กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ผมได้มีโอกาสวิ่งฮาล์ฟมาราธอนแรกที่กาญจนบุรี ด้วยความไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ว่าสนามเป็นเขา การขาดประสบการณ์ในการเตรียมตัววิ่งที่ดี ทำให้ได้สนามวิ่งที่ต้องจดจำไปสนามนึง
วันก่อนแข่ง 1 วันผมและครอบครัวเดินทางเข้าที่พัก ผู้ใหญ่2 เด็ก2 ทำให้พบว่า ห้องพัก แม้ราคาหลักพัน แต่ห้องน้ำรวม
เช้าวันแข่ง ผมตื่นมากิน และเข้าส้วมเตรียมไว้เหมือนทุกครั้ง ซึ่งคืนก่อนแข่งผมจะระวังเรื่องอาหารอยู่แล้ว ไม่เผ็ด ไม่ดิบ กลัวท้องเสีย แต่วันนั้นมันแปลกๆ อาจเป็นเพราะห้องน้ำรวม ส้วมสภาพไม่โสภาทั้งยังมีห้องที่มีตุ๊กแก เข้าส้วมไป2รอบดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี เสร็จภารกิจก็ไปรอที่เส้นstart
10 นาทีก่อนแข่ง ท้องเจ้ากรรมเริ่มป่วนๆ แต่อีก10นาที ก็ปล่อยตัวแล้วและข้าศึกดูอ่อนกำลัง ผมจึงชะล่าใจ ไปรอหน้าเส้นสตาร์ท เดิมทีเดียวทุกครั้งจะไม่สตาร์ทหน้าๆ
หลังสัญญาณปล่อยตัวผมวิ่งทะยานไปอย่างเร็ว เร็วกว่าที่ควร เพราะมีแต่คนวิ่งเร็วอยู่หน้าๆ เมื่อผ่านไปได้ประมาณ 500 เมตร อาการท้องปั่นป่วนเริ่มก่อตัว
ผมเริ่มลดความเร็ว สมาธิแต่ละก้าวที่เท้าสัมผัสพื้น ย้ายไปจับที่กล้ามเนื้อหูรูดให้ขมิบแน่นทุกย่างก้าวที่เท้าสัมผัสพื้น นักวิ่งฝีเท้าดีทะยอยแซงไป แซงไป คนแล้วคนเล่า คนแล้วคนเล่า ทำให้กำลังใจเริ่มถดถอย
เมื่อออกตัวเร็วกำลังกายก็เริ่มล้า แต่หน้าที่ของกล้ามเนื้อหูรูดกลับสวนทาง ศัตรูที่ดูทีท่าอ่อนแรงกลับรวบรวมกองกำลังไม่อย่างรวดเร็ว
ผมเริ่มมองหาห้องน้ำ แต่บรรยากาศสนามวิ่งช่างเป็นใจ มีเนินสูง และต้นไม้เขียวขจี เหมาะแก่การเข้าทุ่งยิ่งนัก แต่ช่วงออกตัวใหม่ๆนักวิ่งมากันไม่ขาดสาย และผมไม่กระดาษชำระ ผมจึงมองหาห้องน้ำต่อไป ผมเร่งฝีเท้าให้เร็วเท่าที่จะทำได้โดยที่หูรูดจะไม่คลาย ผ่านเนินแล้วเนินเล่า เหงื่อเย็นๆไหลออกตามร่างกาย จนในที่สุด 7กม. ก็มีปั๊มซึ่งเป็นจุดบริการห้องน้ำให้นักวิ่ง ความทุกข์ที่แบกไว้7 กิโลได้พรั่งพรูออกไป.
นักวิ่งที่นำหน้าผมในขณะนี้ก็จะเป็นนักวิ่งแนวหลังแล้ว ทำให้ผมวิ่งไปแซงไป รู้สึกกระชุ่มกระชวยอีกครั้ง พอไปครบครึ่งทางกลับตัวยูเทิร์น เนินชันเบื้องหน้าเดิม จึงเปลี่ยนเป็นทางลาดลงเขาแทน ฝีเท้าต่างๆก็ดีขึ้นตามลำดับ จบลงที่เวลาเกินเป้าหมาย2 ชม.ไปเล็กน้อย. แต่ก็ได้ความประทับใจกลับมาคือ สถิติ วิ่งหาห้องน้ำไกลที่สุดในชีวิต7กม.
ครั้งหนึ่งที่การวิ่งแสนทรมาน
ผมได้มีโอกาสวิ่งฮาล์ฟมาราธอนแรกที่กาญจนบุรี ด้วยความไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ว่าสนามเป็นเขา การขาดประสบการณ์ในการเตรียมตัววิ่งที่ดี ทำให้ได้สนามวิ่งที่ต้องจดจำไปสนามนึง
วันก่อนแข่ง 1 วันผมและครอบครัวเดินทางเข้าที่พัก ผู้ใหญ่2 เด็ก2 ทำให้พบว่า ห้องพัก แม้ราคาหลักพัน แต่ห้องน้ำรวม
เช้าวันแข่ง ผมตื่นมากิน และเข้าส้วมเตรียมไว้เหมือนทุกครั้ง ซึ่งคืนก่อนแข่งผมจะระวังเรื่องอาหารอยู่แล้ว ไม่เผ็ด ไม่ดิบ กลัวท้องเสีย แต่วันนั้นมันแปลกๆ อาจเป็นเพราะห้องน้ำรวม ส้วมสภาพไม่โสภาทั้งยังมีห้องที่มีตุ๊กแก เข้าส้วมไป2รอบดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี เสร็จภารกิจก็ไปรอที่เส้นstart
10 นาทีก่อนแข่ง ท้องเจ้ากรรมเริ่มป่วนๆ แต่อีก10นาที ก็ปล่อยตัวแล้วและข้าศึกดูอ่อนกำลัง ผมจึงชะล่าใจ ไปรอหน้าเส้นสตาร์ท เดิมทีเดียวทุกครั้งจะไม่สตาร์ทหน้าๆ
หลังสัญญาณปล่อยตัวผมวิ่งทะยานไปอย่างเร็ว เร็วกว่าที่ควร เพราะมีแต่คนวิ่งเร็วอยู่หน้าๆ เมื่อผ่านไปได้ประมาณ 500 เมตร อาการท้องปั่นป่วนเริ่มก่อตัว
ผมเริ่มลดความเร็ว สมาธิแต่ละก้าวที่เท้าสัมผัสพื้น ย้ายไปจับที่กล้ามเนื้อหูรูดให้ขมิบแน่นทุกย่างก้าวที่เท้าสัมผัสพื้น นักวิ่งฝีเท้าดีทะยอยแซงไป แซงไป คนแล้วคนเล่า คนแล้วคนเล่า ทำให้กำลังใจเริ่มถดถอย
เมื่อออกตัวเร็วกำลังกายก็เริ่มล้า แต่หน้าที่ของกล้ามเนื้อหูรูดกลับสวนทาง ศัตรูที่ดูทีท่าอ่อนแรงกลับรวบรวมกองกำลังไม่อย่างรวดเร็ว
ผมเริ่มมองหาห้องน้ำ แต่บรรยากาศสนามวิ่งช่างเป็นใจ มีเนินสูง และต้นไม้เขียวขจี เหมาะแก่การเข้าทุ่งยิ่งนัก แต่ช่วงออกตัวใหม่ๆนักวิ่งมากันไม่ขาดสาย และผมไม่กระดาษชำระ ผมจึงมองหาห้องน้ำต่อไป ผมเร่งฝีเท้าให้เร็วเท่าที่จะทำได้โดยที่หูรูดจะไม่คลาย ผ่านเนินแล้วเนินเล่า เหงื่อเย็นๆไหลออกตามร่างกาย จนในที่สุด 7กม. ก็มีปั๊มซึ่งเป็นจุดบริการห้องน้ำให้นักวิ่ง ความทุกข์ที่แบกไว้7 กิโลได้พรั่งพรูออกไป.
นักวิ่งที่นำหน้าผมในขณะนี้ก็จะเป็นนักวิ่งแนวหลังแล้ว ทำให้ผมวิ่งไปแซงไป รู้สึกกระชุ่มกระชวยอีกครั้ง พอไปครบครึ่งทางกลับตัวยูเทิร์น เนินชันเบื้องหน้าเดิม จึงเปลี่ยนเป็นทางลาดลงเขาแทน ฝีเท้าต่างๆก็ดีขึ้นตามลำดับ จบลงที่เวลาเกินเป้าหมาย2 ชม.ไปเล็กน้อย. แต่ก็ได้ความประทับใจกลับมาคือ สถิติ วิ่งหาห้องน้ำไกลที่สุดในชีวิต7กม.