สวัสดีค่ะ พี่น้องทู้กโค้นนนนนน ก่อนอื่นขอเล่าที่มาก่อนเนอะ กว่ามาเขียนกระทู้นี้ก็คิดกันนานมากกกก (ไม่ถึงชั่วโมงระหว่างพี่ขุนไกรออกศึก)
ว่าจะเขียนกันยังไงดีให้คนอื่นเข้าใจ สุดท้ายก็เอาวะ ขอมาเล่าประสบการณ์ซักหน่อย
เห็นคนไปเที่ยวแล้วงบประหยัด ไปหลายวันงบไม่กี่พัน เราก็เฮ้ยยยยย ทำกันได้ยังไง (อยากทำได้บ้าง แต่ทำไม่ได้อ่าา มีความอิจฉาเบาๆ)
เราก็เลยอยากมาแชร์อีกมุมหนึ่ง ของคนที่ไปเที่ยวแล้วมันต้องเอาให้สุด อยากไปก็ต้องไป แต่งบเป็นยังไงเดี๋ยวก็รู้ อิอิ
ต้องออกตัวก่อนว่ากลุ่มเราตั้งใจว่าจะเที่ยวกันปีละครั้ง ดังนั้นเราเลยมีข้อจำกัดเรื่องวันที่จะไปเลยพยายามหาวันที่สะดวกกันทุกคน
หลังจากที่เรา 3 คนตกลงกันได้ว่าจะไปเชี่ยวหลาน ปัญหาก็เกิด
เราหาที่พักไม่ได้ติดวันหยุด ราคาก็แพง ตั๋ว 0 บาทหรอไม่ได้กินเงินฉันหรอกจ้า
ตามสัจจธรรมที่ว่า "ที่ใดมีเราสามคน ที่นั่นย่อมไม่ง่าย"
ดังนั้นคุณค่าที่เราคู่ควร ก็คือออออออออ
- ตั๋วเครื่องบิน Lion Air ไป-กลับ กรุงเทพ สุราษฯ ราคา 2200 บาทเจ้าค่าาา มีใครให้ราคาดีกว่านี้มั้ยคะ?
ด้วยความที่เรา 3 คนเข้าใจค่ะ ว่ามันเป็นวันหยุดราคาก็ต้องแพง ก็จองค่ะ กดไปมือสั่นไป ท่องไว้ เราจะเที่ยว เราจะเที่ยว
ในที่สุดเราก็ได้ตั๋วมาอยู่ในมือค่ะ เราจองไปเช้ากลับเย็นของอีกวันเพราะที่พักเต็ม เลยต้องเลือกเวลานี้ จะได้เที่ยวได้เต็มที่
เห็นมั้ยคะ การเที่ยวมันไม่ง่ายไปซะทีเดียว แต่เราสู้ค่ะ ฮึบ!!!
- ที่พัก เรา 3 คน จองที่แพสายชล เป็นแบบแพ็คเกจเหมาค่าอาหาร + ที่พัก 1 คืน ราคา 8900 บาท ยิ้มอีกแล้วสิคะ ราคางดงามเหมือนคนพักเลยทีเดียว
ถามว่าทำไมต้องพักที่นี่ คือเรามีเงื่อนไขว่าอยากมีห้องน้ำในตัวค่ะ เพราะเราก็เป็นผู้หญิงสามคนก็เลยอยากส่วนตัวนิดนึง ถึงราคาจะไม่นิดนึงเลยก็ตาม 5555
ก่อนจะมาจองที่นี่เราก็พยายามหากันทุกที่ค่ะ ที่เค้าว่าดี ว่าสวย ราคาโอเค แต่พอเราโทรไปถามก็มีทั้งแพเต็มกับราคาเป็นหมื่น Say goodbye กันแทบไม่ทัน
ตอนนั้นก็นั่งพูดกันในกลุ่มว่าไหนที่รีวิวมันไม่แพงแบบนี้ แต่ก็ได้ข้อสรุปว่าผิดที่เราเองค่ะ ที่อยากมาวันหยุดกับไม่ได้จองโปรโมชั่นตามงาน ททท ไว้
ก่อนไปเราก็จัดการจองมัดจำไว้ก่อนค่ะ แล้วไปจ่ายที่เหลือที่แพวันที่ลงเรือเลย
ทีนี้ก็เรียบร้อยค่ะ พร้อมเที่ยวมากกกกกกกกกกก จิตใจโบยบิน นึกกันว่าจะไปพายเรือ นอนดูดาว เล่นน้ำ พูดกันทุกวันจนถึงวันไป ไม่ตื่นเต้นเล้ยย
-วันที่ 1-
ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึงค่ะ วันฤกษ์ดีที่เรา 3 คนจะออกทะเล โอ้ ทะเลแสนงาม สาวงามสามคนมาแล้วจ้าา
พอเราไปถึงสนามบินสุราษฯ สิ่งแรกที่ทำคือโทรบอกทางแพให้ส่งรถมารับค่ะ ซึ่งเป็นรถตู้รับจ้างจะคิดค่าโดยสารแยกต่างหากจากที่พักนะคะ
รถตู้จะพาเราจากสนามบินไปส่งที่ปากเขื่อนค่ะ ระยะทางก็ไกลพอสมควร พอใกล้ๆถึงลุงคนขับก็จอด 7-11 ให้เราแวะซื้อขนมเครื่องดื่มตุนไว้ค่ะ
เพราะบนแพจะไม่มีขาย เพื่อนเรา 2 คนก็ลงไปซื้อค่ะ เราก็รออยู่บนรถ แต่พอไปถึงปากเขื่อนเราก็ได้เห็นสิ่งที่เพื่อนซื้อมาค่ะ (พอดีแยกกันนั่งค่ะ)
สิ่งนั้นก็คือ แตงโมค่ะ อาจจะคิดกันว่าแปลกตรงไหนใช่มั้ยคะ? มันมาเป็นลูกค่ะ ย้ำว่าเป็นลูก!!! เพื่อนบอกว่าลุงคนขับบอกแตงโมที่นี่หวาน ต้องกินให้ได้
ก็ตามนั้นค่ะ จัดไปไม่มีขัดศรัทธา แตงโม แตงโหม่ แตงโม แตงโม ลูกโตๆ หวานๆ (ใส่ทำนองเจ๊จินด้วยนะคะ เพิ่มอรรถรส)
พอถึงที่ปากเขื่อนแล้ว เรา 3 คนก็โทรศัพท์บอกทางบ้านค่ะว่าจะลงเรือแล้ว เพราะทางที่พักบอกว่าจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เราจะตัดขาดโลกภายนอก
บอกลากันไปเลยค่ะ เราจะไปนอนอืด ชิลๆ ชมวิวสวยๆ
ขึ้นเรือมาก็จะเป็นเรือยาวค่ะ ที่มีแค่เรา 3 คน และเราก็จะอยู่กับลุงคนขับเรือคนที่มารับจนวันกลับเลยค่ะ เราจะนัดหมายเวลากับลุงคนนี้เลยค่ะ
ว่าจะไปชมถ้ำ ดูเขาสามเกลอ กันวันไหน ตอนกี่โมง ระหว่างทางไปก็ถ่ายรูปสิคะ จะรออะไร ตรงไหนสวย ตรงไหนดี ก็บอกลุงจอดเลยค่ะ จอดดดดดด
ตอนที่พวกเราไปถึง แดดก็ร้อนแรงแล้วค่ะ แต่อย่าไปกลัวค่ะ มาเที่ยวต้องเต็มที่ค่ะ
แล้วเราก็มาถึงที่พักค่ะ หน้าตาที่พักจะเป็นแบบนี้ค่ะ เราจองแบบห้องน้ำในตัวจะได้เป็นบ้านไม้ค่ะ ด้วยความที่เรามาถึงเป็นบ้านสุดท้าย
ไม่สามารถเลือกได้ค่ะว่าจะพักหลังไหน เค้าให้หลังไหนก็หลังนั้นค่ะ
เราจะต้องจ่ายค่ามัดจำกุญแจห้องด้วยนะคะ ถ้าจะพายเรือคายัคก็มาเช่าไม้พายเอาค่ะ
พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เราก็ไปห้องพักกันค่ะ ในห้องก็จะมีเตียง พัดลมเท่านี้ค่ะ
เพื่อนเราเห็นผ้าห่มมีสองผืน ก็เป็นห่วงค่ะ เดี๋ยวจะหนาวแย่งผ้าห่มกัน ก็พากันเดินไปขอเพิ่มค่ะ
ลุงที่แพก็บอกไม่ได้ใช้หรอก แต่ก็หยิบให้นะคะ พวกเราก็ยังมุ่งมั่นค่ะว่าต้องเอาเพิ่มเผื่อหนาว ใครมาพูดก็ไม่หวั่นไหว
เก็บของ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ถึงเวลาลุยค่ะ ทานอาหารกัน 5555 เค้าจะจัดให้กินเลยค่ะ มีอย่างไหนก็กินอย่างนั้น อาหารเติมได้ไม่อั้นค่ะ
สิ่งที่เราประทับใจที่สุดบนโต๊ะคือ แตงโมค่ะ มันมีแตงโม!!! ถึงตรงนี้เราก็คิดว่าซื้อมาทำไม แต่เอาวะ ของเราต้องหวานกว่าแน่ๆ คิดอย่างมั่นใจ
(แล้วที่สำคัญ มีทุกมื้อนะคะแตงโมเนี่ย ของเค้าดังจริง)
ต้องขอโทษไว้ก่อนนะคะ ถ้าเป็นรูปของกิน เราไม่ค่อยได้ถ่ายค่ะ เพราะจะหิวกันตลอดเลยต้องรีบกินค่ะ อิอิ
พอท้องอิ่ม เราก็ลุยค่ะ ฮึกเหิม วันนี้เราเหลือเวลาแค่ช่วงบ่ายค่ะ ก็เลยตกลงกันว่าจะไปชมถ้ำค่ะ
ลุงคนขับเรือก็พาเราไปสู่จุดหมาย พอมาถึง เฮ้ย ไหนถ้ำที่เราตามหา มีแต่ดินกับเขา แต่อย่าเพิ่งคิดว่าไม่สวยนะคะ วิวสวยค่า
ลุงเค้าก็เดินนำพวกเราไปค่ะ สู่จุดเริ่มต้นของการเดินทางที่เราไม่คาดฝัน นั่นคือ การเดินป่าต่ออีก 12 กิโลค่ะ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย
เราก็หันมามองหน้ากัน ส่งสายตาให้รู้กันว่า ไปต่อค่ะ ลุย!!! คว้าไม้ค้ำคนละอัน แล้วเข้าสู่ป่ากันค่ะ
ลุงคนขับก็หันมาเป็นไกด์คอยพูดแนะนำไปตามทางค่ะ บอกถ้ามาหน้าฝนจะสวยกว่านี้ พอเดินไปแรกๆก็ยังพอไหวค่ะ คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง
แต่พอระยะทางเริ่มมากขึ้น เสียงก็ค่อยๆ หายไปค่ะ พรอมกับเรี่ยวแรงที่มี จนในที่สุดเราก็ได้พักค่ะ เหมือนเราได้เจอโอเอซิสกันเลยทีเดียว
อันนี้ไม่เว่อร์นะคะ ลองคิดถึงภาพ 3 สาวที่ไม่ค่อยออกกำลัง เน้นกินสิคะ จะนึกสภาพออกกันเลย
อันนี้คือภาพระหว่างทางค่ะ พอพักก็ต้องชักภาพกันซักหน่อยเป็นที่ระลึกการเดินป่าของเรา
หลังจากพักได้ไม่นาน ลุงคนขับก็บอกไปต่อค่ะ เอ้า หอบหิ้วร่างกันต่อไปค่ะ
แล้วนี่ก็คือวิวที่เรามาเจอหลังเดินป่า สวยค่ะ คุ้มกับที่เดินมา
ถามว่าหายเหนื่อยเลยมั้ย? ยังค่ะ ขอพักก่อนเพราะว่ายังเหนื่อยเกินไป
สำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์กินนอนแบบเรา 3 คนค่ะ จัดไปทั้งน้ำดื่ม ไอติมหลอดอีกคนละแท่งให้ชื่นใจระหว่างรอแพไม้ไผ่มารับค่ะ
พอหายเหนื่อยก็เตรียมตัวไปขึ้นแพค่ะ บนแพนี้จะไม่มีชูชีพนะคะ เค้าจะใช้ไม้ค้ำถ่อไปเรื่อยๆค่ะ
ถึงหน้าปากถ้ำแล้วค่ะ พวกเราก็มองหน้ากันอีกครั้งค่ะ เวลาพจญภัยของเรามาอีกแล้วววว เดินขึ้นปากถ้ำค่ะ ทางจะชันหน่อยค่ะแต่จะมีราวให้จับ
เราก็ปีนค่ะ เดินขึ้นไปแบบไม่หวั่น เราจะมาเที่ยวถ้ำ เรามุ่งมั่น ปีนเข้าไปค่ะ จนถึงปากทางเข้าก็รอจนคนครบแพ เค้าก็จะแจกไฟส่องกบค่ะ เข้าไปสำรวจกันเลย
นี่คือเบื้องหลังของน้องชายดำ ไกด์กิตติมศักดิ์ของเราค่ะ คอยถือไฟหลอดยาวเท่าตัว คอยอธิบายรูปร่างหินให้ฟังค่ะ
รูปในถ้ำเราก็ถ่ายมานะคะ แต่จะไม่เปิดเผย อยากให้ทุกคนได้ไปพจญภัยแบบเรา 3 คน 5555
ชมถ้ำเสร็จก็พากันกลับมาที่พักค่ะ ต่อไปนี้คือก็ถึงเวลาที่รอคอย พายเรือคายัคค่าาา แต่ก็เคยบอกแล้วถ้ามีพวกเราอะไรก็ไม่ง่าย
เรือคายัคหมดค่ะ เราต้องรอให้คนอื่นเลิกเล่นก่อน เรา 3 คนก็จ้องเลยค่ะ เรือจงว่าง เรือจงว่าง สะกดจิตวนไปค่ะ แล้วก็มีคนเลิกเล่น เราก็ยิ้มกันเลยค่ะ
เดินมุ่งหน้าไปขอเรือต่อเลย
พอได้เรือมาคนอื่นต้องพายเลยใช่มั้ยคะ? แน่นอนว่าไม่ใช่กับเรา 3 คนค่ะ นั่งมองหน้ากันอีก เราจะทำยังไงดี
อยากไปด้วยกันหมด จนมีเรือพายผ่านเค้ามากันสี่คนค่ะ ตะโกนถามเลยว่า พี่คะ มันนั่งได้ใช่มั้ยคะ?
เค้าก็ตอบมาว่าได้ พร้อมกับมองหน้าพวกเรา คงคิดในใจว่าก็นั่งกันมาอยู่นี่ไง 5555
พอรู้ว่าไป 3 คนพร้อมกันได้ก็ลุยอีกแล้วค่ะ ใส่ชูชีพพากันลงเรือ แล้วเราก็มองหน้ากันอีกแล้วค่า มันพายยังไงวะ แล้วแต่ละคนว่ายน้ำไม่เป็น สบายสบ้ายย
ก็ผลักเรือออกเลยค่ะ เราจะพายค่ะ เราจะพาย แล้วก็ได้พายจริงๆค่ะ วนอยู่ตรงนั้น บังคับทิศทางไม่ได้ ตะโกนโวยวายเลยค่ะ ทำไงวะ
ตะโกนถามคนที่อยู่บนแพ มันพายยังไงคะพี๊? พี่เค้าก็บอกพายๆไปเลย อ๊าววว แล้วมันพายยังง๊ายยย
ตอนนี้เรือเราก็ออกสู่โลกกว้างเรียบร้อยค่ะ ออกไปไกลเรื่อยๆ ไร้คนเหลียวแล เราก็เริ่มตั้งใจกันขึ้นมานิดนึง จนพอจับทางวิธีพายได้ค่ะ
ทีนี้ก็สบายค่ะ พายออกอ่าวไทยยังได้ บอกซ้ายไปซ้าย ขวาไปขวา เชี่ยวชาญมาก ภูมิใจค่ะ ค้นพบพรสวรรค์ของกลุ่มเรา 5555
นี่คือรูปค่ะ มันสนุกจริงๆ บางคนพายไปตรงถ้ำที่เราไปชมมาเมื่อกี้เองด้วยนะคะ แต่เราขอพายโชว์เบาๆหน้าแพพอค่ะ
(ไม่มีรูป 3 คนเลยค่ะ เก็บภาพไม่ได้จริงๆ ตอนนั้นมัวแต่ร้องขอชีวิตอย่างเดียว)
หลังจากพายเรือเสร็จ เราก็พักค่ะ เล่นน้ำกัน พอลงน้ำเท่านั้นตัวติดชูชีพมันหลุดจ้าาา โอยยย ชีวิตมันไม่ง่ายจริงๆ
แต่พอติดคืนแล้วก็เล่นต่อค่ะ ฟรีสไตล์ กรรเชียง จัดไปค่ะ สวมวิญญาณนางเงือก
พอเหนื่อยก็กระหายสิคะ อย่ารอช้า รีบไปหยิบแตงโมลูกนั้นมากินกันเลยค่ะ
กินเฉยๆ ก็ง่ายไป เราก็เลยเล่นเกมกันค่ะ จนแตงโมหมดลูก อิ่มแตงโมไปอีกสามเดือน
วันแรกก็จบแค่นี้แหละค่ะ สบายๆ ไม่เหนื่อย (หรอออออ?)
แล้วไฮไลท์ที่นี่เค้าบอกว่ามีดาวตกเยอะมาก พวกเรามาทั้งทีไม่มีดาวตกค่ะ 5555
พอไม่ถึงสองทุ่มทุกบ้านปิดประตูหมด เราก็ต้องทำตามค่ะ ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว
(ลืมเรื่องผ้าห่มกันยังคะ ก็เป็นไปตามที่เค้าบอกไม่มีใครใช้ผ้าห่มเลยค่ะ เพราะวันที่พวกเราไปร้อนมากกก)
-วันที่ 2-
เช้าวันใหม่แสนสดใสก็มาถึงค่ะ เราตื่นกันแต่เช้าเพราะลุงคนขับจะพาไปดูหมอกค่ะ ไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างของที่นี่
แล้วเราก็มุ่งหน้าไปจุดชมหมอก ลุงบอกแถวนั้นหมอกจะเยอะ แต่พอเจอเรา 3 คนเข้าไป หมอกหายค่าา!!!
นี่คือสิ่งที่เราพบเจอ ไหนหมอก ซ้ายก็ไม่มี ขวาก็ไม่เจอ เอาเวลานอนคืนม๊าาาา
(แต่หลังจากที่เราขึ้นฝั่ง ทำการเช็ค FB ก็พบว่ามีน้องที่มาวันเดียวกัน เค้าเจอหมอกค่าา สวยด้วย ปลงหนักกว่าเดิม 5555)
[CR] 2 วัน 1 คืน ที่เชี่ยวหลาน เที่ยวแบบคนอยากเที่ยว กินแบบคนอยากกิน
สวัสดีค่ะ พี่น้องทู้กโค้นนนนนน ก่อนอื่นขอเล่าที่มาก่อนเนอะ กว่ามาเขียนกระทู้นี้ก็คิดกันนานมากกกก (ไม่ถึงชั่วโมงระหว่างพี่ขุนไกรออกศึก)
ว่าจะเขียนกันยังไงดีให้คนอื่นเข้าใจ สุดท้ายก็เอาวะ ขอมาเล่าประสบการณ์ซักหน่อย
เห็นคนไปเที่ยวแล้วงบประหยัด ไปหลายวันงบไม่กี่พัน เราก็เฮ้ยยยยย ทำกันได้ยังไง (อยากทำได้บ้าง แต่ทำไม่ได้อ่าา มีความอิจฉาเบาๆ)
เราก็เลยอยากมาแชร์อีกมุมหนึ่ง ของคนที่ไปเที่ยวแล้วมันต้องเอาให้สุด อยากไปก็ต้องไป แต่งบเป็นยังไงเดี๋ยวก็รู้ อิอิ
ต้องออกตัวก่อนว่ากลุ่มเราตั้งใจว่าจะเที่ยวกันปีละครั้ง ดังนั้นเราเลยมีข้อจำกัดเรื่องวันที่จะไปเลยพยายามหาวันที่สะดวกกันทุกคน
หลังจากที่เรา 3 คนตกลงกันได้ว่าจะไปเชี่ยวหลาน ปัญหาก็เกิด
เราหาที่พักไม่ได้ติดวันหยุด ราคาก็แพง ตั๋ว 0 บาทหรอไม่ได้กินเงินฉันหรอกจ้า
ตามสัจจธรรมที่ว่า "ที่ใดมีเราสามคน ที่นั่นย่อมไม่ง่าย"
ดังนั้นคุณค่าที่เราคู่ควร ก็คือออออออออ
- ตั๋วเครื่องบิน Lion Air ไป-กลับ กรุงเทพ สุราษฯ ราคา 2200 บาทเจ้าค่าาา มีใครให้ราคาดีกว่านี้มั้ยคะ?
ด้วยความที่เรา 3 คนเข้าใจค่ะ ว่ามันเป็นวันหยุดราคาก็ต้องแพง ก็จองค่ะ กดไปมือสั่นไป ท่องไว้ เราจะเที่ยว เราจะเที่ยว
ในที่สุดเราก็ได้ตั๋วมาอยู่ในมือค่ะ เราจองไปเช้ากลับเย็นของอีกวันเพราะที่พักเต็ม เลยต้องเลือกเวลานี้ จะได้เที่ยวได้เต็มที่
เห็นมั้ยคะ การเที่ยวมันไม่ง่ายไปซะทีเดียว แต่เราสู้ค่ะ ฮึบ!!!
- ที่พัก เรา 3 คน จองที่แพสายชล เป็นแบบแพ็คเกจเหมาค่าอาหาร + ที่พัก 1 คืน ราคา 8900 บาท ยิ้มอีกแล้วสิคะ ราคางดงามเหมือนคนพักเลยทีเดียว
ถามว่าทำไมต้องพักที่นี่ คือเรามีเงื่อนไขว่าอยากมีห้องน้ำในตัวค่ะ เพราะเราก็เป็นผู้หญิงสามคนก็เลยอยากส่วนตัวนิดนึง ถึงราคาจะไม่นิดนึงเลยก็ตาม 5555
ก่อนจะมาจองที่นี่เราก็พยายามหากันทุกที่ค่ะ ที่เค้าว่าดี ว่าสวย ราคาโอเค แต่พอเราโทรไปถามก็มีทั้งแพเต็มกับราคาเป็นหมื่น Say goodbye กันแทบไม่ทัน
ตอนนั้นก็นั่งพูดกันในกลุ่มว่าไหนที่รีวิวมันไม่แพงแบบนี้ แต่ก็ได้ข้อสรุปว่าผิดที่เราเองค่ะ ที่อยากมาวันหยุดกับไม่ได้จองโปรโมชั่นตามงาน ททท ไว้
ก่อนไปเราก็จัดการจองมัดจำไว้ก่อนค่ะ แล้วไปจ่ายที่เหลือที่แพวันที่ลงเรือเลย
ทีนี้ก็เรียบร้อยค่ะ พร้อมเที่ยวมากกกกกกกกกกก จิตใจโบยบิน นึกกันว่าจะไปพายเรือ นอนดูดาว เล่นน้ำ พูดกันทุกวันจนถึงวันไป ไม่ตื่นเต้นเล้ยย
-วันที่ 1-
ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึงค่ะ วันฤกษ์ดีที่เรา 3 คนจะออกทะเล โอ้ ทะเลแสนงาม สาวงามสามคนมาแล้วจ้าา
พอเราไปถึงสนามบินสุราษฯ สิ่งแรกที่ทำคือโทรบอกทางแพให้ส่งรถมารับค่ะ ซึ่งเป็นรถตู้รับจ้างจะคิดค่าโดยสารแยกต่างหากจากที่พักนะคะ
รถตู้จะพาเราจากสนามบินไปส่งที่ปากเขื่อนค่ะ ระยะทางก็ไกลพอสมควร พอใกล้ๆถึงลุงคนขับก็จอด 7-11 ให้เราแวะซื้อขนมเครื่องดื่มตุนไว้ค่ะ
เพราะบนแพจะไม่มีขาย เพื่อนเรา 2 คนก็ลงไปซื้อค่ะ เราก็รออยู่บนรถ แต่พอไปถึงปากเขื่อนเราก็ได้เห็นสิ่งที่เพื่อนซื้อมาค่ะ (พอดีแยกกันนั่งค่ะ)
สิ่งนั้นก็คือ แตงโมค่ะ อาจจะคิดกันว่าแปลกตรงไหนใช่มั้ยคะ? มันมาเป็นลูกค่ะ ย้ำว่าเป็นลูก!!! เพื่อนบอกว่าลุงคนขับบอกแตงโมที่นี่หวาน ต้องกินให้ได้
ก็ตามนั้นค่ะ จัดไปไม่มีขัดศรัทธา แตงโม แตงโหม่ แตงโม แตงโม ลูกโตๆ หวานๆ (ใส่ทำนองเจ๊จินด้วยนะคะ เพิ่มอรรถรส)
พอถึงที่ปากเขื่อนแล้ว เรา 3 คนก็โทรศัพท์บอกทางบ้านค่ะว่าจะลงเรือแล้ว เพราะทางที่พักบอกว่าจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เราจะตัดขาดโลกภายนอก
บอกลากันไปเลยค่ะ เราจะไปนอนอืด ชิลๆ ชมวิวสวยๆ
ขึ้นเรือมาก็จะเป็นเรือยาวค่ะ ที่มีแค่เรา 3 คน และเราก็จะอยู่กับลุงคนขับเรือคนที่มารับจนวันกลับเลยค่ะ เราจะนัดหมายเวลากับลุงคนนี้เลยค่ะ
ว่าจะไปชมถ้ำ ดูเขาสามเกลอ กันวันไหน ตอนกี่โมง ระหว่างทางไปก็ถ่ายรูปสิคะ จะรออะไร ตรงไหนสวย ตรงไหนดี ก็บอกลุงจอดเลยค่ะ จอดดดดดด
ตอนที่พวกเราไปถึง แดดก็ร้อนแรงแล้วค่ะ แต่อย่าไปกลัวค่ะ มาเที่ยวต้องเต็มที่ค่ะ
แล้วเราก็มาถึงที่พักค่ะ หน้าตาที่พักจะเป็นแบบนี้ค่ะ เราจองแบบห้องน้ำในตัวจะได้เป็นบ้านไม้ค่ะ ด้วยความที่เรามาถึงเป็นบ้านสุดท้าย
ไม่สามารถเลือกได้ค่ะว่าจะพักหลังไหน เค้าให้หลังไหนก็หลังนั้นค่ะ
เราจะต้องจ่ายค่ามัดจำกุญแจห้องด้วยนะคะ ถ้าจะพายเรือคายัคก็มาเช่าไม้พายเอาค่ะ
พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เราก็ไปห้องพักกันค่ะ ในห้องก็จะมีเตียง พัดลมเท่านี้ค่ะ
เพื่อนเราเห็นผ้าห่มมีสองผืน ก็เป็นห่วงค่ะ เดี๋ยวจะหนาวแย่งผ้าห่มกัน ก็พากันเดินไปขอเพิ่มค่ะ
ลุงที่แพก็บอกไม่ได้ใช้หรอก แต่ก็หยิบให้นะคะ พวกเราก็ยังมุ่งมั่นค่ะว่าต้องเอาเพิ่มเผื่อหนาว ใครมาพูดก็ไม่หวั่นไหว
เก็บของ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ถึงเวลาลุยค่ะ ทานอาหารกัน 5555 เค้าจะจัดให้กินเลยค่ะ มีอย่างไหนก็กินอย่างนั้น อาหารเติมได้ไม่อั้นค่ะ
สิ่งที่เราประทับใจที่สุดบนโต๊ะคือ แตงโมค่ะ มันมีแตงโม!!! ถึงตรงนี้เราก็คิดว่าซื้อมาทำไม แต่เอาวะ ของเราต้องหวานกว่าแน่ๆ คิดอย่างมั่นใจ
(แล้วที่สำคัญ มีทุกมื้อนะคะแตงโมเนี่ย ของเค้าดังจริง)
ต้องขอโทษไว้ก่อนนะคะ ถ้าเป็นรูปของกิน เราไม่ค่อยได้ถ่ายค่ะ เพราะจะหิวกันตลอดเลยต้องรีบกินค่ะ อิอิ
พอท้องอิ่ม เราก็ลุยค่ะ ฮึกเหิม วันนี้เราเหลือเวลาแค่ช่วงบ่ายค่ะ ก็เลยตกลงกันว่าจะไปชมถ้ำค่ะ
ลุงคนขับเรือก็พาเราไปสู่จุดหมาย พอมาถึง เฮ้ย ไหนถ้ำที่เราตามหา มีแต่ดินกับเขา แต่อย่าเพิ่งคิดว่าไม่สวยนะคะ วิวสวยค่า
ลุงเค้าก็เดินนำพวกเราไปค่ะ สู่จุดเริ่มต้นของการเดินทางที่เราไม่คาดฝัน นั่นคือ การเดินป่าต่ออีก 12 กิโลค่ะ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย
เราก็หันมามองหน้ากัน ส่งสายตาให้รู้กันว่า ไปต่อค่ะ ลุย!!! คว้าไม้ค้ำคนละอัน แล้วเข้าสู่ป่ากันค่ะ
ลุงคนขับก็หันมาเป็นไกด์คอยพูดแนะนำไปตามทางค่ะ บอกถ้ามาหน้าฝนจะสวยกว่านี้ พอเดินไปแรกๆก็ยังพอไหวค่ะ คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง
แต่พอระยะทางเริ่มมากขึ้น เสียงก็ค่อยๆ หายไปค่ะ พรอมกับเรี่ยวแรงที่มี จนในที่สุดเราก็ได้พักค่ะ เหมือนเราได้เจอโอเอซิสกันเลยทีเดียว
อันนี้ไม่เว่อร์นะคะ ลองคิดถึงภาพ 3 สาวที่ไม่ค่อยออกกำลัง เน้นกินสิคะ จะนึกสภาพออกกันเลย
อันนี้คือภาพระหว่างทางค่ะ พอพักก็ต้องชักภาพกันซักหน่อยเป็นที่ระลึกการเดินป่าของเรา
หลังจากพักได้ไม่นาน ลุงคนขับก็บอกไปต่อค่ะ เอ้า หอบหิ้วร่างกันต่อไปค่ะ
แล้วนี่ก็คือวิวที่เรามาเจอหลังเดินป่า สวยค่ะ คุ้มกับที่เดินมา
ถามว่าหายเหนื่อยเลยมั้ย? ยังค่ะ ขอพักก่อนเพราะว่ายังเหนื่อยเกินไป
สำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์กินนอนแบบเรา 3 คนค่ะ จัดไปทั้งน้ำดื่ม ไอติมหลอดอีกคนละแท่งให้ชื่นใจระหว่างรอแพไม้ไผ่มารับค่ะ
พอหายเหนื่อยก็เตรียมตัวไปขึ้นแพค่ะ บนแพนี้จะไม่มีชูชีพนะคะ เค้าจะใช้ไม้ค้ำถ่อไปเรื่อยๆค่ะ
ถึงหน้าปากถ้ำแล้วค่ะ พวกเราก็มองหน้ากันอีกครั้งค่ะ เวลาพจญภัยของเรามาอีกแล้วววว เดินขึ้นปากถ้ำค่ะ ทางจะชันหน่อยค่ะแต่จะมีราวให้จับ
เราก็ปีนค่ะ เดินขึ้นไปแบบไม่หวั่น เราจะมาเที่ยวถ้ำ เรามุ่งมั่น ปีนเข้าไปค่ะ จนถึงปากทางเข้าก็รอจนคนครบแพ เค้าก็จะแจกไฟส่องกบค่ะ เข้าไปสำรวจกันเลย
นี่คือเบื้องหลังของน้องชายดำ ไกด์กิตติมศักดิ์ของเราค่ะ คอยถือไฟหลอดยาวเท่าตัว คอยอธิบายรูปร่างหินให้ฟังค่ะ
รูปในถ้ำเราก็ถ่ายมานะคะ แต่จะไม่เปิดเผย อยากให้ทุกคนได้ไปพจญภัยแบบเรา 3 คน 5555
ชมถ้ำเสร็จก็พากันกลับมาที่พักค่ะ ต่อไปนี้คือก็ถึงเวลาที่รอคอย พายเรือคายัคค่าาา แต่ก็เคยบอกแล้วถ้ามีพวกเราอะไรก็ไม่ง่าย
เรือคายัคหมดค่ะ เราต้องรอให้คนอื่นเลิกเล่นก่อน เรา 3 คนก็จ้องเลยค่ะ เรือจงว่าง เรือจงว่าง สะกดจิตวนไปค่ะ แล้วก็มีคนเลิกเล่น เราก็ยิ้มกันเลยค่ะ
เดินมุ่งหน้าไปขอเรือต่อเลย
พอได้เรือมาคนอื่นต้องพายเลยใช่มั้ยคะ? แน่นอนว่าไม่ใช่กับเรา 3 คนค่ะ นั่งมองหน้ากันอีก เราจะทำยังไงดี
อยากไปด้วยกันหมด จนมีเรือพายผ่านเค้ามากันสี่คนค่ะ ตะโกนถามเลยว่า พี่คะ มันนั่งได้ใช่มั้ยคะ?
เค้าก็ตอบมาว่าได้ พร้อมกับมองหน้าพวกเรา คงคิดในใจว่าก็นั่งกันมาอยู่นี่ไง 5555
พอรู้ว่าไป 3 คนพร้อมกันได้ก็ลุยอีกแล้วค่ะ ใส่ชูชีพพากันลงเรือ แล้วเราก็มองหน้ากันอีกแล้วค่า มันพายยังไงวะ แล้วแต่ละคนว่ายน้ำไม่เป็น สบายสบ้ายย
ก็ผลักเรือออกเลยค่ะ เราจะพายค่ะ เราจะพาย แล้วก็ได้พายจริงๆค่ะ วนอยู่ตรงนั้น บังคับทิศทางไม่ได้ ตะโกนโวยวายเลยค่ะ ทำไงวะ
ตะโกนถามคนที่อยู่บนแพ มันพายยังไงคะพี๊? พี่เค้าก็บอกพายๆไปเลย อ๊าววว แล้วมันพายยังง๊ายยย
ตอนนี้เรือเราก็ออกสู่โลกกว้างเรียบร้อยค่ะ ออกไปไกลเรื่อยๆ ไร้คนเหลียวแล เราก็เริ่มตั้งใจกันขึ้นมานิดนึง จนพอจับทางวิธีพายได้ค่ะ
ทีนี้ก็สบายค่ะ พายออกอ่าวไทยยังได้ บอกซ้ายไปซ้าย ขวาไปขวา เชี่ยวชาญมาก ภูมิใจค่ะ ค้นพบพรสวรรค์ของกลุ่มเรา 5555
นี่คือรูปค่ะ มันสนุกจริงๆ บางคนพายไปตรงถ้ำที่เราไปชมมาเมื่อกี้เองด้วยนะคะ แต่เราขอพายโชว์เบาๆหน้าแพพอค่ะ
(ไม่มีรูป 3 คนเลยค่ะ เก็บภาพไม่ได้จริงๆ ตอนนั้นมัวแต่ร้องขอชีวิตอย่างเดียว)
หลังจากพายเรือเสร็จ เราก็พักค่ะ เล่นน้ำกัน พอลงน้ำเท่านั้นตัวติดชูชีพมันหลุดจ้าาา โอยยย ชีวิตมันไม่ง่ายจริงๆ
แต่พอติดคืนแล้วก็เล่นต่อค่ะ ฟรีสไตล์ กรรเชียง จัดไปค่ะ สวมวิญญาณนางเงือก
พอเหนื่อยก็กระหายสิคะ อย่ารอช้า รีบไปหยิบแตงโมลูกนั้นมากินกันเลยค่ะ
กินเฉยๆ ก็ง่ายไป เราก็เลยเล่นเกมกันค่ะ จนแตงโมหมดลูก อิ่มแตงโมไปอีกสามเดือน
วันแรกก็จบแค่นี้แหละค่ะ สบายๆ ไม่เหนื่อย (หรอออออ?)
แล้วไฮไลท์ที่นี่เค้าบอกว่ามีดาวตกเยอะมาก พวกเรามาทั้งทีไม่มีดาวตกค่ะ 5555
พอไม่ถึงสองทุ่มทุกบ้านปิดประตูหมด เราก็ต้องทำตามค่ะ ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว
(ลืมเรื่องผ้าห่มกันยังคะ ก็เป็นไปตามที่เค้าบอกไม่มีใครใช้ผ้าห่มเลยค่ะ เพราะวันที่พวกเราไปร้อนมากกก)
-วันที่ 2-
เช้าวันใหม่แสนสดใสก็มาถึงค่ะ เราตื่นกันแต่เช้าเพราะลุงคนขับจะพาไปดูหมอกค่ะ ไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างของที่นี่
แล้วเราก็มุ่งหน้าไปจุดชมหมอก ลุงบอกแถวนั้นหมอกจะเยอะ แต่พอเจอเรา 3 คนเข้าไป หมอกหายค่าา!!!
นี่คือสิ่งที่เราพบเจอ ไหนหมอก ซ้ายก็ไม่มี ขวาก็ไม่เจอ เอาเวลานอนคืนม๊าาาา
(แต่หลังจากที่เราขึ้นฝั่ง ทำการเช็ค FB ก็พบว่ามีน้องที่มาวันเดียวกัน เค้าเจอหมอกค่าา สวยด้วย ปลงหนักกว่าเดิม 5555)