สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่พลอยเคยเขียนเป็นครั้งแรก ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหน ต้องขออภัยไว้ก่อนเลยนะคะ
ทริปนี้เกิดขึ้นจากปีก่อน มีโปรหางแดงราคาถูก เพื่อนที่มหาลัยเลยนึกสนุกชวนกันไปออกทริปที่ 'เขื่อนเชี่ยวหลาน'
หรือเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งห้องมี 24 คน แต่ว่าโปรนี้เราจองกันข้ามเดือนข้ามปีกันค่ะ
จึงมีคนตกลงปลงใจไปเหลือกันแค่ 8 คน โดยทั้งหมดเป็นชะนีทั้งสิ้น งานนี้ไม่กลัวอะไร
เพราะพวกเราล้วนแต่มีความถึกถึนกันทุกคน ส่วนที่พักเราพักกันที่ แพคีรีวารินค่ะ
ได้โปรจากงานไทยเที่ยวไทย ส่วนรายละเอียดราคาต่างๆ เดี๋ยวพิมพ์สรุปทีเดียวตอนจบนะคะ อ่ะไม่รอช้า เริ่มเลยละกันเนอะ...
06/03/59 วันแรก
ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง 09.45 น. ถึงสนามบินสุราษฯ 11.00 น. ค่ะ ไปถึงเราก็ไม่ลีลารอช้า
พี่คนขับรถตู้ที่เราเหมาแบบส่วนตัวมาจากแพ ก็มารอรับพวกเราไปท่าเรือทันทีค่ะ โดยระหว่างทางก่อนที่จะถึงท่าเรือ
พี่คนขับรถก็พาแวะถ่ายรูปที่ด้านบนของเขื่อนรัชชประภาค่ะ เราจะเห็นวิวโดยรอบๆ เห็นแค่นี้ก้สวยแล้วใช่มั้ยคะ
แต่นี่เป็นเพียงแค่ออเดิร์ฟของที่นี่เท่านั้นค่ะ!!!
เราใช้เวลานั่งรถตู้จากสนามบินไปท่าเรือประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆค่ะ
แล้วเราก็นั่งเรือต่อเพื่อเข้าตัวเขื่อนและไปที่พัก 'แพคีรีวาริน' ระหว่างทางตลอดที่เข้าที่พักสวยมากค่ะ
ไม่คิดว่าเขื่อนรัชชประภาจะกว้างใหญ่และสวยมากขนาดนี้ เราเคยเห็นกันแค่ในรูปก็ว่าสวยแล้ว
พอมาเห็นด้วยตาตัวเอง โอ้โห้ ! มันบอกไม่ถูกเลยค่ะ คุ้มจริงๆที่ตัดสินใจใช้พักร้อนกันมา
ที่นี่น้ำในเขื่อนใสมากๆ เป็นสีเขียวตลอดทาง มีเขา มีต้นไม้ขึ้นเป็นเกาะๆเยอะแยะไปหมด พี่คนขับเรือก็พาไปถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้
เราเริ่มเข้ามาลึกกันเรื่อยๆ ทุกคนสนุกกับการถ่ายรูปวิวตลอดทางและช่วงที่กำลังเพลิดเพลินกับวิวอยู่นั้น
สัญญาณโทรศัพท์ก็ค่อยๆจมหายไปกับน้ำค่ะ... . พอถึงที่พักที่แพก็มีกับข้าวรอต้อนรับเราไว้แล้ว กับข้าวที่นี่เติมได้ไม่อั้นทุกมื้อค่ะ
จุดๆนี้เพื่อนๆแฮปปี้กันมาก ที่พักที่นี่วิวดี สวยมากกกกค่ะ แต่พวกเรามาถึงกันช่วงประมาณบ่าย 2 แดดเลยกำลังจัด
อากาศจึงค่อนข้างร้อนพอสมควร แต่จุดๆนั้นอากาศก็ไม่พีคเท่าสัญญาณโทรศัพท์ค่ะ 5555
ทุกคนค่อนข้างตกใจเพราะคิดว่าอาจจะแค่ขาดๆหายๆ แต่นี่ขึ้น No service!!! เลยทีเดียว
ถึงกับต้องยกมือทาบ-อก (ถ้าใครจะมาแนะนำบอกคนที่บ้านไว้เลยนะคะ จะได้ไม่มีใครเป็นห่วงค่ะ)
ช่วงแรกๆก็รู้สึกอึดอัดกันนิดนึง ทุกคนจับโทรศัพท์ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีสัญญาณใดๆ
ไม่ใช่ว่าอยากคุยอะไรกับคนอื่นมากมายหรอกนะคะ เพื่อนเราก็มากันหลายคน แต่พวกเราไม่ได้ลงรูปอวด
ให้เพื่อนๆคนอื่นอิจฉากันเล่นๆเลยนี่สิ ก็อยากจะบอกว่าที่นี่สวยมากแค่ไหน 5555 ><
อ่ะไม่เป็นไร ไว้ลงรวดเดียวเลยก็ได้ อิจฉารวดเดียวเลยละกันเนอะ #เชอะ
นี่เป็นบรรยากาศภาพรวมหน้าแพค่ะ ดีมากจริงๆ พลอยขอคอนเฟิร์ม!
ตกเย็นของวันแรกที่แพมีโปรแกรมพานั่งเรือไปดูพระอาทิตย์ตกค่ะ
รูปตอนนั้นไม่ค่อยได้ถ่ายค่ะ มัวแต่ชื่นชมบรรยากาศอยู่ อิอิ
ทุกคนค่อยๆเรียงคิวถ่ายรูปบนหัวเรือกับพระอาทิตย์ที่กำลังตกอยู่ด้านหลัง
ถ่ายรูปดูวิวกันอยู่ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ พี่เค้าก็พากลับแพค่ะ
กลับมาถึงก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี อาหารเย็นมื้อแรกวันนี้ มีหลายสิ่งมากกกกกค่ะ ที่ถ่ายมานี่ยังไม่หมด
ขาดไปหลายอีกหลายอย่าง และทุกอย่างเติมได้เช่นเคย ยกเว้นปลาตัวโต
พอกินกันจนอิ่มแปล่แล้ว เราก็เข้าห้องหากิจกรรมเล่นกันค่ะ ทุกคนบอกลาโซเชียล
สารพัดเกมจึงเกิดขึ้นในทุกๆครั้งที่เราอยู่ในห้องด้วยกัน เกมสมัยเยาว์วัยก็ต้องมา
เราได้คุยกันมากขึ้น มีเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกันมากมาย เรื่องเก่าเรื่องใหม่มาหมด เพราะตั้งแต่แยกย้ายกันไปทำงาน
เรียนจบกันไปเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกเลย จริงๆถือว่าเป็นเรื่องดีมากในการไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ในเวลาแบบนี้
' ได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อน แทนเสียงการแจ้งเตือนของไลน์ ' มันแฮปปี้มากจริงๆค่ะ
ตกดึกก็แยกย้ายกันพักผ่อน เรามากัน 8 คนสามารถพักได้ในบ้านหลังเดียวค่ะ
เพราะว่าที่พักเรามี 2 ชั้น ชั้นล่างนอนได้ 4 ข้างบนได้อีก 4 และห้องน้ำไม่ต้องกลัวว่าจะต้องไปแย่งกับคนอื่น
มีทั้งหมด 4 ห้องน้ำในตัวเลยค่ะ สบายใจหายห่วงได้เลยค่ะจุดๆนี้
แต่ถ้ามากันเยอะแบบพวกเรา ก็จัดสรรเรียงคิวกันหน่อยละกันนะคะ 555
07/03/59 วันที่สอง
06.30 น. เช้านี้เรามีนัดกับโปรแกรมดูพระอาทิตย์ขึ้น ดูทะเลหมอก และส่องสัตว์กันค่ะ
พี่คนขับเรือจะพานั่งเรือออกไป เคยได้ยินใช่มั้ยค่ะกับคำที่เค้าว่ากันว่า...
'นกที่ตื่นเช้าก่อนชาวบ้านย่อมได้หนอนเป็นอาหารเยอะกว่าตัวอื่น' นั่นแหละค่ะเป็นเรื่องจริงสำหรับทริปนี้
เช้ามาวิวดีมากกกกกกก พระอาทิตย์ขึ้นทางด้านหน้าแพพอดี คือสวยมากจริงๆ ละสายตาไม่ได้เลยค่ะ
ค่อยๆเริ่มเช้า เราจะเห็นทะเลหมอกตลอดทางค่ะ
การส่องสัตว์นั้นไม่ค่อยมีอะไรค่ะ ก็เจอนกเหงือก นกต่างๆ ชะนีเท่านั้นค่ะ ก็เลยไม่ตื่นเต้นกับกิจกรรมนี้กันสักเท่าไหร่
แล้วเราก็กลับเข้าที่พัก มาทานอาหารเช้า แล้วเตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าไปถํ้าปะการังกันค่ะ
อันนี้เป็นหน้าตาของอาหารเช้า จริงๆที่มีคือ ข้าวต้ม, ผัดหมี่, แพนเค้ก, โอวันติน, กาแฟนะคะ
แต่มีรูปจากเพื่อนแค่รูปนี้รูปเดียว เป็นการมิกซ์การกินแบบง่ายๆค่ะ 5555
เราต้องนั่งเรือออกไปอีกประมาณชั่วโมง ที่เที่ยวแต่ละที่ค่อนข้างไกลออกไป แนะนำว่าให้คุยกับเจ้าหน้าที่
ที่แพให้เรียบร้อยไว้ตั้งแต่วันแรกนะคะ เค้าจะมีโปรแกรมให้เลือก 4 - 5 โปรแกรม
มีถ้ำหลายถ้ำให้เลือก พลอยกับเพื่อนเลือกถ้ำนี้ เพราะพี่เค้าแนะนำว่าเราเป็นผู้หญิงหมดเลย
ถ้ำนี้จะเดินง่ายหน่อย ไม่ซับซ้อนเท่าถ้ำอื่นค่ะ เราเลยโอเคค่ะ
ชะนีน้อยใหญ่ทั้ง 8 จะได้ไม่ไปเป็นภาระของคนนำทาง ไปค่ะ ลุย!
นั่งเรือเสร็จ เราต้องเดินข้ามเขาต่ออีกสักพักแล้วต่อแพ สุดท้ายก็จะถึงถ้ำปะการังค่ะ
แนะนำให้ใส่ผ้าใบนะคะ จะได้เดินคล่อง ไม่เป็นภาระของเท้าตัวเอง
พวกเราพกกันมา แต่ด้วยความที่คิดว่าคงไม่หนักหนา งานนี้เลยพลาดค่ะ 5555
นี่คือโฉมหน้า 'พี่เหน่ง' พี่ที่คอยขับเรือไปรับไปส่งเราตลอดทริปนี้ค่ะ ใจดีไม่ดุ แถมแอบติดตลกอีกด้วย
ต่อแพไปเข้าถ้ำฝั่งตรงข้ามค่ะ ก่อนเข้าถ้ำพี่เค้าก็จะแจกอุปกรณ์คือไฟส่องกบ กลุ่มละสองสามอัน
ในถ้ำสวยดีค่ะ มีหินงอกหินย้อยเต็มไปหมด หินที่พีคที่สุดก็คงเป็นเจ้านี่ ของจริงวิบวับเหมือนคริสตัลเลยนะคะ
ไม้ที่เห็นพวกเราถือกัน ที่นู้นเค้ามีแจกตอนก่อนเดินนะคะ เบาแรงไปได้หน่อยนึง 555
เสร็จแล้วเราก็กลับทางเดิมค่ะ แพ เดินต่อ นั่งเรือ เหมือนเดิม เดินนี่ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
พากันหอบแหกๆกันไปหลายคน ><
พี่เหน่งก็พาเรากลับที่พัก และนัดกับพวกเราว่า บ่ายแก่ๆจะพาพวกเรานั่งเรือไปหาที่โดดน้ำ
เมื่อถึงเวลาก็จัดอย่างไม่รอช้า กระโดดน้ำเล่นน้ำกันอย่างสาสมใจ
เล่นตรงนี้เสร็จก็พากลับมาเล่นที่หน้าห้องพักต่อ อ๋อลืมบอกไปว่าที่แพมีพายเรือคยักฟรีด้วยนะคะ เสียแค่ค่ามัดจำไม้พายค่ะ
เล่นน้ำเสร็จก็กลับสู่วงจรเดิมค่ะ ทานอาหารเย็นแล้วก็พักผ่อน ที่นี่กลางคืนมืดมากๆค่ะเลยค่อนข้างที่จะเห็นดาวชัด
ไปนั่งดูดาวที่นู้นกับเพื่อนก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบดีค่ะ
08/03/59 วันสุดท้าย
วันนี้ไม่มีกิจกรรมอะไรแล้วค่ะ แต่ต้องตื่นเช้าอีกเหมือนเดิม เพราะว่าไฟล์ทบินกลับของพวกเราคือ 11.00 น.
พวกเราเลยต้องทำเวลากันนิดนึงค่ะ เสียดายที่ได้รอบกลับไว ไม่งั้นก็ได้ทำอะไรกันอีกสักอย่างสองอย่าง
โปรถูกเลยเลือกมากไม่ได้อ่ะเนอะ 5555 แต่คิดว่าอย่างน้อยทุกคนก็คงได้ชาตแบตตัวเอง มีแรงบันดาลใจกลับไปทำงานที่ตัวเองรักต่อ
กลับไปทำงานหาเงิน เพื่อทริปต่อไปของพวกเรากัน ... ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าเนอะ บั้ยบายยยย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวด้วยนะคะ
รายละเอียดค่าใช้จ่าย / ต่อคน
- ค่าเครื่องบินไป-กลับ 1,050.-
- ค่าที่พักแพคีรีวาริน+ค่าเรือ+อาหาร 6 มื้อ 3,590.- (โทร.077-389-547)
- ค่าเหมารถตู้จากสนามบินไปท่าเรือ ไป-กลับ (ของแพคีรีวาริน) 450.-
- ค่าเข้าชมถ้ำปะการัง 350.-
รวมทั้งหมดค่าใช้จ่ายประมาณ 5,500.-
[/cent
[CR] ทริปนี้ 'สัญญาณไม่มี แต่มีเพื่อนดี ที่เขื่อนเชี่ยวหลาน' 2559
ทริปนี้เกิดขึ้นจากปีก่อน มีโปรหางแดงราคาถูก เพื่อนที่มหาลัยเลยนึกสนุกชวนกันไปออกทริปที่ 'เขื่อนเชี่ยวหลาน'
หรือเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งห้องมี 24 คน แต่ว่าโปรนี้เราจองกันข้ามเดือนข้ามปีกันค่ะ
จึงมีคนตกลงปลงใจไปเหลือกันแค่ 8 คน โดยทั้งหมดเป็นชะนีทั้งสิ้น งานนี้ไม่กลัวอะไร
เพราะพวกเราล้วนแต่มีความถึกถึนกันทุกคน ส่วนที่พักเราพักกันที่ แพคีรีวารินค่ะ
ได้โปรจากงานไทยเที่ยวไทย ส่วนรายละเอียดราคาต่างๆ เดี๋ยวพิมพ์สรุปทีเดียวตอนจบนะคะ อ่ะไม่รอช้า เริ่มเลยละกันเนอะ...
06/03/59 วันแรก
ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง 09.45 น. ถึงสนามบินสุราษฯ 11.00 น. ค่ะ ไปถึงเราก็ไม่ลีลารอช้า
พี่คนขับรถตู้ที่เราเหมาแบบส่วนตัวมาจากแพ ก็มารอรับพวกเราไปท่าเรือทันทีค่ะ โดยระหว่างทางก่อนที่จะถึงท่าเรือ
พี่คนขับรถก็พาแวะถ่ายรูปที่ด้านบนของเขื่อนรัชชประภาค่ะ เราจะเห็นวิวโดยรอบๆ เห็นแค่นี้ก้สวยแล้วใช่มั้ยคะ
แต่นี่เป็นเพียงแค่ออเดิร์ฟของที่นี่เท่านั้นค่ะ!!!
เราใช้เวลานั่งรถตู้จากสนามบินไปท่าเรือประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆค่ะ
แล้วเราก็นั่งเรือต่อเพื่อเข้าตัวเขื่อนและไปที่พัก 'แพคีรีวาริน' ระหว่างทางตลอดที่เข้าที่พักสวยมากค่ะ
ไม่คิดว่าเขื่อนรัชชประภาจะกว้างใหญ่และสวยมากขนาดนี้ เราเคยเห็นกันแค่ในรูปก็ว่าสวยแล้ว
พอมาเห็นด้วยตาตัวเอง โอ้โห้ ! มันบอกไม่ถูกเลยค่ะ คุ้มจริงๆที่ตัดสินใจใช้พักร้อนกันมา
ที่นี่น้ำในเขื่อนใสมากๆ เป็นสีเขียวตลอดทาง มีเขา มีต้นไม้ขึ้นเป็นเกาะๆเยอะแยะไปหมด พี่คนขับเรือก็พาไปถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้
เราเริ่มเข้ามาลึกกันเรื่อยๆ ทุกคนสนุกกับการถ่ายรูปวิวตลอดทางและช่วงที่กำลังเพลิดเพลินกับวิวอยู่นั้น
สัญญาณโทรศัพท์ก็ค่อยๆจมหายไปกับน้ำค่ะ... . พอถึงที่พักที่แพก็มีกับข้าวรอต้อนรับเราไว้แล้ว กับข้าวที่นี่เติมได้ไม่อั้นทุกมื้อค่ะ
จุดๆนี้เพื่อนๆแฮปปี้กันมาก ที่พักที่นี่วิวดี สวยมากกกกค่ะ แต่พวกเรามาถึงกันช่วงประมาณบ่าย 2 แดดเลยกำลังจัด
อากาศจึงค่อนข้างร้อนพอสมควร แต่จุดๆนั้นอากาศก็ไม่พีคเท่าสัญญาณโทรศัพท์ค่ะ 5555
ทุกคนค่อนข้างตกใจเพราะคิดว่าอาจจะแค่ขาดๆหายๆ แต่นี่ขึ้น No service!!! เลยทีเดียว
ถึงกับต้องยกมือทาบ-อก (ถ้าใครจะมาแนะนำบอกคนที่บ้านไว้เลยนะคะ จะได้ไม่มีใครเป็นห่วงค่ะ)
ช่วงแรกๆก็รู้สึกอึดอัดกันนิดนึง ทุกคนจับโทรศัพท์ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีสัญญาณใดๆ
ไม่ใช่ว่าอยากคุยอะไรกับคนอื่นมากมายหรอกนะคะ เพื่อนเราก็มากันหลายคน แต่พวกเราไม่ได้ลงรูปอวด
ให้เพื่อนๆคนอื่นอิจฉากันเล่นๆเลยนี่สิ ก็อยากจะบอกว่าที่นี่สวยมากแค่ไหน 5555 ><
อ่ะไม่เป็นไร ไว้ลงรวดเดียวเลยก็ได้ อิจฉารวดเดียวเลยละกันเนอะ #เชอะ
นี่เป็นบรรยากาศภาพรวมหน้าแพค่ะ ดีมากจริงๆ พลอยขอคอนเฟิร์ม!
ตกเย็นของวันแรกที่แพมีโปรแกรมพานั่งเรือไปดูพระอาทิตย์ตกค่ะ
รูปตอนนั้นไม่ค่อยได้ถ่ายค่ะ มัวแต่ชื่นชมบรรยากาศอยู่ อิอิ
ทุกคนค่อยๆเรียงคิวถ่ายรูปบนหัวเรือกับพระอาทิตย์ที่กำลังตกอยู่ด้านหลัง
ถ่ายรูปดูวิวกันอยู่ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ พี่เค้าก็พากลับแพค่ะ
กลับมาถึงก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี อาหารเย็นมื้อแรกวันนี้ มีหลายสิ่งมากกกกกค่ะ ที่ถ่ายมานี่ยังไม่หมด
ขาดไปหลายอีกหลายอย่าง และทุกอย่างเติมได้เช่นเคย ยกเว้นปลาตัวโต
พอกินกันจนอิ่มแปล่แล้ว เราก็เข้าห้องหากิจกรรมเล่นกันค่ะ ทุกคนบอกลาโซเชียล
สารพัดเกมจึงเกิดขึ้นในทุกๆครั้งที่เราอยู่ในห้องด้วยกัน เกมสมัยเยาว์วัยก็ต้องมา
เราได้คุยกันมากขึ้น มีเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกันมากมาย เรื่องเก่าเรื่องใหม่มาหมด เพราะตั้งแต่แยกย้ายกันไปทำงาน
เรียนจบกันไปเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกเลย จริงๆถือว่าเป็นเรื่องดีมากในการไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ในเวลาแบบนี้
' ได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อน แทนเสียงการแจ้งเตือนของไลน์ ' มันแฮปปี้มากจริงๆค่ะ
ตกดึกก็แยกย้ายกันพักผ่อน เรามากัน 8 คนสามารถพักได้ในบ้านหลังเดียวค่ะ
เพราะว่าที่พักเรามี 2 ชั้น ชั้นล่างนอนได้ 4 ข้างบนได้อีก 4 และห้องน้ำไม่ต้องกลัวว่าจะต้องไปแย่งกับคนอื่น
มีทั้งหมด 4 ห้องน้ำในตัวเลยค่ะ สบายใจหายห่วงได้เลยค่ะจุดๆนี้
แต่ถ้ามากันเยอะแบบพวกเรา ก็จัดสรรเรียงคิวกันหน่อยละกันนะคะ 555
07/03/59 วันที่สอง
06.30 น. เช้านี้เรามีนัดกับโปรแกรมดูพระอาทิตย์ขึ้น ดูทะเลหมอก และส่องสัตว์กันค่ะ
พี่คนขับเรือจะพานั่งเรือออกไป เคยได้ยินใช่มั้ยค่ะกับคำที่เค้าว่ากันว่า...
'นกที่ตื่นเช้าก่อนชาวบ้านย่อมได้หนอนเป็นอาหารเยอะกว่าตัวอื่น' นั่นแหละค่ะเป็นเรื่องจริงสำหรับทริปนี้
เช้ามาวิวดีมากกกกกกก พระอาทิตย์ขึ้นทางด้านหน้าแพพอดี คือสวยมากจริงๆ ละสายตาไม่ได้เลยค่ะ
ค่อยๆเริ่มเช้า เราจะเห็นทะเลหมอกตลอดทางค่ะ
การส่องสัตว์นั้นไม่ค่อยมีอะไรค่ะ ก็เจอนกเหงือก นกต่างๆ ชะนีเท่านั้นค่ะ ก็เลยไม่ตื่นเต้นกับกิจกรรมนี้กันสักเท่าไหร่
แล้วเราก็กลับเข้าที่พัก มาทานอาหารเช้า แล้วเตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าไปถํ้าปะการังกันค่ะ
อันนี้เป็นหน้าตาของอาหารเช้า จริงๆที่มีคือ ข้าวต้ม, ผัดหมี่, แพนเค้ก, โอวันติน, กาแฟนะคะ
แต่มีรูปจากเพื่อนแค่รูปนี้รูปเดียว เป็นการมิกซ์การกินแบบง่ายๆค่ะ 5555
เราต้องนั่งเรือออกไปอีกประมาณชั่วโมง ที่เที่ยวแต่ละที่ค่อนข้างไกลออกไป แนะนำว่าให้คุยกับเจ้าหน้าที่
ที่แพให้เรียบร้อยไว้ตั้งแต่วันแรกนะคะ เค้าจะมีโปรแกรมให้เลือก 4 - 5 โปรแกรม
มีถ้ำหลายถ้ำให้เลือก พลอยกับเพื่อนเลือกถ้ำนี้ เพราะพี่เค้าแนะนำว่าเราเป็นผู้หญิงหมดเลย
ถ้ำนี้จะเดินง่ายหน่อย ไม่ซับซ้อนเท่าถ้ำอื่นค่ะ เราเลยโอเคค่ะ
ชะนีน้อยใหญ่ทั้ง 8 จะได้ไม่ไปเป็นภาระของคนนำทาง ไปค่ะ ลุย!
นั่งเรือเสร็จ เราต้องเดินข้ามเขาต่ออีกสักพักแล้วต่อแพ สุดท้ายก็จะถึงถ้ำปะการังค่ะ
แนะนำให้ใส่ผ้าใบนะคะ จะได้เดินคล่อง ไม่เป็นภาระของเท้าตัวเอง
พวกเราพกกันมา แต่ด้วยความที่คิดว่าคงไม่หนักหนา งานนี้เลยพลาดค่ะ 5555
นี่คือโฉมหน้า 'พี่เหน่ง' พี่ที่คอยขับเรือไปรับไปส่งเราตลอดทริปนี้ค่ะ ใจดีไม่ดุ แถมแอบติดตลกอีกด้วย
ต่อแพไปเข้าถ้ำฝั่งตรงข้ามค่ะ ก่อนเข้าถ้ำพี่เค้าก็จะแจกอุปกรณ์คือไฟส่องกบ กลุ่มละสองสามอัน
ในถ้ำสวยดีค่ะ มีหินงอกหินย้อยเต็มไปหมด หินที่พีคที่สุดก็คงเป็นเจ้านี่ ของจริงวิบวับเหมือนคริสตัลเลยนะคะ
ไม้ที่เห็นพวกเราถือกัน ที่นู้นเค้ามีแจกตอนก่อนเดินนะคะ เบาแรงไปได้หน่อยนึง 555
เสร็จแล้วเราก็กลับทางเดิมค่ะ แพ เดินต่อ นั่งเรือ เหมือนเดิม เดินนี่ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
พากันหอบแหกๆกันไปหลายคน ><
พี่เหน่งก็พาเรากลับที่พัก และนัดกับพวกเราว่า บ่ายแก่ๆจะพาพวกเรานั่งเรือไปหาที่โดดน้ำ
เมื่อถึงเวลาก็จัดอย่างไม่รอช้า กระโดดน้ำเล่นน้ำกันอย่างสาสมใจ
เล่นตรงนี้เสร็จก็พากลับมาเล่นที่หน้าห้องพักต่อ อ๋อลืมบอกไปว่าที่แพมีพายเรือคยักฟรีด้วยนะคะ เสียแค่ค่ามัดจำไม้พายค่ะ
เล่นน้ำเสร็จก็กลับสู่วงจรเดิมค่ะ ทานอาหารเย็นแล้วก็พักผ่อน ที่นี่กลางคืนมืดมากๆค่ะเลยค่อนข้างที่จะเห็นดาวชัด
ไปนั่งดูดาวที่นู้นกับเพื่อนก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบดีค่ะ
08/03/59 วันสุดท้าย
วันนี้ไม่มีกิจกรรมอะไรแล้วค่ะ แต่ต้องตื่นเช้าอีกเหมือนเดิม เพราะว่าไฟล์ทบินกลับของพวกเราคือ 11.00 น.
พวกเราเลยต้องทำเวลากันนิดนึงค่ะ เสียดายที่ได้รอบกลับไว ไม่งั้นก็ได้ทำอะไรกันอีกสักอย่างสองอย่าง
โปรถูกเลยเลือกมากไม่ได้อ่ะเนอะ 5555 แต่คิดว่าอย่างน้อยทุกคนก็คงได้ชาตแบตตัวเอง มีแรงบันดาลใจกลับไปทำงานที่ตัวเองรักต่อ
กลับไปทำงานหาเงิน เพื่อทริปต่อไปของพวกเรากัน ... ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าเนอะ บั้ยบายยยย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวด้วยนะคะ
รายละเอียดค่าใช้จ่าย / ต่อคน
- ค่าเครื่องบินไป-กลับ 1,050.-
- ค่าที่พักแพคีรีวาริน+ค่าเรือ+อาหาร 6 มื้อ 3,590.- (โทร.077-389-547)
- ค่าเหมารถตู้จากสนามบินไปท่าเรือ ไป-กลับ (ของแพคีรีวาริน) 450.-
- ค่าเข้าชมถ้ำปะการัง 350.-
รวมทั้งหมดค่าใช้จ่ายประมาณ 5,500.-
[/cent
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น