เธอจะไปไหน ฉันจะไปปัตตานี PEACETANI

ใครๆก็ชอบล้อเล่นว่าไปแล้วระวังระเบิดนะ คนไม่รู้ย่อมพูดไม่จริง ปัตตานีที่เราไปมันดียยยยยยยยยย์มากกกก *เสียงสูง*อาหารก็แซ่บ ผู้คนก็ใจดี อากาศดีเป็นบ้า ใครจะคิดว่าจังหวัดนี้จะมีของดีซ่อนอยู่ เรากับเพื่อนรวมกันเป็น4คน บวกอาจารย์ผู้เป็นห่วงเกิลแก๊งทอมบอยจึงต้องติดสอยห้อยท้ายมาเฝ้าเหล่าลูกลิงด้วย
วันที่1
วันที่ 25ตุลาตม เราเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ไฟล์ท8โมงเช้า เดินทางสู่สนามบินหาดใหญ่ ใช้เวลา45นาทีก็ถึงพวกเราแวะทานขาวเช้าในสนามบิน เพื่อรอลุงชนินมารับ สถานที่ที่เราจะเดินทางไปนั้นบ้านพักโฮมสเตย์ ใน ตำบลทรายขาวตก อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งที่นี่เป็นการท่องเที่ยวแบบชุมชน หรือซีบีที ที่นักท่องเที่ยวสามารถเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนได้ และแน่นอนสายตีเนียนตลกชิมนู่นชิมนี่ไปทั่ว อดตื่นเต้นไม่ไหวที่จะได้ไปเจอชาวบ้านแล้ว ก่อนที่จะไปยังที่พักนั้นเราแวะเข้าตัวเมืองปัตตานีก่อน ตลอดทางตั้งแต่สนามบินจนถึงร้านข้าว เราจะพบป้อมทหารเรียงราย ตลอดทาง ต้องชะลออเปิดกระจกบ้าง พอให้พี่เขาเห็นหน้าสวยๆของสาวกรุงเทพก็ชื่นใจ แฮ่! เราแวะทานข้าวแกงปักษ์ใต้ซึ่งข้าวแกงนั้นเผ็ดจนต้องร้องขอชีวิต “พี่คะเอาพะโล้ราดที” ลิ้นยังไม่สร้างภูมิคุ้มกันรสเผ็ดไม่ได้ แต่มื้อต่อไปต้องดีขึ้น ราคาอาหารก็ไม่แพงมาก ตกอยู่ที่35บาท ราดแกงสองอย่าง ถูกมากๆเลย ก่อนจะไปก็ขอแชะภาพกับรถพี่ๆซะหน่อย หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็เดินทางไปยังมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ซึ่งอยู่ในช่วงการปรับปรุงบูรณะ ช่วงที่เราไปนั้นพึ่งละหมาดเสร็จพอดี ก็เจอครอบครัวของม๊ะ (ม๊ะ = แม่) ถ่ายรูปกันอยู่ พวกเราก็ไปขอถ่ายด้วยทำตัวกลมกลืนเป็นลูกม๊ะกัน คนที่นี่เป็นมิตรสุดๆ ม๊ะยิ้มให้ตลอด ลูกๆหลานก็มาวิ่งเล่น ถ่ายรูปกับพวกเราด้วย ที่มัสยิดนั้นเราไม่ได้เข้าไปชมด้านในเนื่องจากมีการแบ่งสถานที่สำหรับผู้หญิงผู้ชายก็เลยชมอยู่ข้างนอก คุณลุงที่เป็นช่างบูรณะก็มาเล่าประวัติเล็กน้อยให้ฟังด้วย หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางไปยังศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พวกเราเข้าไปทำบุญและเสี่ยงเซียมซีกัน แอบแวะเล่นกับน้องหมาประจำศาลหาเห็บให้ แล้วจึงเดินทางไปยังมัสยิดกรือเซะ  ตัวมัสยิดเป็นอิฐเก่า มีห้องสำหรับละหมาดอยู่แค่หนึ่งห้องเท่านั้น สักพักเราก็ต้องออกมาเพราะว่า กำลังจะเรียกให้ละหมาดแล้ว หลังจากนั้นก็แวะไปชมกุโบร์ของรายาอูงู ที่เคยมีหนังเรื่องปืนใหญ่โจรสลัด ที่นี่ก็มีพี่ทหารมาเฝ้าด้วย เท่าที่เราสังเกตในบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวจะมีทหารมาเฝ้าระวังเสมอ สู้ๆนะพี่ หลังจากนั้นเราจึงมุ่งหน้าสู่บ้านทรายขาวที่พักของเรา เย้ ภาพแรกที่ไปถึงคือสวยมาก บ้านพักอยู่หน้าภูเขา ล้อมไปด้วยนาข้าว ป่ายางสวนผลไม้ มันเขียวมาก นี่คือการมาสู่ชนบทจริงๆ ป้าแช่มแฟนลุงชนินทำกับข้าวไว้รอพวกเราอยู่แล้ว หลังจากรับประทานอาหารเย็น เราก็ขึ้นไปเตรียมตัวอาบน้ำพูดคุยกับป้าแช่ม ลุงชนิน และได้เจอกับป้ารีมือนวดอันดับหนึ่งของโคกโพธิ์ นวดจนอาจารย์สลบคามือไปเลย หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นตี4.30 ไปขึ้นเขา เพื่อไปรอดูหมอก
วันที่2
นาฬิกายังไม่ทันสั่นป้าแช่มลงมือเองดีกว่า ไม่งั้นไม่ลุกพวกเราก็งอแงไปอาบน้ำล้างหน้าขึ้นอุทยานน้ำตกทรายขาวกัน แต่จะให้เดินขึ้นก็ไม่เก๋น่ะสิ ต้องไปด้วยนี่เลยรถจี๊ป ลุงพะยอมกับป๊ะ เป็นคนขับรถจี๊ปให้เราในวันนี้ อากาศตอนเช้าเย็นและสดชื่นมากๆ ทางขึ้นมืดจนน่ากลัว แต่ลุงพะยอมกับป๊ะขับเก่งมา มองไปอีกทีก็ขึ้นมาถึงจุดชมวิวแล้ว ตรงจุดนี้ในช่วงที่ฝนตกตอนเช้าๆจะมีหมอกลงมากเหมือนภาคเหนือเลย แต่น่าเสียดายหมอกลงน้อยไปหน่อยและฟ้าปิดพระอาทิตย์ขึ้นช้า เราเดินไปถ่ายรูปวิวกัน และจุดเด่นของที่นี่อีกอย่างหนึ่งคือพระพุทธรูปขนาดใหญ่บนภูเขาที่เป็นเหมือนแลนมาร์กของบ้านทรายขาวเลยทีเดียว หลังจากนั้นเราเดินทางลงมาจากจุดชมวิวไปดูหน้าผาหินพญางู ซึ่งเป็นมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่กัดเซาะหินจนแปลงเปลี่ยนรูปร่างให้น่าเกรงขามได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่