กทารก งับที่ปลายเถาที่มีติ่งยื่นออกมา และเริ่มดูดมัน
+++++++++++++++++++++++++++
มาลีเป็นหญิงเร่ร่อน วัยกลางคน ที่อาศัยอยู่ในตลาดสด แถวชานเมือง ทุกวันมาลีจะเดินเล่นไปมาอยู่แถวๆนี้ จนเป็นที่คุ้นชิน
ด้วยสติที่ไม่สมประกอบ พ่อค้า และแม่ค้าแถวนั้นจึงหยิบยื่นอาหาร ของกินของใช้ ให้เธอเสมอ บ่อยครั้งที่เนื้อตัวที่สกปรกมอมแมม
ของเธอ จะทำให้ลูกค้าที่มาเดินตลาดต้องคอยหลบเลี่ยง หรือให้เงินทองตามตามความเมตตาของแต่ละคน
มาลีไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร นอกจากร้องเพลง นั่งเหม่อ หรือบ่นพร่ำไปวันๆ แม้จะมีคนเมตตา แต่ก็ไม่มีใครให้มาลีอาศัยด้วย
เพิงข้างทาง หรือแผงค้าในตลาด จึงเป็นที่หลับนอนของเธอ
ในคืนฝนตกหนักสายฝนที่ตกกระหน่ำ กลบเสียงร้องโหยหวนของมาลี ที่ร้องเจ็บปวด ครวญคราง ทุรนทุราย
ไม่มีใครสนใจที่จะอออกมาดูหรือสนใจ ว่าเธอเป็นอะไร ชีวิตของหญิงเร่ร่อน ก็เหมือนหมาข้างถนนตัวหนึ่ง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ที่เพิงข้างถนน เสียงเอะอะมะเทิ่ง ของชายฉกรรจ์สองคน หญิงหนึ่งคน กำลังยื้อยุด เพื่อแย่งทารก ออกจากอกของหญิงร่างบาง
อย่างทุลักทุเล เธอต่อสู้ดิ้นรน สุดฤทธิ์ ที่จะปกป้องทารกน้อย ในอ้อมกอด น้ำตาที่ไหลนอง เสียงอ้อนวอนสลับเสียงร้องโหยหวน
ที่ดุดัน ไม่สามารถ ทำให้ชายสองหญิงหนึ่ง หยุดพฤติกรรมแย่งชิง ทารกจากหญิงสาว แต่กลับเพิ่มแรงกระชากที่หนักห่วง
ในที่สุด หญิงที่มากับชาย สองคน ก็สามารถ แย่งทารก ออกมาจากอกเธอได้ เมื่อเธอถูกยึดไว้จากมือที่แข็งแรงของชายฉกรรจ์ทั้งสอง
หญิงสติไม่สมประกอบ ดิ้นรน กรีดร้องสุดเสียงอย่างบ้าคลั่ง ฝูงชนที่มองดูได้แต่ซุบซิบเป็นกลุ่ม และเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อชายหญิงสามคน ขึ้นรถประชาสงเคราะห์แล้วขับออกไป
+++++++++++++++++++++
มาลี นั่งร้องไห้ทุบอกชกหัวตัวเอง อยู่ในเพิงข้างถนน
ยายสาชาวบ้านแถวนั้น ที่คุ้นเคยกับมาลีเป็นอย่างดี เอาข้าวเหนียวไก่ย่างมาให้มาลี แววตาที่มองมาลีฉายแววสงสารยิ่งนัก
เมื่อมาลีแหงนหน้ามองทั้งน้ำตา ยายสาก็ส่งเสียงปลอบโยน
“ หยุดร้องเถอะ มาลีเอ้ย ให้ประชาสงเคราะห์ เค้าเอาเด็กไปเลี้ยงเถอะ ขืนอยู่กับเอ็ง เดี๋ยวเด็กก็ตาย เหมือนลูกเอ็งนั่นแหล่ะ
เอ็งเลี้ยงลูกไม่ได้หรอก เชื่อป้าเหอะนะ “
ยายสายื่นของให้อย่างเมตตา มาลีมองข้าวเหนียวไก่ย่างด้วยความหิว มือที่สั่นระริก ยื่นออกไปรับไก่ แล้วยัดมันเข้าปากอย่างหิวโหย
พร้อมน้ำตาที่อาบแก้ม ชั่วอึดใจ เสียงหล่อนก็พึมพำขึ้น เมื่อกลืนข้าวเหนียวลงคอจนหมด
“ ลูก ลูกหายไปแล้วมันเอาลูกไปแล้ว ลูกตายแล้ว “ มาลีบ่นพร่ำอยู่คนเดียวซ้ำไปซ้ำมา ยายสาได้แต่มองอย่างเวทนา
++++++++++++++++++++++++
ย้อนรอย....
สองปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวคน นี้มาจากไหน เธอเดินกระเซอะ กระเซิงอยู่ข้างถนน และวนเวียนอยู่ในตลาด
เก็บโน่น เก็บนี่กินไปตามเรื่อง แน่นอน สภาพเธอไม่สมบรูณ์ เนื้อตัวสกปรกมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิง นั่นเพราะเธอเป็นบ้า
แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอบ้าเพราะสาเหตุใด คนในตลาดก็ได้แต่สงสาร และหยิบยื่น อาหารให้เธอเสมอ พร้อมกับตั้งชื่อเธอว่า” มาลี “
มาลีอาศัยอยู่ที่นี่ มานาน จนทุกคนชิน และคิดว่าด้วยสภาพสาววิกลจริตนี้ คงไม่มีใครทำร้ายเธอได้ลงคอ
ต่อมาไม่นาน มาลีก็มีอาการแปลกๆ คือ อ้วกตลอดเวลา อ้วกไม่เลือกที่ หน้าบ้านใคร ก็ไปอ้วก เมื่อเธอผ่านไปบ้านไหน
ก็จะโดนไล่เสมอ เพราะกลัวเธอทำสกปรก จน มาลีเริ่มท้องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านจึงสังเกตเห็นและสงสัยว่ามาลีจะท้อง
เมื่อสอบถามว่า ใครเป็นพ่อเด็ก มาลีกลับตอบไม่รู้เรื่อง ได้แต่บอกว่ากลัวๆ และยังคงไม่รับรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
ใช่แล้ว มาลีท้อง ท้องเพราะโดนข่มขืนจากเดนมนุษย์ นั่นเอง
คืนวันฝนตก มาลีเจ็บท้องและคลอดลูกในเพิงข้างถนน เพราะเป็นช่วงที่ดึกสงัด และสายฝนที่โปรยกระหน่ำ จึงกลบเสียงร้อง
ที่เจ็บปวด และเสียงร้องของทารกอย่างสนิท ไม่มีใครรับรู้ถึงวิบากกรรมของหญิงสติไม่ดี กับทารกที่คลอดใหม่
จวบจนเช้าวันใหม่ มีคนเห็นมาลี อุ้มเด็ก นอนจมกองเลือดและรกของตัวเอง อยู่บนแคร่ ไม่มีเสียงเด็กร้อง
สายฝนหยุดลงไปนานแล้ว พร้อมกับลมหายใจของทารกน้อย
++++++++++++++++
ผ่านมาเกือบปี ช่วงพลบค่ำ มาลีเดินหาของกิน ของเล่นอยู่ข้างกองขยะ เสียงทารกร้องแว่วๆดังมาในกระเป๋าใบย่อม
มันถูกวางไว้ ข้างถังขยะใบเขียว
มาลีเปิดกระเป๋าออก ด้วยความอยากรู้ ภาพเด็กทารก ดิ้นขลุกขลักและส่งเสียงร้องออกมาทำให้เธอตะลึง
สัญชาติญาณและสามัญสำนึก ทำให้เธออุ้มเด็กออกมา รอยยิ้มระบายไปทั่วใบหน้า เหมือนเด็กได้ของเล่น
ฉับพลัน!!! ความรู้สึกก็เปลี่ยนไป เมื่อเสียงร้องของทารกกระทบเข้าโสตหู ..อุแว้....อุแว้....
“ ลูก ลูกเธออยู่ที่นี่ ลูกเธอไม่ได้ตาย ลูกเธอไม่ได้หายไปไหน “ มาลีกอดลูกด้วยความทะนุถนอม
จิตใต้สำนึก สั่งให้เธอกลับไปที่เพิงพัก เพื่อเลี้ยงลูก ให้นมลูกกิน
แม้เธอจะบ้า แต่จิตใต้สำนึกและสัญชาติญาณของ ความเป็นแม่ ก็ทำหน้าที่ของมัน อย่างที่คนสติดีๆ แต่ขาดสำนึกโดยการทิ้งลูกไม่มี.....
++++++++++++++++++
เหมือนเคราะห์กรรมที่เธอต้องเผชิญ กับความพลัดพราก เมื่อมีคนแจ้ง ประชาสงเคราะห์ว่ามีเด็กถูกทิ้ง และอยู่กับคนบ้า
รุ่งเช้าต่อมา เจ้าหน้าที่ ที่รับแจ้ง ก็มารับตัวเด็กเพื่อส่งไปโรงเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะด้วยความไม่สมประกอบของมาลี
เจ้าหน้าที่ไม่อาจทิ้งเด็กไว้ให้เธอเลี้ยงดูได้ การให้เด็กไปอยู่ในสถานที่ที่พร้อมและปลอดภัยจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แม้มาลีจะไม่มีโอกาสได้พบเจอ ทารกน้อยอีกต่อไป แต่หัวใจใสใส ที่บริสุทธิ์ของเธอ สำนึกของแม่ที่มีอยู่เต็มหัวใจ
ก็สร้างความประทับใจให้คนที่ ผ่านมารับรู้เรื่องราว ของคนบ้าที่ มีความรักของแม่ที่เต็มเปี่ยม อย่างไม่รู้จบ
พระเจ้าสร้างโลกมาเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ แต่พระเจ้าไม่เคยสร้างความสมบรูณ์แบบให้กับทุกชีวิต
ดังนั้นการต่อสู้ดิ้นรน เสาะแสวงหา จึงถูกกำหนดให้มนุษย์ชาติ ฝึกฝน และเรียนรู้ และ บ่มเพาะ
แต่หาก มนุษย์ชาติ ขาดสำนึก ขาดความรัก ความเมตตา โลกใบนี้จะสงบสุขได้หรือ?
และไม่ว่ามนุษย์จะอยู่ในสถานะการณ์ใดๆ จิตใต้สำนึกจะถูกแรงขับให้แสดงออกมา ภายใต้สามัญสำนึก นั้น
คุยกันสักกะติ๊ด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้