หลายคนมักตั้งคำถาม
“วิ่งมาหลายสนาม...อุ๊บอิ๊บชอบสนามแข่งประเทศไหนมากที่สุด”
ถ้าให้เลือกมาสักสนามเพื่อจะตอบคำถามนี้ ออ.คงเลือกไม่ได้ เพราะ ออ.ชอบหมดทุกสนาม
และนี่ก็เป็นอีกสนามที่ ออ.หลงรักเป็นอันดับต้นๆเลยค่ะ
“Ultra Trail Australia“ ด้วยระยะทางที่ลงแข่ง 100 Km
ไปวิ่งและไปพักผ่อนพร้อมๆกับ ออ. กันค่ะ
ส่วนตัว ออ.ไม่เคยไปAustralia นี่คือครั้งแรกที่ได้ไปสูดอากาศที่นั่น
บอกตรงๆว่าตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นที่จะได้ไปวิ่ง ตื่นเต้นที่จะได้ไปพบเจออะไรใหม่ๆ
ตั้งใจไปเพื่อเอาอะไรกลับมาเล่าให้ใครหลายๆคนฟัง
และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
เริ่มต้นการเดินทาง ออ.บินจากสุวรรณภูมิไปลงเครื่องที่Sydneyค่ะ แต่ว่าเมืองที่ต้องไปแข่งอยู่ไกลจากซิดนีย์ไปอีกสักหน่อย
ต้องนั่งรถไฟไปอีกประมาณชั่วโมงกว่าเพื่อไปถึงเมือง “Katoomba” เมืองที่ใช้ในการแข่งขัน
รถไฟที่นี่นั่งสบาย รวดเร็วมากเมื่อเทียบกับระยะทางที่ต้องเดินทางเพื่อไปถึง
อากาศที่Katoomba หนาวกว่าที่Sydney พอมาถึง ออ.สั่นกึกๆ (ส่วนตัวเป็นคนขี้หนาวอยู่แล้ว)
นั่งรถบัสไปโรงแรม จัดการข้าวของในโรงแรมเสร็จต้องรีบเอาอุปกรณ์วิ่งซึ่งเป็นอุปกรณ์บังคับของทางงานไปแสดงให้ที่งานดู
(อุปกรณ์บังคับของทางงานเยอะมากๆค่ะ นักวิ่งทุกคนต้องมีและต้องพกติดตัวไปตลอดทางที่วิ่งเพื่อความปลอดภัย หากนักวิ่งคนไหนมีไม่ครบจะไม่สามารถลงแข่งได้ และถ้าหากสุ่มตรวจอุปกรณ์กลางทางแล้วไม่ครบ ก็จะหมดสิทธิ์วิ่งต่อทันที)
ออ.ออกมาจากโรงแรมเพื่อมุ่งหน้าไปสถานที่จัดงาน ลมพัดแรงมาก ต้นไม้ไหวไปตามแรงลม ออ.เลือกที่จะเดินไปบริเวณงานแทนที่จะนั่งรถบัส ( เดินไปช้าๆ ดูวิวไปด้วยก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง )
ดูจากการแต่งตัว ออ.หนาวมากจริงๆ 555
จัดการตรวจอุปกรณ์เสร็จ โชคดีที่เตรียมตัวมาดีพร้อมทุกอย่าง (ต้องขอบคุณ The North Face Thailand ที่ช่วยเหลือด้านเสื้อผ้ากันหนาวและถุงมือด้วยค่ะ ) ตรวจไว ผ่านฉลุยแล้วก็เดินไปรับเบอร์วิ่ง ( BIB )ต่อทันที หมายเลขที่ออกก็คือ 879
ซึ่งบนป้าย BIB จะมีชิพติดอยู่ เมื่อเวลาเราวิ่งผ่านจุดที่จับสัญญาณที่บริเวณต่างๆ กองเชียร์ทางบ้านที่download Appของทางงานแล้วกด follow หมายเลขวิ่งของเราก็จะทราบว่าตอนนี้เราวิ่งอยู่ที่ไหนแล้ว (เทคโนโลยีด้านการวิ่งเดี๋ยวนี้ไม่ธรรมดาเลยค่ะ)
ออ.จัดการทุกอย่างเสร็จก็ไปเดินShopping ในงาน Expo ต่อ
ออ.ชอบนะ...เพราะสินค้าทุกอย่างที่นำมาวางขาย จัดมาเพื่อพวกเรานักวิ่งทั้งนั้น (บางอย่างหาซื้อทั่วไปยากมาก ต้องมาดูตามงานนี้แหละค่ะ)
เดินเล่นในงาน ออ.เจอ Paul และ Recedirector งาน Tarawera ที่ NZ ที่ออ.เพิ่งไปแข่งมาเมื่อเดือนกุมภา เค้ามาเปิดบูธที่นั่น
(ถ้าใครเคยอ่านเรื่องที่ออ.เขียนเล่าประสบการณ์วิ่ง100Kที่NZ คงจะพอจำกันได้ อ่านได้จาก link นี้นะคะ
http://ppantip.com/topic/34865626) ออ.ดีใจมาก Paulกอด ออ.อีกครั้ง เราถ่ายรูปกันและทักทายกันพอหอมปากหอมคอก่อนที่ ออ.จะขอตัวไปshoppingต่อ
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดี ท้องก็เริ่มร้องแล้วค่ะ
ตั้งแต่ลงเครื่องมา ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ออ.นั่งบัสจากบริเวณงานเข้าไปในเมืองเพื่อหามื้อเย็นทาน
อาหารที่นี่ส่วนมากดูๆแล้วเป็น พิซซ่ากับพาสต้าเป็นส่วนใหญ่
แต่ ออ.มาจบที่ปลาย่าง+มันฝรั่งทอด ... ซึ่งปกติออ.ไม่ทานมันฝรั่งทอดเลย
อยู่ที่นี่ถือโอกาสกินซะหน่อย อิอิ
อิ่มท้องกันไป...ก่อนเดินลุยลมหนาวไป Supermarket แล้วเดินกลับโรงแรม ซึ่งห่างจากตัวเมืองประมาณ 1.4 K
เพราะรถบัสหมดบริการแล้ว จำยอมต้องเดินเท้ากลับอย่างเดียว
หนาวจนต้องเอาอุปกรณ์บังคับที่เอาไปตรวจออกมาใส่เพื่อให้ความอบอุ่นกันเลยล่ะค่ะ
เช้าวันใหม่ วันนี้ถือเป็นวันว่างอีกหนึ่งวัน ก่อนจะแข่งจริงวันพรุ่งนี้เช้า
ตื่นแต่เช้าออกไปเดินเล่นบริเวณโรงแรม ซึ่งใกล้กับเส้นทางที่ใช้ในการแข่งขันมาก
ออ.เดินไปตามเส้นทางที่ใช้แข่งเพียงบางส่วน ส่วนที่เดินนั้นถ้าเป็นวันแข่ง เราจะได้วิ่งช่วงนี้เมื่อ กม.ที่ 60 กว่าๆแล้ว
บันไดทั้งนั้นเลยค่ะ แต่เป็นบันไดลงชันๆ ลง ลง ลง ไม่มีที่สิ้นสุด
ดีอย่างที่พอเราไปดู เราก็รู้ว่าขั้นบันไดต้องระวังพอสมควร เพราะไม่ได้เรียบมาก เสี่ยงที่จะข้อเท้าพลิกได้
ออ.ลงไปเรื่อยๆจนสุด ( เกิน 1000 ขั้นแน่ๆ ) และก็ต้องหอบเอาร่างเดินกลับขึ้นมาใหม่อีกรอบ
อากาศข้างล่างกับข้างบนช่างต่างกันจริงๆ ลงไปร้อนพอสมควร กลับขึ้นมาก็หนาวอีกแล้ว ><
เย็นนี้ต้องไปฟังบรีฟรายละเอียดของงานตอน 1ทุ่มที่บริเวณจัดงาน พอมีเวลาเหลือเดินเล่น โหลดอาหารตุนไว้สำหรับใช้เป็นเรี่ยวแรงในวันพรุ่งนี้
แน่นอน ... ออ ก็ทานปลาและมันฝรั่งทอดเหมือนเดิม ที่จากปลาย่างกลายเป็นปลาทอดไปแล้วสิ
ที่สำคัญ Hot Chocolate อร่อยมาก เป็นแก้วที่วิเศษมากสำหรับซดอุ่นๆช่วงอากาศหนาวๆ ^^
อิ่มแล้วก็ต้องรีบกลับมาจัดกระเป๋าที่เรียกว่า Bag drop เพื่อนำไปฝากให้กับทางงานตอนเย็น
กระเป๋าใบนี้เราจะฝากพวกอาหารหรือเสื้อผ้าอื่นๆที่เราคิดว่าเราต้องการใช้ (ไม่รวมกับที่ทางงานบังคับให้พกติดตัวตลอดนะคะ)
ใส่ไว้ในกระเป๋า แล้วนำไปให้เจ้าหน้าที่ ระบุด้วยว่าต้องการฝากไว้ที่ กม.ที่เท่าไหร่ ออ.เลือกฝากไว้ที่ CP4 ( กม.ที่ 57 )
มีเสื้อกันหนาวแขนยาว ที่ทางงานอนุญาตให้เอาไว้ที่นี่ได้ ขนมบางส่วน ผ้าBuff ยา ฯลฯ ที่คิดว่าน่าจะจำเป็น
จัดเสร็จก็ถึงเวลาไปฟังบรีฟ บรรยากาศในงานบรีฟอลังการมากค่ะ
คนเยอะไปหมด ออ.แทรกตัวไปนั่งข้างหน้า ทางงานเปิด VDO Presentation งานให้ดู
ขนลุกเลย สวยมากๆ!!!! พรุ่งนี้เราจะได้วิ่งบนเส้นทางนี้แล้วสินะ ^___^
ฟังจบก็สองทุ่มแล้ว รีบกลับที่พัก อาบน้ำนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องแข่งแล้วค่ะ
ตื่นเต้นเนอะ
จะรุ่งสางแล้ว ออ.ต้องลุกมาจัดการตัวเองตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง
เข้าห้องน้ำ แต่งตัวให้พร้อมที่สุด ที่ตื่นแต่เช้าเพราะให้กล้ามเนื้อได้ตื่นตัว ทานคาร์โบไฮเดรตก่อนแข่งสัก 1-2 ชม.และก็ให้ตัวเองได้มีเวลามากพอที่จะเช็คอุปกรณ์ก่อนไปยังจุด Start
และแล้วก็จนได้ ระหว่างนังบัสจากจุดรับนักวิ่งไปยังจุดStart ออ.นึกได้ว่า ออ.ลืมเอา Time plan มาด้วย
(Time planคือตารางคำนวนเวลาวิ่งที่เราต้องการเข้าเส้นชัยค่ะ ก่อนแข่งจะต้องวางแผนไว้ว่าเราจะถึงแต่ละจุดตอนกี่โมง
วิ่งด้วยความเร็วเท่าไหร่ ซึ่งจะช่วยควบคุมการวิ่งของเราได้ดี ไม่เร่งเกินไปและไม่ช้าเกินไป ซึ่งตารางที่ว่านี้เราต้องวางแผนให้เหมาะกับความเร็วในการวิ่งที่เราสามารถวิ่งได้ด้วยนะคะ)
ในเมื่อลืมเอามา ก็ต้องทำใจวิ่งตามมีตามเกิด
งานนี้ให้เวลาวิ่งทั้งหมด 28 ชม.ค่ะ ความชันสะสม 3,400 m ซึ่งพอๆกับการแข่ง HongKong100
ออ.คิดแล้วว่า HongKong100 ออ.เคยวิ่งได้ประมาณ 21 ชม. แต่ช่วงนั้น ออ.แข็งแรงมาก ดังนั้น ที่นี่ ออ.จะวิ่งให้ได้ภายใน 22:30 ชม.
แต่พอลืมเอา Time plan มา ก็วิ่งไปตามใจตัวเองเลยละกัน
แหะๆ
ระหว่างรอตัวเองปล่อยตัวกลุ่มที่ 5 (งานนี้ปล่อยตัวเวลาต่างกันค่ะ พวกแนวหน้าจะปล่อยตัวก่อนเพื่อป้องกันการกระจุกกันอยู่ตรงเส้นทางแคบๆ กลุ่ม 1 ปล่อยก่อน ตามกันมาเรื่อยๆจนสุดท้ายคือกลุ่ม 7 ซึ่งแต่ละกลุ่มปล่อยเวลาต่างกัน 5-8 นาที ) ออ.อยู่กลุ่ม 5 ไม่ช้าไม่เร็ว ^^
ออ.หนาวสั่นกึกๆ มายืนอยู่หน้าเส้น Start
แอบมองฝรั่งแต่งตัวดูไม่หนาวเลย ทำไมตัวเองจัดเต็มขนาดนี้ ถุงมือ เสื้อกันลม กันหนาว ผ้าบัฟปิดคอปิดหน้า 555
อายเหมือนกันค่ะ แต่ว่าเอาที่เราอุ่นไว้ก่อนน่ะดีแล้ว
เมื่อเวลาปล่อยตัว 6:49 น.ของ ออ.มาถึง
ออ.นึกถึงเพื่อนๆพี่ๆที่เชียร์กันอยู่ที่ไทย เพราะทุกคนต้องกำลังส่งใจมาให้ออ.แน่ๆ ^^
ทุกครั้งที่วิ่งผ่านเครื่องจับสัญญาณ "ทุกคนจะดีใจกันมั้ยนะ ที่ ออ.มาถึงตรงนี้แล้ว"
ออ.พยายามวิ่งเท่าที่จะสามารถ...แต่ก็นะ ด้วยอาการบาดเจ็บที่สะสมมาตั้งแต่ต้นปีจากอุบัติเหตุงาน HongKong100
(
http://ppantip.com/topic/34756032 )
ออ.ก็ไม่สามารถซ้อมได้เต็มที่ แถมกลับจากงานTranslantau100 ก็เจ็บกลับมาอีก ได้ซ้อมวิ่งมากที่สุดแค่ 7.5 K( 3 รอบสวนลุม)เท่านั้น
ดีหน่อยที่มีงาน 50 Kที่ฟิลิปปินส์ขั้นไว้ให้ ออ.อุ่นใจว่ายังสามารถวิ่งได้ถึง 50 Kอยู่นะ
วิ่งมาเรื่อยๆ ไหงกลุ่ม 5 ทิ้ง ออ.ไปกันหมด
มิหนำซ้ำยังโดนกลุ่ม 6 และ 7 ที่ปล่อยตัวช้ากว่า ออ.แซงไปอีก
(เศร้าอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ)
ตารางเวลาแผนการวิ่งก็ไม่มี
จะเอายังไงดีนะ... กลัวไปหมด กลัวทำให้ทุกคนผิดหวังมากๆ
เนินชันๆก็พยายามก้าวให้ไว เดินให้เร็ว เส้นไหนวิ่งได้ ออ.ไม่ปล่อยให้ตัวเองเดินเด็ดขาด
Jog อยู่ตลอด แม้ว่าจะไม่เร็วนัก แต่ก็ยังดีกว่าการเดินหรือหยุดยืนเฉยๆ
หลายเส้นทางที่เราไม่สามารถแซงใครได้ก็ต้องให้ไหลไปตามทาง
ถือว่าได้พักนิดๆหน่อยๆ
ทางที่วิ่งผ่านสวยมาก แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
บริเวณนี้ทำความเร็วไม่ได้ ต้องปลอดภัยไว้ก่อน
ออ.พยายามเรียกกำลังใจตัวเองกลับมาด้วยการเอาคำพูดของทุกๆคนที่ส่งมาให้ ออ.ก่อนแข่งมาเป็นแรงผลักให้ตัวเองไม่ยอมแพ้
"ยิ้มหน่อยนะ ออ."
ปรับสภาพจิตใจที่หดหู่สักพัก แล้วเริ่มบอกตัวเองใหม่ให้สู้อีกครั้ง
เงยหน้ามองวิวสวยๆข้างทาง อากาศเย็นๆมีแดดอ่อนๆ ทุกอย่างเริ่มโอเคแล้ว
จนมาถึง CP1 อากาศกำลังดี ออ.ถอดเสื้อกันฝนออก เติมน้ำตาลให้ตัวเองด้วยแตงโมหวานฉ่ำ
ส่งข้อความให้เพื่อนที่ไทย ยิ้มแฉ่งให้ซักหน่อยก่อนไปลุยต่อ
สภาพใจโอเคขึ้น จนค่อยๆไล่ทันเพื่อนๆกลุ่ม 5 แล้วค่ะ
เส้นทางวิ่งที่นี่หลากหลายมาก ที่แปลกที่ ออ.ไม่เคยเจอคือ
ไต่ลงบันไดลิง 5555
อันนี้จาก CP1 ไป 2 ค่ะ ต่อแถวอยู่นานพอสมควรเลยล่ะ
แปลกแต่สนุกดีค่ะ ไต่ลงมาทีละคนเรื่อยๆ ก่อนวิ่งตามสันเขาไปต่อ
ทางนี้วิ่งง่ายสลับยาก หินเยอะพอสมควร
มีปีนๆป่ายๆ ออ.เองบางครั้งก็แอบอยากแซงเพราะคนข้างหน้าปีนช้า พอแซงได้ก็ต้องขออนุญาตก่อนเป็นมารยาทของนักแข่งที่ดีค่ะ
ถ้าดูดีๆจะรู้ว่าตรงนี้ชันมาก มีคนตัวเล็กๆก็กำลังขึ้นมาเหมือนกัน
ออซชอบแบบนี้ ปวดต้นขาดี ><
ยิ่งเวลาผ่านไป ออ.ยิ่งสนุกกับการวิ่งไปเรื่อยๆค่ะ
เพลงที่ ออ.ลิสมาใหม่ใน Ipod สนุกมากกกกก 555
ฟังเพลินเลย ^^ เหมือนวิ่งไปฟังเพลงไปไม่ต้องคิดอะไรมาก
จิบน้ำหวานไปตลอดทางเพื่อป้องกันแรงหมด ปล่อยสมอง ปล่อยใจให้โล่งๆ คิดถึงทุกคนที่กำลังเอาใจช่วยเราอยู่
เท่านี้ก็ Happy มากแล้วค่ะ
(( บรรทัดไม่พอ ต่อข้างล่างนะคะ ^__^ ))
♥♡ วิ่ง 100 Km สนามที่ 7 ของฉัน ... Ultra Trail Australia หลงรักหัวปักหัวปำ ♥♡
หลายคนมักตั้งคำถาม “วิ่งมาหลายสนาม...อุ๊บอิ๊บชอบสนามแข่งประเทศไหนมากที่สุด”
ถ้าให้เลือกมาสักสนามเพื่อจะตอบคำถามนี้ ออ.คงเลือกไม่ได้ เพราะ ออ.ชอบหมดทุกสนาม
และนี่ก็เป็นอีกสนามที่ ออ.หลงรักเป็นอันดับต้นๆเลยค่ะ
“Ultra Trail Australia“ ด้วยระยะทางที่ลงแข่ง 100 Km
ไปวิ่งและไปพักผ่อนพร้อมๆกับ ออ. กันค่ะ
ส่วนตัว ออ.ไม่เคยไปAustralia นี่คือครั้งแรกที่ได้ไปสูดอากาศที่นั่น
บอกตรงๆว่าตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นที่จะได้ไปวิ่ง ตื่นเต้นที่จะได้ไปพบเจออะไรใหม่ๆ
ตั้งใจไปเพื่อเอาอะไรกลับมาเล่าให้ใครหลายๆคนฟัง
และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
เริ่มต้นการเดินทาง ออ.บินจากสุวรรณภูมิไปลงเครื่องที่Sydneyค่ะ แต่ว่าเมืองที่ต้องไปแข่งอยู่ไกลจากซิดนีย์ไปอีกสักหน่อย
ต้องนั่งรถไฟไปอีกประมาณชั่วโมงกว่าเพื่อไปถึงเมือง “Katoomba” เมืองที่ใช้ในการแข่งขัน
รถไฟที่นี่นั่งสบาย รวดเร็วมากเมื่อเทียบกับระยะทางที่ต้องเดินทางเพื่อไปถึง
อากาศที่Katoomba หนาวกว่าที่Sydney พอมาถึง ออ.สั่นกึกๆ (ส่วนตัวเป็นคนขี้หนาวอยู่แล้ว)
นั่งรถบัสไปโรงแรม จัดการข้าวของในโรงแรมเสร็จต้องรีบเอาอุปกรณ์วิ่งซึ่งเป็นอุปกรณ์บังคับของทางงานไปแสดงให้ที่งานดู
(อุปกรณ์บังคับของทางงานเยอะมากๆค่ะ นักวิ่งทุกคนต้องมีและต้องพกติดตัวไปตลอดทางที่วิ่งเพื่อความปลอดภัย หากนักวิ่งคนไหนมีไม่ครบจะไม่สามารถลงแข่งได้ และถ้าหากสุ่มตรวจอุปกรณ์กลางทางแล้วไม่ครบ ก็จะหมดสิทธิ์วิ่งต่อทันที)
ออ.ออกมาจากโรงแรมเพื่อมุ่งหน้าไปสถานที่จัดงาน ลมพัดแรงมาก ต้นไม้ไหวไปตามแรงลม ออ.เลือกที่จะเดินไปบริเวณงานแทนที่จะนั่งรถบัส ( เดินไปช้าๆ ดูวิวไปด้วยก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง )
ดูจากการแต่งตัว ออ.หนาวมากจริงๆ 555
จัดการตรวจอุปกรณ์เสร็จ โชคดีที่เตรียมตัวมาดีพร้อมทุกอย่าง (ต้องขอบคุณ The North Face Thailand ที่ช่วยเหลือด้านเสื้อผ้ากันหนาวและถุงมือด้วยค่ะ ) ตรวจไว ผ่านฉลุยแล้วก็เดินไปรับเบอร์วิ่ง ( BIB )ต่อทันที หมายเลขที่ออกก็คือ 879
ซึ่งบนป้าย BIB จะมีชิพติดอยู่ เมื่อเวลาเราวิ่งผ่านจุดที่จับสัญญาณที่บริเวณต่างๆ กองเชียร์ทางบ้านที่download Appของทางงานแล้วกด follow หมายเลขวิ่งของเราก็จะทราบว่าตอนนี้เราวิ่งอยู่ที่ไหนแล้ว (เทคโนโลยีด้านการวิ่งเดี๋ยวนี้ไม่ธรรมดาเลยค่ะ)
ออ.จัดการทุกอย่างเสร็จก็ไปเดินShopping ในงาน Expo ต่อ
ออ.ชอบนะ...เพราะสินค้าทุกอย่างที่นำมาวางขาย จัดมาเพื่อพวกเรานักวิ่งทั้งนั้น (บางอย่างหาซื้อทั่วไปยากมาก ต้องมาดูตามงานนี้แหละค่ะ)
เดินเล่นในงาน ออ.เจอ Paul และ Recedirector งาน Tarawera ที่ NZ ที่ออ.เพิ่งไปแข่งมาเมื่อเดือนกุมภา เค้ามาเปิดบูธที่นั่น
(ถ้าใครเคยอ่านเรื่องที่ออ.เขียนเล่าประสบการณ์วิ่ง100Kที่NZ คงจะพอจำกันได้ อ่านได้จาก link นี้นะคะ http://ppantip.com/topic/34865626) ออ.ดีใจมาก Paulกอด ออ.อีกครั้ง เราถ่ายรูปกันและทักทายกันพอหอมปากหอมคอก่อนที่ ออ.จะขอตัวไปshoppingต่อ
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดี ท้องก็เริ่มร้องแล้วค่ะ
ตั้งแต่ลงเครื่องมา ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ออ.นั่งบัสจากบริเวณงานเข้าไปในเมืองเพื่อหามื้อเย็นทาน
อาหารที่นี่ส่วนมากดูๆแล้วเป็น พิซซ่ากับพาสต้าเป็นส่วนใหญ่
แต่ ออ.มาจบที่ปลาย่าง+มันฝรั่งทอด ... ซึ่งปกติออ.ไม่ทานมันฝรั่งทอดเลย
อยู่ที่นี่ถือโอกาสกินซะหน่อย อิอิ
อิ่มท้องกันไป...ก่อนเดินลุยลมหนาวไป Supermarket แล้วเดินกลับโรงแรม ซึ่งห่างจากตัวเมืองประมาณ 1.4 K
เพราะรถบัสหมดบริการแล้ว จำยอมต้องเดินเท้ากลับอย่างเดียว
หนาวจนต้องเอาอุปกรณ์บังคับที่เอาไปตรวจออกมาใส่เพื่อให้ความอบอุ่นกันเลยล่ะค่ะ
เช้าวันใหม่ วันนี้ถือเป็นวันว่างอีกหนึ่งวัน ก่อนจะแข่งจริงวันพรุ่งนี้เช้า
ตื่นแต่เช้าออกไปเดินเล่นบริเวณโรงแรม ซึ่งใกล้กับเส้นทางที่ใช้ในการแข่งขันมาก
ออ.เดินไปตามเส้นทางที่ใช้แข่งเพียงบางส่วน ส่วนที่เดินนั้นถ้าเป็นวันแข่ง เราจะได้วิ่งช่วงนี้เมื่อ กม.ที่ 60 กว่าๆแล้ว
บันไดทั้งนั้นเลยค่ะ แต่เป็นบันไดลงชันๆ ลง ลง ลง ไม่มีที่สิ้นสุด
ดีอย่างที่พอเราไปดู เราก็รู้ว่าขั้นบันไดต้องระวังพอสมควร เพราะไม่ได้เรียบมาก เสี่ยงที่จะข้อเท้าพลิกได้
ออ.ลงไปเรื่อยๆจนสุด ( เกิน 1000 ขั้นแน่ๆ ) และก็ต้องหอบเอาร่างเดินกลับขึ้นมาใหม่อีกรอบ
อากาศข้างล่างกับข้างบนช่างต่างกันจริงๆ ลงไปร้อนพอสมควร กลับขึ้นมาก็หนาวอีกแล้ว ><
เย็นนี้ต้องไปฟังบรีฟรายละเอียดของงานตอน 1ทุ่มที่บริเวณจัดงาน พอมีเวลาเหลือเดินเล่น โหลดอาหารตุนไว้สำหรับใช้เป็นเรี่ยวแรงในวันพรุ่งนี้
แน่นอน ... ออ ก็ทานปลาและมันฝรั่งทอดเหมือนเดิม ที่จากปลาย่างกลายเป็นปลาทอดไปแล้วสิ
ที่สำคัญ Hot Chocolate อร่อยมาก เป็นแก้วที่วิเศษมากสำหรับซดอุ่นๆช่วงอากาศหนาวๆ ^^
อิ่มแล้วก็ต้องรีบกลับมาจัดกระเป๋าที่เรียกว่า Bag drop เพื่อนำไปฝากให้กับทางงานตอนเย็น
กระเป๋าใบนี้เราจะฝากพวกอาหารหรือเสื้อผ้าอื่นๆที่เราคิดว่าเราต้องการใช้ (ไม่รวมกับที่ทางงานบังคับให้พกติดตัวตลอดนะคะ)
ใส่ไว้ในกระเป๋า แล้วนำไปให้เจ้าหน้าที่ ระบุด้วยว่าต้องการฝากไว้ที่ กม.ที่เท่าไหร่ ออ.เลือกฝากไว้ที่ CP4 ( กม.ที่ 57 )
มีเสื้อกันหนาวแขนยาว ที่ทางงานอนุญาตให้เอาไว้ที่นี่ได้ ขนมบางส่วน ผ้าBuff ยา ฯลฯ ที่คิดว่าน่าจะจำเป็น
จัดเสร็จก็ถึงเวลาไปฟังบรีฟ บรรยากาศในงานบรีฟอลังการมากค่ะ
คนเยอะไปหมด ออ.แทรกตัวไปนั่งข้างหน้า ทางงานเปิด VDO Presentation งานให้ดู
ขนลุกเลย สวยมากๆ!!!! พรุ่งนี้เราจะได้วิ่งบนเส้นทางนี้แล้วสินะ ^___^
ฟังจบก็สองทุ่มแล้ว รีบกลับที่พัก อาบน้ำนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องแข่งแล้วค่ะ
ตื่นเต้นเนอะ
จะรุ่งสางแล้ว ออ.ต้องลุกมาจัดการตัวเองตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง
เข้าห้องน้ำ แต่งตัวให้พร้อมที่สุด ที่ตื่นแต่เช้าเพราะให้กล้ามเนื้อได้ตื่นตัว ทานคาร์โบไฮเดรตก่อนแข่งสัก 1-2 ชม.และก็ให้ตัวเองได้มีเวลามากพอที่จะเช็คอุปกรณ์ก่อนไปยังจุด Start
และแล้วก็จนได้ ระหว่างนังบัสจากจุดรับนักวิ่งไปยังจุดStart ออ.นึกได้ว่า ออ.ลืมเอา Time plan มาด้วย
(Time planคือตารางคำนวนเวลาวิ่งที่เราต้องการเข้าเส้นชัยค่ะ ก่อนแข่งจะต้องวางแผนไว้ว่าเราจะถึงแต่ละจุดตอนกี่โมง
วิ่งด้วยความเร็วเท่าไหร่ ซึ่งจะช่วยควบคุมการวิ่งของเราได้ดี ไม่เร่งเกินไปและไม่ช้าเกินไป ซึ่งตารางที่ว่านี้เราต้องวางแผนให้เหมาะกับความเร็วในการวิ่งที่เราสามารถวิ่งได้ด้วยนะคะ)
ในเมื่อลืมเอามา ก็ต้องทำใจวิ่งตามมีตามเกิด
งานนี้ให้เวลาวิ่งทั้งหมด 28 ชม.ค่ะ ความชันสะสม 3,400 m ซึ่งพอๆกับการแข่ง HongKong100
ออ.คิดแล้วว่า HongKong100 ออ.เคยวิ่งได้ประมาณ 21 ชม. แต่ช่วงนั้น ออ.แข็งแรงมาก ดังนั้น ที่นี่ ออ.จะวิ่งให้ได้ภายใน 22:30 ชม.
แต่พอลืมเอา Time plan มา ก็วิ่งไปตามใจตัวเองเลยละกัน
แหะๆ
ระหว่างรอตัวเองปล่อยตัวกลุ่มที่ 5 (งานนี้ปล่อยตัวเวลาต่างกันค่ะ พวกแนวหน้าจะปล่อยตัวก่อนเพื่อป้องกันการกระจุกกันอยู่ตรงเส้นทางแคบๆ กลุ่ม 1 ปล่อยก่อน ตามกันมาเรื่อยๆจนสุดท้ายคือกลุ่ม 7 ซึ่งแต่ละกลุ่มปล่อยเวลาต่างกัน 5-8 นาที ) ออ.อยู่กลุ่ม 5 ไม่ช้าไม่เร็ว ^^
ออ.หนาวสั่นกึกๆ มายืนอยู่หน้าเส้น Start
แอบมองฝรั่งแต่งตัวดูไม่หนาวเลย ทำไมตัวเองจัดเต็มขนาดนี้ ถุงมือ เสื้อกันลม กันหนาว ผ้าบัฟปิดคอปิดหน้า 555
อายเหมือนกันค่ะ แต่ว่าเอาที่เราอุ่นไว้ก่อนน่ะดีแล้ว
เมื่อเวลาปล่อยตัว 6:49 น.ของ ออ.มาถึง
ออ.นึกถึงเพื่อนๆพี่ๆที่เชียร์กันอยู่ที่ไทย เพราะทุกคนต้องกำลังส่งใจมาให้ออ.แน่ๆ ^^
ทุกครั้งที่วิ่งผ่านเครื่องจับสัญญาณ "ทุกคนจะดีใจกันมั้ยนะ ที่ ออ.มาถึงตรงนี้แล้ว"
ออ.พยายามวิ่งเท่าที่จะสามารถ...แต่ก็นะ ด้วยอาการบาดเจ็บที่สะสมมาตั้งแต่ต้นปีจากอุบัติเหตุงาน HongKong100
(http://ppantip.com/topic/34756032 )
ออ.ก็ไม่สามารถซ้อมได้เต็มที่ แถมกลับจากงานTranslantau100 ก็เจ็บกลับมาอีก ได้ซ้อมวิ่งมากที่สุดแค่ 7.5 K( 3 รอบสวนลุม)เท่านั้น
ดีหน่อยที่มีงาน 50 Kที่ฟิลิปปินส์ขั้นไว้ให้ ออ.อุ่นใจว่ายังสามารถวิ่งได้ถึง 50 Kอยู่นะ
วิ่งมาเรื่อยๆ ไหงกลุ่ม 5 ทิ้ง ออ.ไปกันหมด
มิหนำซ้ำยังโดนกลุ่ม 6 และ 7 ที่ปล่อยตัวช้ากว่า ออ.แซงไปอีก
(เศร้าอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ)
ตารางเวลาแผนการวิ่งก็ไม่มี
จะเอายังไงดีนะ... กลัวไปหมด กลัวทำให้ทุกคนผิดหวังมากๆ
เนินชันๆก็พยายามก้าวให้ไว เดินให้เร็ว เส้นไหนวิ่งได้ ออ.ไม่ปล่อยให้ตัวเองเดินเด็ดขาด
Jog อยู่ตลอด แม้ว่าจะไม่เร็วนัก แต่ก็ยังดีกว่าการเดินหรือหยุดยืนเฉยๆ
หลายเส้นทางที่เราไม่สามารถแซงใครได้ก็ต้องให้ไหลไปตามทาง
ถือว่าได้พักนิดๆหน่อยๆ
ทางที่วิ่งผ่านสวยมาก แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
บริเวณนี้ทำความเร็วไม่ได้ ต้องปลอดภัยไว้ก่อน
ออ.พยายามเรียกกำลังใจตัวเองกลับมาด้วยการเอาคำพูดของทุกๆคนที่ส่งมาให้ ออ.ก่อนแข่งมาเป็นแรงผลักให้ตัวเองไม่ยอมแพ้
"ยิ้มหน่อยนะ ออ."
ปรับสภาพจิตใจที่หดหู่สักพัก แล้วเริ่มบอกตัวเองใหม่ให้สู้อีกครั้ง
เงยหน้ามองวิวสวยๆข้างทาง อากาศเย็นๆมีแดดอ่อนๆ ทุกอย่างเริ่มโอเคแล้ว
จนมาถึง CP1 อากาศกำลังดี ออ.ถอดเสื้อกันฝนออก เติมน้ำตาลให้ตัวเองด้วยแตงโมหวานฉ่ำ
ส่งข้อความให้เพื่อนที่ไทย ยิ้มแฉ่งให้ซักหน่อยก่อนไปลุยต่อ
สภาพใจโอเคขึ้น จนค่อยๆไล่ทันเพื่อนๆกลุ่ม 5 แล้วค่ะ
เส้นทางวิ่งที่นี่หลากหลายมาก ที่แปลกที่ ออ.ไม่เคยเจอคือ
ไต่ลงบันไดลิง 5555
อันนี้จาก CP1 ไป 2 ค่ะ ต่อแถวอยู่นานพอสมควรเลยล่ะ
แปลกแต่สนุกดีค่ะ ไต่ลงมาทีละคนเรื่อยๆ ก่อนวิ่งตามสันเขาไปต่อ
ทางนี้วิ่งง่ายสลับยาก หินเยอะพอสมควร
มีปีนๆป่ายๆ ออ.เองบางครั้งก็แอบอยากแซงเพราะคนข้างหน้าปีนช้า พอแซงได้ก็ต้องขออนุญาตก่อนเป็นมารยาทของนักแข่งที่ดีค่ะ
ถ้าดูดีๆจะรู้ว่าตรงนี้ชันมาก มีคนตัวเล็กๆก็กำลังขึ้นมาเหมือนกัน
ออซชอบแบบนี้ ปวดต้นขาดี ><
ยิ่งเวลาผ่านไป ออ.ยิ่งสนุกกับการวิ่งไปเรื่อยๆค่ะ
เพลงที่ ออ.ลิสมาใหม่ใน Ipod สนุกมากกกกก 555
ฟังเพลินเลย ^^ เหมือนวิ่งไปฟังเพลงไปไม่ต้องคิดอะไรมาก
จิบน้ำหวานไปตลอดทางเพื่อป้องกันแรงหมด ปล่อยสมอง ปล่อยใจให้โล่งๆ คิดถึงทุกคนที่กำลังเอาใจช่วยเราอยู่
เท่านี้ก็ Happy มากแล้วค่ะ
(( บรรทัดไม่พอ ต่อข้างล่างนะคะ ^__^ ))