ในที่สุดก็ได้อนุมัติกู้ซื้อบ้าน ดอกเบี้ย 3.25% คงที่ 3 ปีแรก

หลังจากทำงานต่างประเทศมาได้ 6 ปีเต็ม (อายุ 29ปี) ผมก็ได้ตัดสินใจมองหาบ้าน/คอนโดเป็นของตนเอง เพื่อสร้างครอบครัวในอนาคต

เมื่อค้นหา และเยี่ยมชมได้สักพัก ผมตัดสินใจเลือกบ้านเดี่ยวหลังนึง ที่เผอิญเลขที่บ้าน ตรงกับบ้านของพ่อแม่ในปัจจุบัน และได้ยื่นกู้กับทั้งหมด 4 ธนาคาร ที่พอทราบจากข้อมูลในพันทิพย์ที่ผ่านตามามากมาย ว่าแบงค์เหล่านี้เปิดโอกาสให้กับคนไทยที่ทำงานต่างแดนมากกว่า

ดังนั้น ผมหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะกับผู้ที่กำลังทำงานต่างประเทศครับ (ผมกู้แต่เพียงผู้เดียวครับ และ ทางโครงการก็ให้ความช่วยเหลือติดต่อแบงค์เป็นอย่างดี) และผมไม่มีภาระหนี้สินใดๆครับ

เอกสารที่ใช้เยอะมาก ผมเตรียมทั้งหมด 4 ชุด เพื่อให้เอกสารที่ยื่นตรงกันทุกแบงค์ ดังนี้:
- สำเนาเอกสารส่วนตัว เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน
- สำเนาวีซ่าทำงานในต่างประเทศ
- เอกสารรับรองเงินเดือนและสถานะการเป็นพนักงาน ระบุวันเริ่มต้น และควรมีอีเมล/เบอร์โทรติดต่อ HR
- สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน
- Statement บัญชีที่เงินเดือนเข้าย้อนหลัง 6 เดือน
- Statement บัญชีส่วนตัวย้อนหลัง 6 เดือน (หากมี)
- Statement of Credit เช่นบัตรเครดิตที่ใช้ประจำ ย้อนหลัง 6 เดือน (จ่ายเต็มทุกเดือน)

เนื่องจากบัญชีในไทยของผมนั้นมีเงินหมุนเวียนเพียงหลักพันบาท ไว้ใช้จ่ายยิบย่อยเมื่อกลับไปเยี่ยมบ้าน จึงแจ้งทางธนาคารไปตรงๆว่าไม่มีการเดินบัญชีในไทยครับ

ราคาขายบ้าน 6.99 ล้านบาท ได้voucherเฟอร์นิเจอร์ส่วนนึง  จึงยื่นขอกู้ยอดเงิน 7 ล้านบาทถ้วนครับ สุดท้าย หลังจากทำสัญญา (วางดาวน์ 5% บ้านสร้างเสร็จแล้ว) ในตอนต้นมีธนาคารที่อนุมัติวงเงินเกิน 90% เพียงสองเจ้า

ธนาคาร A แจ้งในเบื้องต้นว่า รออนุมัติ 95% (6.65 ล้าน) ดอกเบี้ยคงที่อยู่ที่ 3.43% (เฉลี่ยสามปีแรก) หรือ ลอยตัว ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ที่เฉลี่ย 3.33% ในสามปีแรก แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยที่ปรับในแต่ละปีด้วย

หลังจากที่คุยกับเพื่อนในสายงานธนาคาร รวมทั้งดูอัตราย้อนหลังในช่วง 11 ปีนับแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ดูท่าแล้ว ดอกเบี้ยน่าจะคงที่หรือมีทิศทางขาขึ้นในระหว่างสามปีข้างหน้า (ผมโพสท์กราฟไว้ในกระทู้: http://ppantip.com/topic/35812039 ) ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจจะเลือกทางเลือกดอกเบี้ยคงที่ครับ

หลังจากนั้น แม้ว่าธนาคาร B ที่รออนุมัติวงเงิน 95% เช่นกัน ซึ่งเดิมแจ้งว่าดอกเบี้ยจะอยู่ที่ เฉลี่ย 3.66% แต่พอผมแจ้งข่าวว่าคู่แข่งA เสนอได้ต่ำกว่ามาก ทางเจ้าหน้าที่แบงค์ B จึงขอพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยให้ใหม่ในทันที

ปล. ผมจงใจเลือก MRTA เพื่อผลประโยชน์ทางดอกเบี้ย และเพราะผมไม่มีประกันส่วนตัวในไทยเลยครับ

สุดท้าย "หวยออก" ที่ ธนาคาร B ที่เสนอดอกเบี้ยที่ 3.25% ตลอดสามปีแรก หลังจากนั้น MLR-1.X% และวงเงิน 95% ระยะเวลากู้ 30ปี และประกัน MRTA+ ระยะเวลา 15  ปีครับ

ดังนั้น ผมจึงขอสรุปสิ่งสำคัญดังนี้ครับ:
1. เอกสาร เตรียมให้พร้อม เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาเดินเรื่อง และช่วยลดความเครียดได้ครับ (Be well-prepared)
2. ดอกเบี้ย เป็นอะไรที่ต่อรองได้ ตราบเท่าที่เรามีพลังในการต่อรอง นั่นคือ "ทางเลือกอื่น" ในมือครับ (Having Choices equates to Having Bargaining Power)
3. โครงการบ้านที่ซื้อ มีผลต่อความเชื่อมั่นของแบงค์ และจึงมีผลต่ออัตราดอกเบี้ยด้วยครับ (Brand affects Creditability)
4. แม้ว่าผมตัดสินใจจะซื้อและชอบบ้านหลังนี้(มาก) แต่ผมก็ยื่นขอกู้ด้วยความคิดที่ว่า "หากวงเงินไม่ถึง ผมก็จะขอเงินจองและดาวน์คืนตามข้อตกลงในสัญญา" ซึ่งนั่นทำให้ผมสามารถต่อรองได้อย่างไม่กลัวเสียดาย (There are other fishes in the ocean)
5. สร้างเครดิตให้กับตนเอง ด้วยการชำระเงินบัตรเครดิตเต็มทุกครั้ง และพิจารณาวงเงินบัตรเพิ่มทุก1-2 ปีเมื่อเงินเดือนปรับขึ้น การที่ได้วงเงินเพิ่มนั้น ก็หมายความว่าทางธนาคาร(ในต่างประเทศในกรณีของผม)มีความเชื่อมั่นในการชำระหนี้ของผมครับ

ท้ายนี้ ผมหวังว่ากระทู้จะเป็นประโยชน์ กับผู้ที่เข้ามาค้นหาเรื่องการกู้บ้านในช่วงนี้ และกับผู้ที่ทำงานต่างประเทศครับ และขอแนบภาพบ้าน ถ่ายในวันที่นัดตรวจบ้านรอบแรก วันนั้นฟ้าใสพอดีครับ



ปล.1: เพิ่มเติมครับ เนื่องจากเริ่มมีการหลังไมค์เข้ามาสอบถามว่าแบงค์ B คือเจ้าไหน  ผมไม่สามารถบอกได้ครับว่าแบงค์ใด เนื่องจากทางธนาคารขอไว้ว่าจะเป็นแล้วแต่กรณี (case by case) ดังนั้น กับท่านผู้อ่านบางท่าน แบงค์ A อาจจะสามารถให้ดอกเบี้ยที่ดีกว่าแบงค์ B ได้เช่นกันครับ หรือ A & B อาจจะไม่ให้ท่าน แต่กลายเป็น C หรือ D ที่ไม่อนุมัติให้ผม อาจอนุมัติให้ท่านได้ครับ ของแบบนี้ ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ credit/risk analyst ล้วนๆครับ และในเคสของผม ผมไม่มีเส้นสายใดๆกับทุกแบงค์ครับ

ปล. 2: ผมเชื่อว่าหากไม่มีเครดิตในไทยเลยเช่นผม (ไม่ดี ไม่เลว แต่ว่างเปล่าเลย) ปัจจัยหลักคือ "ค่าความเสี่ยง" ที่ทางแบงค์มองผู้กู้  ซึ่งโดยส่วนตัว ผมคิดว่ามีปัจจัยคือ ประวัติการใช้เงิน (แบงค์ขอดูstatement ทุกอย่าง ดังนั้นเค้าจะเห็นว่าผมใช้เงินเดือนชนเดือนหรือไม่ อย่างไร) และ นอกจากชื่อเสียงโครงการแล้ว บริษัทที่เราทำงานด้วย ก็น่าจะมีผลครับ เพราะโชคดีที่บริษัทที่ผมทำอยู่มีสาขาในไทย แม้ว่าตัวผมจะทำอยู่ต่างประเทศครับ เพราะสิ่งนึงที่ทุกแบงค์ถามเมื่อผมยื่นกู้คือ "คุณมีถิ่นฐานอยู่ต่างประเทศ ทำไมถึงจะซื้อบ้านในไทย? เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณจะไม่หนีหนี้์?" ดังนั้น คำตอบต่อคำถามนี้ สำคัญมากครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่