คุณพ่อ อายุ จวนจะใกล้ 60 เขาเป็นคนทำงานหนักและใช้แรงงานมาตลอดตั้งแต่วัยรุ่น และชอบทานอาหารรสจัด เปรี้ยว เผ็ด เค็ม หมักดอง และมีนิสัยชอบอั้นปัสสาวะอยู่เป็นประจำ อีกทั้งชอบทานแต่เนื้อสัตว์มากกว่าปลา สุดท้ายแล้ว เมื่อสี่ห้าเดือนก่อน ต้องเข้าผ่าตัดเพื่อตัดไตข้างขวาทิ้งไปหนึ่งข้าง
เหตุแรกเริ่มคือ คุณพ่อมีอาการชอบปวดข้อเท้าบ่อยๆเวลาที่เดินมาก หรือทำงานหนัก ระยะเวลาเป็นๆหายๆอยู่เรื่อย ตลอดสองปี หลังจากไปตรวจหาเบาหวานในตอนแรกก็ไม่เจอ จนกระทั่งมาตรวจเจอว่าคุณพ่อเป็นเกาท์ เพราะมีกรดยูริคในเลือดสูง ทานยามาตลอด แต่ระดับกรดยูริคก็ไม่ลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น ในระดับ 8 ระดับ 9 เรื่อยๆ คุณหมอเลยสงสัยว่า ทำไมยาไม่ตอบสนอง จึงขอตรวจปัสสาวะ และพบว่า ปัสสาวะมีปัญหา คือติดเชื้อ ที่ส่อถึงภาวะของคนเป็นนิ่วในไต หลังจากนั้นคุณหมอจึงได้ส่งตัวคุณพ่อไปเพื่อตรวจอัลตราซาว แล้วก็ต้องตกใจ ที่พบกับก้อนนิ่วที่มีขนาดใหญ่มากๆ ขนาดสี่นิ้วกว่า จนแทบจะกินเนื้อในไตข้างขวานั้นเกือบหมด จนทำให้ไตข้างขวาไม่สามารถทำงานได้ ท้ายที่สุด ไตข้างนั้นก็ตาย ซึ่งคุณหมอบอกว่า แปลกมากที่ไม่แสดงอาการปวดหลัง เพราะในบางราย ถ้าไตข้างใดข้างหนึ่งตาย หรือไม่ทำงานแล้วก็มักจะปวดหลังและทรมารมากจนต้องนอนโทรมลุกไม่ได้ แต่คุณพ่อ ในทุกๆครั้งที่มีอาการข้อเท้าบวม เขาก็จะกินยาคลายเส้น แก้ปวด กดอาการในทุกครั้ง ซึ่งมันก็อาจจะเป็นไปได้ ว่ายามันจะช่วยกดอาการเอาไว้ไม่ให้แสดงออกมาจนนานขนาดนี้ คุณหมอบอกว่า ถ้าเก็บเอาไว้ก็มีแต่จะเน่า และเป็นเนื้อร้าย จึงวินิจฉัยและตัดสินใจให้ตัดไตข้างนั้นทิ้งไป หลังจากที่คุณพ่อได้ตัดไตข้างนั้นทิ้งไปแล้ว ก็ได้พักพื้น นอนที่โรงพยาบาล สี่คืน และกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านอีกสามเดือน ซึ่งหลังจากผ่าตัดแล้ว ก็ไม่สามารถยกของหนัก หรือทำงานหนักได้อีก ระบบขับถ่าย ระบบย่อย ก็ทำงานผิดปกติ และมีอาการหอบเหนื่อย วินเวียนศรีษะร่วมด้วยในบางครั้ง ตอนนี้ผ่านมาแล้ว สี่ห้าเดือนหลังผ่าตัด คุณพ่อเริ่มกลับมาทำงานตามปกติอีกครั้ง คือขายอาหารตามตลาด และมียกของหนักบ้างช่วยกันกับคุณแม่ในบางครั้ง ตัวดิฉันเองและน้องชาย ก็อยู่คนละที่กับท่าน จึงไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้มาก นอกจากเงินที่จะโอนให้ท่านได้ใช้บ้างในทุกๆเดือน
สองสามวันก่อน คุณพ่อก็ไปตรวจสุขภาพโฟวโลว์อัพ ตามใบนัดที่คุณหมอจัดให้ ในทุกๆเดือน ถึงแม้จะตัดไตข้างนั้นไปแล้ว ระมัดระวังอาหารการกินมากขึ้น งดทานอาหารเมื้อเย็น เพื่อหวังว่าจะช่วยลดระดับกรดยูริคในเลือดให้น้อยลงบ้าง แต่ระดับความดันและกรดยูริคในเลือด ที่ส่งผลทำให้เป็นโรคเก๊าท์นั้น ก็ยังไม่ลดไปมากเท่าไหร่ตามที่คาดหวัง และยังมีอาการข้อเท้าบวมอีกเหมือนเดิม ทำให้เดินไม่ได้เหมือนทุกๆครั้ง คุณหมอได้ตรวจไตอีกข้างของคุณพ่อ และบอกว่า ไตของคุณพ่ออีกข้างเริ่มจะไม่ดีแล้ว และทุกๆครั้งอาการก็ทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย มันทำให้ฉันเป็นกังวลใจมาก
คุณหมอบอกว่า อาจด้วยผลกระทบของยาลดกรดยูริคด้วย ที่คุณพ่อทานมานาน จึงทำให้ไตข้างนั้นบาง และทำงานหนัก ผิดปกติ รวมไปทั้งโรคกระเพาะตามมาอีกต่างหาก มันเป็นเรื่องแย่มากๆ ที่ไม่ทานยาก็ไม่ดี ทานยาก็ไม่ดี แล้วแบบนี้จะให้ทำยังไงคะ หรือจะต้องทำใจ และรอความตายเท่านั้นหละคะ เพื่อนๆคนไหน ใครพอจะรู้จักยา หรือ อาหารเสริมอะไรบ้างคะ ที่ช่วยรักษาหรือบำบัดโรคนี้ได้บ้าง เคยเจอโฆษณาของอาหารเสริม Pu Jing Tun ปู่จิงตัน ไม่ทราบว่า มันดีมั้ยคะ มีใครมีประสบการณ์เคยใช้บ้างมั้ย ช่วยแชร์ประสบการณ์บ้างคะ
ใครรู้จักยารักษาหรือช่วยบำบัดโรคเกาท์ให้หายขาดได้บ้างคะ ช่วยแนะนำหน่อยคะ
เหตุแรกเริ่มคือ คุณพ่อมีอาการชอบปวดข้อเท้าบ่อยๆเวลาที่เดินมาก หรือทำงานหนัก ระยะเวลาเป็นๆหายๆอยู่เรื่อย ตลอดสองปี หลังจากไปตรวจหาเบาหวานในตอนแรกก็ไม่เจอ จนกระทั่งมาตรวจเจอว่าคุณพ่อเป็นเกาท์ เพราะมีกรดยูริคในเลือดสูง ทานยามาตลอด แต่ระดับกรดยูริคก็ไม่ลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น ในระดับ 8 ระดับ 9 เรื่อยๆ คุณหมอเลยสงสัยว่า ทำไมยาไม่ตอบสนอง จึงขอตรวจปัสสาวะ และพบว่า ปัสสาวะมีปัญหา คือติดเชื้อ ที่ส่อถึงภาวะของคนเป็นนิ่วในไต หลังจากนั้นคุณหมอจึงได้ส่งตัวคุณพ่อไปเพื่อตรวจอัลตราซาว แล้วก็ต้องตกใจ ที่พบกับก้อนนิ่วที่มีขนาดใหญ่มากๆ ขนาดสี่นิ้วกว่า จนแทบจะกินเนื้อในไตข้างขวานั้นเกือบหมด จนทำให้ไตข้างขวาไม่สามารถทำงานได้ ท้ายที่สุด ไตข้างนั้นก็ตาย ซึ่งคุณหมอบอกว่า แปลกมากที่ไม่แสดงอาการปวดหลัง เพราะในบางราย ถ้าไตข้างใดข้างหนึ่งตาย หรือไม่ทำงานแล้วก็มักจะปวดหลังและทรมารมากจนต้องนอนโทรมลุกไม่ได้ แต่คุณพ่อ ในทุกๆครั้งที่มีอาการข้อเท้าบวม เขาก็จะกินยาคลายเส้น แก้ปวด กดอาการในทุกครั้ง ซึ่งมันก็อาจจะเป็นไปได้ ว่ายามันจะช่วยกดอาการเอาไว้ไม่ให้แสดงออกมาจนนานขนาดนี้ คุณหมอบอกว่า ถ้าเก็บเอาไว้ก็มีแต่จะเน่า และเป็นเนื้อร้าย จึงวินิจฉัยและตัดสินใจให้ตัดไตข้างนั้นทิ้งไป หลังจากที่คุณพ่อได้ตัดไตข้างนั้นทิ้งไปแล้ว ก็ได้พักพื้น นอนที่โรงพยาบาล สี่คืน และกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านอีกสามเดือน ซึ่งหลังจากผ่าตัดแล้ว ก็ไม่สามารถยกของหนัก หรือทำงานหนักได้อีก ระบบขับถ่าย ระบบย่อย ก็ทำงานผิดปกติ และมีอาการหอบเหนื่อย วินเวียนศรีษะร่วมด้วยในบางครั้ง ตอนนี้ผ่านมาแล้ว สี่ห้าเดือนหลังผ่าตัด คุณพ่อเริ่มกลับมาทำงานตามปกติอีกครั้ง คือขายอาหารตามตลาด และมียกของหนักบ้างช่วยกันกับคุณแม่ในบางครั้ง ตัวดิฉันเองและน้องชาย ก็อยู่คนละที่กับท่าน จึงไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้มาก นอกจากเงินที่จะโอนให้ท่านได้ใช้บ้างในทุกๆเดือน
สองสามวันก่อน คุณพ่อก็ไปตรวจสุขภาพโฟวโลว์อัพ ตามใบนัดที่คุณหมอจัดให้ ในทุกๆเดือน ถึงแม้จะตัดไตข้างนั้นไปแล้ว ระมัดระวังอาหารการกินมากขึ้น งดทานอาหารเมื้อเย็น เพื่อหวังว่าจะช่วยลดระดับกรดยูริคในเลือดให้น้อยลงบ้าง แต่ระดับความดันและกรดยูริคในเลือด ที่ส่งผลทำให้เป็นโรคเก๊าท์นั้น ก็ยังไม่ลดไปมากเท่าไหร่ตามที่คาดหวัง และยังมีอาการข้อเท้าบวมอีกเหมือนเดิม ทำให้เดินไม่ได้เหมือนทุกๆครั้ง คุณหมอได้ตรวจไตอีกข้างของคุณพ่อ และบอกว่า ไตของคุณพ่ออีกข้างเริ่มจะไม่ดีแล้ว และทุกๆครั้งอาการก็ทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย มันทำให้ฉันเป็นกังวลใจมาก
คุณหมอบอกว่า อาจด้วยผลกระทบของยาลดกรดยูริคด้วย ที่คุณพ่อทานมานาน จึงทำให้ไตข้างนั้นบาง และทำงานหนัก ผิดปกติ รวมไปทั้งโรคกระเพาะตามมาอีกต่างหาก มันเป็นเรื่องแย่มากๆ ที่ไม่ทานยาก็ไม่ดี ทานยาก็ไม่ดี แล้วแบบนี้จะให้ทำยังไงคะ หรือจะต้องทำใจ และรอความตายเท่านั้นหละคะ เพื่อนๆคนไหน ใครพอจะรู้จักยา หรือ อาหารเสริมอะไรบ้างคะ ที่ช่วยรักษาหรือบำบัดโรคนี้ได้บ้าง เคยเจอโฆษณาของอาหารเสริม Pu Jing Tun ปู่จิงตัน ไม่ทราบว่า มันดีมั้ยคะ มีใครมีประสบการณ์เคยใช้บ้างมั้ย ช่วยแชร์ประสบการณ์บ้างคะ