คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
อย่างแรกอยากขอบคุณที่มาแชร์เรื่องส่วนตัวของคุณ จขกท ให้ฟังนะครับ คุณ จขกท เขียนเรียบเรียงได้ดีมากเลยครับ ผมเลยอยากจะเข้ามาตอบเสนอมุมมองของผมนะครับ ค่อนข้างยาวหน่อยนะครับ
หลายๆ คห. อาจจะหลากหลายสังคม หลากหลายอายุ หลากหลายเรื่องราว อยากให้คุณ จขกท. เลือกนำเอาคำตอบที่รับฟังแล้ว ทำให้มีความสุขเป็นวันที่สดใสต่อไปนะครับ เพราะเชื่อว่ายังมีอีกหลายๆ คห ที่จะเข้ามาตอบโดยตั้งเอาตัวเองและอารมณ์ความสะใจเป็นหลัก
ผมมีเพื่อน ผญ. ค่อนข้างเยอะและหลากหลายครับ เชื่ออยู่ในใจนิดนึงว่าคุณ จขกท. นั้นไม่ได้มองว่าเพศเป็นสิ่งสำคัญที่จะมากำหนดความรักของคนสองคน ความรักของคนเรามันไม่มีมาตรฐานตายตัวครับ คุณ จขกท. มีชีวิตที่ค่อนข้างจะเหมือน คนสมัยก่อนก็ว่าได้เลยนะครับ เอาเป็นว่าสมัยนี้คงจะหาได้เป็นส่วนน้อย ที่มีแฟนมาไม่กี่คน และได้มีโอกาสแต่งงานมีสามีเป็นผู้ชายคนแรก สร้างครอบครัวมีลูกน่ารักด้วยกัน กลับกันคนในสมัยนี้จะอยู่โสดกันมากขึ้น คบกันมีแฟนมากี่คนกว่าจะเจอตัวจริงหรือไม่เจอเลย อาจจะเพราะว่ามาตรฐานสูงกว่าความเป็นจริง ช่างเลือกและสามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวก็ได้
ผมมองว่าการที่ คุณ จขกท. ได้มีโอกาสน้อยในการคบแฟน และแต่งงานค่อนข้างเร็วโดยใช้เวลาดูใจกัน 1 ปี คุณ จขกท. ครับคุณโชคดีมากๆครับ คงจะมีผู้หญิงอีกหลายๆคนใน pantip ที่อยากมีชีวิตตามแนวทางแบบคุณ จขกท. ครับ แต่ทว่าการที่เราอยู่กับใครสักคนนานๆ ความรักผมเชื่อว่ายังคงมีอยู่เสมอครับ แต่ความจำเจในชีวิตประจำวันก็อาจจะเช่นกันครับ ผมเข้าใจดี บางคนคู่อาจจะเป็น บางคู่อาจจะไม่เป็น ถ้าคุณ จขกท มีความสุขดีครบทุกอย่างไม่เหงา ไม่ต้องการเพื่อนคุย คงจะไม่ไปเล่น facebook หรือมาแถว pantip หรอกครับ...
และพอวันนี้มาถึง วันที่คุณ ได้เจอกันคนที่คุณรู้สึกพูดคุยได้ในหลายๆเรื่อง การได้พูดคุยกันทุกวันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันขึ้นมา คนคนนี้ทำให้คุณ จขกท มีความสุขมากขึ้น อาจจะไม่ใช่มาเติมเต็มในชีวิต แต่ก็มารับฟังแลกเปลี่ยนกันได้ค่อนข้างดีทีเดียว จนกลายเป็นความผูกพันธ์ที่อยากพูดคุยด้วยทุกวัน
ส่วนตัวผมไม่มองว่าเป็นปัญหานะครับ ถ้าผมมองตัวเองว่าผมอยู่ในฐานะของสามี จขกท. (ผมเป็น ผช ค่อนข้างใจกว้างเพราะอาจจะผ่านอะไรมาเยอะพอควรด้วยครับ ไม่ใช่คนหัวโบราณ) ถ้าผมมีอะไรแนะนำให้คุณได้ คงไม่มีอะไรจะยากมากกว่าความจริงครับ บอกเพื่อนคนนั้นไปอย่างที่คุณเล่ามาทั้งหมดครับว่า ใครคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตจริงๆของคุณ ใครที่คุณรักจริงๆ(สามีและลูก)และมากขนาดไหน สุดท้ายย้ำบอกสถานะของเพื่อนคุณให้ชัดเจนด้วยครับ ว่าเค้าก็เป็นเพียง "เพื่อนคนหนึ่ง" เท่านั้นเองครับ จะมารออะไรกับคุณแม่ลูกเจ็ดขวบที่มีสามีที่น่ารัก คงจะเป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ แต่เป็นเรื่องที่ต้องย้ำในความชัดเจนของ สถานะ เพื่อนครับ
ขอให้เป็นวันดีๆครับ
ปล. คุณ จขกท ก็เขียนเล่าอยู่ว่าเพื่อนคนนั้นเป็น ทอม แต่แอบงงว่าทำไมก็ยังมีคนเขียนว่าเป็น ผู้ชาย...
หลายๆ คห. อาจจะหลากหลายสังคม หลากหลายอายุ หลากหลายเรื่องราว อยากให้คุณ จขกท. เลือกนำเอาคำตอบที่รับฟังแล้ว ทำให้มีความสุขเป็นวันที่สดใสต่อไปนะครับ เพราะเชื่อว่ายังมีอีกหลายๆ คห ที่จะเข้ามาตอบโดยตั้งเอาตัวเองและอารมณ์ความสะใจเป็นหลัก
ผมมีเพื่อน ผญ. ค่อนข้างเยอะและหลากหลายครับ เชื่ออยู่ในใจนิดนึงว่าคุณ จขกท. นั้นไม่ได้มองว่าเพศเป็นสิ่งสำคัญที่จะมากำหนดความรักของคนสองคน ความรักของคนเรามันไม่มีมาตรฐานตายตัวครับ คุณ จขกท. มีชีวิตที่ค่อนข้างจะเหมือน คนสมัยก่อนก็ว่าได้เลยนะครับ เอาเป็นว่าสมัยนี้คงจะหาได้เป็นส่วนน้อย ที่มีแฟนมาไม่กี่คน และได้มีโอกาสแต่งงานมีสามีเป็นผู้ชายคนแรก สร้างครอบครัวมีลูกน่ารักด้วยกัน กลับกันคนในสมัยนี้จะอยู่โสดกันมากขึ้น คบกันมีแฟนมากี่คนกว่าจะเจอตัวจริงหรือไม่เจอเลย อาจจะเพราะว่ามาตรฐานสูงกว่าความเป็นจริง ช่างเลือกและสามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวก็ได้
ผมมองว่าการที่ คุณ จขกท. ได้มีโอกาสน้อยในการคบแฟน และแต่งงานค่อนข้างเร็วโดยใช้เวลาดูใจกัน 1 ปี คุณ จขกท. ครับคุณโชคดีมากๆครับ คงจะมีผู้หญิงอีกหลายๆคนใน pantip ที่อยากมีชีวิตตามแนวทางแบบคุณ จขกท. ครับ แต่ทว่าการที่เราอยู่กับใครสักคนนานๆ ความรักผมเชื่อว่ายังคงมีอยู่เสมอครับ แต่ความจำเจในชีวิตประจำวันก็อาจจะเช่นกันครับ ผมเข้าใจดี บางคนคู่อาจจะเป็น บางคู่อาจจะไม่เป็น ถ้าคุณ จขกท มีความสุขดีครบทุกอย่างไม่เหงา ไม่ต้องการเพื่อนคุย คงจะไม่ไปเล่น facebook หรือมาแถว pantip หรอกครับ...
และพอวันนี้มาถึง วันที่คุณ ได้เจอกันคนที่คุณรู้สึกพูดคุยได้ในหลายๆเรื่อง การได้พูดคุยกันทุกวันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันขึ้นมา คนคนนี้ทำให้คุณ จขกท มีความสุขมากขึ้น อาจจะไม่ใช่มาเติมเต็มในชีวิต แต่ก็มารับฟังแลกเปลี่ยนกันได้ค่อนข้างดีทีเดียว จนกลายเป็นความผูกพันธ์ที่อยากพูดคุยด้วยทุกวัน
ส่วนตัวผมไม่มองว่าเป็นปัญหานะครับ ถ้าผมมองตัวเองว่าผมอยู่ในฐานะของสามี จขกท. (ผมเป็น ผช ค่อนข้างใจกว้างเพราะอาจจะผ่านอะไรมาเยอะพอควรด้วยครับ ไม่ใช่คนหัวโบราณ) ถ้าผมมีอะไรแนะนำให้คุณได้ คงไม่มีอะไรจะยากมากกว่าความจริงครับ บอกเพื่อนคนนั้นไปอย่างที่คุณเล่ามาทั้งหมดครับว่า ใครคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตจริงๆของคุณ ใครที่คุณรักจริงๆ(สามีและลูก)และมากขนาดไหน สุดท้ายย้ำบอกสถานะของเพื่อนคุณให้ชัดเจนด้วยครับ ว่าเค้าก็เป็นเพียง "เพื่อนคนหนึ่ง" เท่านั้นเองครับ จะมารออะไรกับคุณแม่ลูกเจ็ดขวบที่มีสามีที่น่ารัก คงจะเป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ แต่เป็นเรื่องที่ต้องย้ำในความชัดเจนของ สถานะ เพื่อนครับ
ขอให้เป็นวันดีๆครับ
ปล. คุณ จขกท ก็เขียนเล่าอยู่ว่าเพื่อนคนนั้นเป็น ทอม แต่แอบงงว่าทำไมก็ยังมีคนเขียนว่าเป็น ผู้ชาย...
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ตอบในมุมมองของตัวเองนะคะ รีบหยุดเลยค่ะ
ถ้าเราเห็นไฟกำลังเริ่มไหม้ ต้องรีบดับ
ไม่งั้นมันจะลุกลาม ใหญ่โต จนเผาไหม้ทุกคน
อ่านจากที่คุณเล่ามา เราว่าอันตราย
ลองนึกดู
ถ้าสามีรู้เรื่อง อะไรจะเกิดขึ้น ครอบครัวจะเป็นยังไง ลูกจะเป็นยังไง
สิ่งน่ากลัวอีกอย่างคือกิเลส (ความรู้สึก อบอุ่น วาบไหว ถูกคอ ถูกใจ ) มันจะหลอกคุณ ให้เดินไปในทางที่ผิด แบบไม่รู้ตัว
ณ ปัจจุบัน เรามีครอบครัวอบอุ่น มีลูก เป็นแม่คน
มันยังไม่ดีพอเหรอคะ ถามตัวเองว่า เราต้องการอะไรอีก
สำหรับตัวเราเอง เป็นคนระมัดระวังมากในเรื่องนี้
เราจะตัดไฟแต่ต้นลมค่ะ เราชอบป้องกัน มากกว่าแก้ไข
ถ้าเราเห็นไฟกำลังเริ่มไหม้ ต้องรีบดับ
ไม่งั้นมันจะลุกลาม ใหญ่โต จนเผาไหม้ทุกคน
อ่านจากที่คุณเล่ามา เราว่าอันตราย
ลองนึกดู
ถ้าสามีรู้เรื่อง อะไรจะเกิดขึ้น ครอบครัวจะเป็นยังไง ลูกจะเป็นยังไง
สิ่งน่ากลัวอีกอย่างคือกิเลส (ความรู้สึก อบอุ่น วาบไหว ถูกคอ ถูกใจ ) มันจะหลอกคุณ ให้เดินไปในทางที่ผิด แบบไม่รู้ตัว
ณ ปัจจุบัน เรามีครอบครัวอบอุ่น มีลูก เป็นแม่คน
มันยังไม่ดีพอเหรอคะ ถามตัวเองว่า เราต้องการอะไรอีก
สำหรับตัวเราเอง เป็นคนระมัดระวังมากในเรื่องนี้
เราจะตัดไฟแต่ต้นลมค่ะ เราชอบป้องกัน มากกว่าแก้ไข
ความคิดเห็นที่ 56
ขอตอบในฐานะคนที่เคยมีเพื่อนที่ประสบเหตุคล้ายๆกับคุณนะครับ โดยผมจะขออนุญาตนำข้อมูลเรื่องกฏของธรรมชาติ
มาผสมผสานในคำตอบให้คุณด้วยครับ
การมีครอบครัวที่น่ารักของคุณ >> เกิดจากกรรมปัจจุบัน + กรรมเก่า
กรรมปัจจุบัน >> คือการที่คุณพยายามส่งเสริมให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น ทั้งทำหน้าที่ภรรยาของสามีและหน้าที่แม่ของลูกให้ดี
รวมถึงกรรมเก่าของคุณส่วนหนึ่ง ส่งให้ได้เจอกับสามีที่ดีและเป็นพ่อของลูกที่ดี แสดงว่าคุณต้องเคยซื่อสัตย์กับครอบครัวและทำหน้าที่ในครอบครัวได้ดีมาก่อนในอดีต [อย่าลืมว่าอาจมีผู้หญิงหลายคนที่ทำดีพอๆกับคุณ แต่เจอสามีที่ดีไม่เท่าคุณ ครอบครัวอบอุ่นไม่เท่าคุณนะครับ]
>> ปัจจุบันเมื่อรวมแล้วคุณจะมีภาพความรู้สึกของครอบครัวที่ถือว่าดีประมาณหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้เริ่มมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเกิดขึ้น ซึ่งของใหม่นี้เป็นสิ่งที่อาจบ่อนทำลายความรู้สึกดีๆของคนที่รักคุณ รวมถึงครอบครัวที่คุณรัก
ความรู้สึกของคุณในตอนนี้มันเป็นความรู้สึกทรมาน คือทั้งสุขทั้งทุกข์ในเวลาเดียวกัน สุขก็เพราะรู้สึกมีที่พึ่งพิงเพิ่มขึ้นหรือรู้สึกมีคนมาเติมเต็มอะไรบางอย่างในตัวคุณมากขึ้น แต่ก็ทุกข์ในแง่ที่รู้สึกผิดกับครอบครัวในกรณีที่ความคิดคุณเริ่มเกินเลยในความสัมพันธ์ใหม่
ท้ายที่สุดจะมีบางจังหวะที่คุณคิดว่า ถ้าไม่มีหรือไม่ได้เจอตั้งแต่ต้นจะตัดใจได้ง่ายกว่า ใช่ไหมครับ
ถ้าให้ผมอธิบายในเชิงของเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา โดยเราไม่ได้เป็นคนตั้งใจให้มันเกิดขึ้น แต่จู่ๆมันก็เข้ามาทำให้เกิดแรงบีบคั้นหนึ่งๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความรู้สึกทุกข์มากกว่าสุข ผมมองแรงบีบคั้นนี้ว่าเกิดจากกรรมเก่าครับ
ถ้าว่าตรงๆก็คือ ในอดีตคุณอาจเคยไปทำให้คนที่มีคู่ครองเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วเกิดความหวั่นไหว จะถึงหรือไม่ถึงขั้นผิดลูกผิดเมียก็ไม่อาจทราบ แต่ทราบได้ว่า คุณต้องตั้งใจอย่างมากเพื่อให้คนที่เขามีคู่ครองอยู่แล้วเกิดความหวั่นไหวได้
คุณอาจสงสัยว่า ในอดีต ผมบอกว่าคุณเคยเป็นคนซื่อสัตย์แล้ว (ได้สามีซื่อสัตย์) แล้วทำไมถึงไปทำให้คนอื่นเกิดความหวั่นไหวได้เล่า เหมือนพูดขัดกันเอง ผมก็อยากบอกว่า อดีตเราไม่ได้มีแค่ชาติเดียว อีกทั้งภายในชาติเดียวกัน เรายังทำกรรมได้ต่างกันเลยครับ
เช่น สมัยหนึ่งคุณอาจเจ้าชู้จีบคนที่เขามีเจ้าของ แต่ต่อมากลับตัวกลับใจเป็นคนดี ทำหน้าที่พ่อ/แม่ได้ดี ก็เป็นไปได้ครับ กรรมมันวิจิตรพิสดารกว่าที่จะบอกว่าต้องเป็น ตรรกะในทิศทางเดียวได้
แล้วถ้ามองอย่างที่ผมบอกได้ เราจะทำอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์ที่สุด ...
ในเมื่อผมบอกว่า สิ่งที่คุณได้รับจากครอบครัวเป็นความสุขอยู่แล้ว แสดงว่ากรรมดีให้ผล แต่มาหวั่นไหวเพราะแรงบีบคั้นของกรรมเก่าแบบนี้ หากคุณเผลอใจไปทำสิ่งที่จะทำให้ครอบครัวแตกแยก หรือสามี (ที่ดีและหายากแบบที่ชาวพันทิปไขว่คว้ากัน) ต้องเกิดความทุกข์
แบบนี้นับเป็นการสร้างกรรมใหม่ครับ ซึ่งมันจะวนกลับมาเป็นแรงบีบคั้นให้คุณเสียใจหนักกว่าเก่าแน่นอน
อนึ่ง ผมเข้าใจและเห็นใจว่าความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดที่จู่โจมคุณตอนนี้เกิดจากแรงบีบคั้นของกรรมเก่า และคุณต้องฝืนมากๆถึงจะเอาชนะได้ แต่ถ้าคุณเอาชนะได้ ถือว่าคุณได้สร้างกรรมใหม่ที่ดีๆเอาไว้ให้กับตัวคุณเองในอนาคตครับ
ปล.ผมขอเพิ่มเติมความเห็นอีกเล็กน้อยตามความน่าจะเป็นนะครับ ทางธรรมชาติมองว่า ภาวะที่ไม่ได้ภูมิใจกับเพศกำเนิดนั้น ไม่ว่าจะเป็นการที่คุณเคยได้คบ (เป็นดี้) หรือเป็นเสียเอง ทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่เกิดจากกรรมทางเพศที่ผิดมาในอดีตครับ ต้องรีบบอกก่อนเลยว่า ผมพูดไปตามเนื้อผ้า ไม่ได้พูดเหยียดใดๆ ผมมีเพื่อนที่นิสียดีและน่ารักที่เป็นลักษณะดังกล่าว ทั้งชายและหญิง และผมให้เกียรติทุกคนเท่ากัน แต่การนำมาพูด เป็นเพียงการบอกถึงความน่าจะเป็น ความน่าจะใช่ ในแง่ที่ผมบอก เพราะถ้าเมื่อก่อนเคยผิดทางเพศมาก่อน ในปัจจุบันก็อาจจะมีแรงบีบคั้นบางอย่างมาสนองได้นอกเหนือจากเรื่องไม่พอใจในเพศกำเนิดแล้ว ดังนั้นคุณอาจยังไม่เคยผิดเรื่องนี้ขั้นร้ายแรง แต่ได้ชื่อว่าเข้ามาพัวพันในชีวิตอยู่พอสมควร (ตั้งแต่วัยเรียนจนถึงแต่งงาน) ผมจึงแนะนำให้คุณตั้งใจให้ดี อย่าผิดคำมั่นสัญญากับสามี อย่าทำให้ครอบครัวของลูกที่อบอุ่นต้องล้มเหลว ถอยออกทั้งๆที่มีแรงบีบคั้นนี่หละครับ คุณจะถือว่าได้สร้างกรรมใหม่ที่ดีๆ รอคุณอยู่ แม้ตอนนี้จะทรมานใจก็ตาม
มาผสมผสานในคำตอบให้คุณด้วยครับ
การมีครอบครัวที่น่ารักของคุณ >> เกิดจากกรรมปัจจุบัน + กรรมเก่า
กรรมปัจจุบัน >> คือการที่คุณพยายามส่งเสริมให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น ทั้งทำหน้าที่ภรรยาของสามีและหน้าที่แม่ของลูกให้ดี
รวมถึงกรรมเก่าของคุณส่วนหนึ่ง ส่งให้ได้เจอกับสามีที่ดีและเป็นพ่อของลูกที่ดี แสดงว่าคุณต้องเคยซื่อสัตย์กับครอบครัวและทำหน้าที่ในครอบครัวได้ดีมาก่อนในอดีต [อย่าลืมว่าอาจมีผู้หญิงหลายคนที่ทำดีพอๆกับคุณ แต่เจอสามีที่ดีไม่เท่าคุณ ครอบครัวอบอุ่นไม่เท่าคุณนะครับ]
>> ปัจจุบันเมื่อรวมแล้วคุณจะมีภาพความรู้สึกของครอบครัวที่ถือว่าดีประมาณหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้เริ่มมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเกิดขึ้น ซึ่งของใหม่นี้เป็นสิ่งที่อาจบ่อนทำลายความรู้สึกดีๆของคนที่รักคุณ รวมถึงครอบครัวที่คุณรัก
ความรู้สึกของคุณในตอนนี้มันเป็นความรู้สึกทรมาน คือทั้งสุขทั้งทุกข์ในเวลาเดียวกัน สุขก็เพราะรู้สึกมีที่พึ่งพิงเพิ่มขึ้นหรือรู้สึกมีคนมาเติมเต็มอะไรบางอย่างในตัวคุณมากขึ้น แต่ก็ทุกข์ในแง่ที่รู้สึกผิดกับครอบครัวในกรณีที่ความคิดคุณเริ่มเกินเลยในความสัมพันธ์ใหม่
ท้ายที่สุดจะมีบางจังหวะที่คุณคิดว่า ถ้าไม่มีหรือไม่ได้เจอตั้งแต่ต้นจะตัดใจได้ง่ายกว่า ใช่ไหมครับ
ถ้าให้ผมอธิบายในเชิงของเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา โดยเราไม่ได้เป็นคนตั้งใจให้มันเกิดขึ้น แต่จู่ๆมันก็เข้ามาทำให้เกิดแรงบีบคั้นหนึ่งๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความรู้สึกทุกข์มากกว่าสุข ผมมองแรงบีบคั้นนี้ว่าเกิดจากกรรมเก่าครับ
ถ้าว่าตรงๆก็คือ ในอดีตคุณอาจเคยไปทำให้คนที่มีคู่ครองเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วเกิดความหวั่นไหว จะถึงหรือไม่ถึงขั้นผิดลูกผิดเมียก็ไม่อาจทราบ แต่ทราบได้ว่า คุณต้องตั้งใจอย่างมากเพื่อให้คนที่เขามีคู่ครองอยู่แล้วเกิดความหวั่นไหวได้
คุณอาจสงสัยว่า ในอดีต ผมบอกว่าคุณเคยเป็นคนซื่อสัตย์แล้ว (ได้สามีซื่อสัตย์) แล้วทำไมถึงไปทำให้คนอื่นเกิดความหวั่นไหวได้เล่า เหมือนพูดขัดกันเอง ผมก็อยากบอกว่า อดีตเราไม่ได้มีแค่ชาติเดียว อีกทั้งภายในชาติเดียวกัน เรายังทำกรรมได้ต่างกันเลยครับ
เช่น สมัยหนึ่งคุณอาจเจ้าชู้จีบคนที่เขามีเจ้าของ แต่ต่อมากลับตัวกลับใจเป็นคนดี ทำหน้าที่พ่อ/แม่ได้ดี ก็เป็นไปได้ครับ กรรมมันวิจิตรพิสดารกว่าที่จะบอกว่าต้องเป็น ตรรกะในทิศทางเดียวได้
แล้วถ้ามองอย่างที่ผมบอกได้ เราจะทำอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์ที่สุด ...
ในเมื่อผมบอกว่า สิ่งที่คุณได้รับจากครอบครัวเป็นความสุขอยู่แล้ว แสดงว่ากรรมดีให้ผล แต่มาหวั่นไหวเพราะแรงบีบคั้นของกรรมเก่าแบบนี้ หากคุณเผลอใจไปทำสิ่งที่จะทำให้ครอบครัวแตกแยก หรือสามี (ที่ดีและหายากแบบที่ชาวพันทิปไขว่คว้ากัน) ต้องเกิดความทุกข์
แบบนี้นับเป็นการสร้างกรรมใหม่ครับ ซึ่งมันจะวนกลับมาเป็นแรงบีบคั้นให้คุณเสียใจหนักกว่าเก่าแน่นอน
อนึ่ง ผมเข้าใจและเห็นใจว่าความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดที่จู่โจมคุณตอนนี้เกิดจากแรงบีบคั้นของกรรมเก่า และคุณต้องฝืนมากๆถึงจะเอาชนะได้ แต่ถ้าคุณเอาชนะได้ ถือว่าคุณได้สร้างกรรมใหม่ที่ดีๆเอาไว้ให้กับตัวคุณเองในอนาคตครับ
ปล.ผมขอเพิ่มเติมความเห็นอีกเล็กน้อยตามความน่าจะเป็นนะครับ ทางธรรมชาติมองว่า ภาวะที่ไม่ได้ภูมิใจกับเพศกำเนิดนั้น ไม่ว่าจะเป็นการที่คุณเคยได้คบ (เป็นดี้) หรือเป็นเสียเอง ทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่เกิดจากกรรมทางเพศที่ผิดมาในอดีตครับ ต้องรีบบอกก่อนเลยว่า ผมพูดไปตามเนื้อผ้า ไม่ได้พูดเหยียดใดๆ ผมมีเพื่อนที่นิสียดีและน่ารักที่เป็นลักษณะดังกล่าว ทั้งชายและหญิง และผมให้เกียรติทุกคนเท่ากัน แต่การนำมาพูด เป็นเพียงการบอกถึงความน่าจะเป็น ความน่าจะใช่ ในแง่ที่ผมบอก เพราะถ้าเมื่อก่อนเคยผิดทางเพศมาก่อน ในปัจจุบันก็อาจจะมีแรงบีบคั้นบางอย่างมาสนองได้นอกเหนือจากเรื่องไม่พอใจในเพศกำเนิดแล้ว ดังนั้นคุณอาจยังไม่เคยผิดเรื่องนี้ขั้นร้ายแรง แต่ได้ชื่อว่าเข้ามาพัวพันในชีวิตอยู่พอสมควร (ตั้งแต่วัยเรียนจนถึงแต่งงาน) ผมจึงแนะนำให้คุณตั้งใจให้ดี อย่าผิดคำมั่นสัญญากับสามี อย่าทำให้ครอบครัวของลูกที่อบอุ่นต้องล้มเหลว ถอยออกทั้งๆที่มีแรงบีบคั้นนี่หละครับ คุณจะถือว่าได้สร้างกรรมใหม่ที่ดีๆ รอคุณอยู่ แม้ตอนนี้จะทรมานใจก็ตาม
แสดงความคิดเห็น
ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว รักลูก รักสามี แต่มีเรื่องให้หวั่นไหวกับคนนอก ทำอย่างไรดีคะ
เรากับสามีแต่งงานกันมาสิบปีแล้วค่ะ มีลูกหนึ่งคน อายุเจ็ดขวบ สามีเป็นผู้ชายคนแรกของเรา และเรารักเขามาก รักมาโดยตลอด เราค่อนข้างเป็นผู้หญิงหวงตัวนะคะ เพราะโตมากับโรงเรียนประจำคอนแวนต์หญิงล้วนด้วย ที่บ้านก็หัวโบราณ เราจะหวงตัวกับผู้ชายมาก ทั้งๆที่พอโตมาก็มีผู้ชายมาจีบเรื่อยๆ บางคนเราก็ชอบนะ แต่ก็แค่นั้น มีไปกินข้าวดูหนัง แต่พอเค้าขอคบเป็นแฟน เราจะถอยค่ะ พอเรียนจบ แฟนจริงจังคนแรกของเราคือทอม ทั้งๆที่ไม่เคยชอบทอมมาก่อนนะคะ แต่คงเพราะเคยอยู่โรงเรียนหญิงล้วน มันค่อนข้างเป็นเรื่องปกติ และก็อาจจะเพราะ(ตอนนั้น)เรารู้สึกว่าคบกับผู้หญิงยังไงก็ปลอดภัยกว่าผู้ชายด้วยมั้งคะ
ก็คบกับทอมมาสามปี เป็นคนแรกที่เรามีอะไรด้วย จริงๆเราไม่เคยชอบทอมมาก่อน และไม่คิดจะชอบด้วย มีคนนี้คนเดียวที่เข้ามาแล้วเรารู้สึกใช่ทันที เค้าเป็นคนหน้าตาดีมาก และเอาใจเก่งมาก แต่ลึกๆเราก็รู้ตลอดนะคะ ว่ามันไม่ใช่ทางของเรา เพราะวันนึงเราก็อยากแต่งงานกับผู้ชาย มีลูก ระหว่างนั้นเราก็ชอบผู้ชายแหละ มีผู้ชายเข้ามาจีบอยู่เรื่อยๆ ก็ทะเลาะกันไปตามเรื่อง จนวันนึงก็เลิกกัน ที่เค้าบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีเหตุผลเสมอ ก็อาจจะจริงนะคะ เพราะก็เป็นช่วงนี้แหละที่เราก็ได้เจอกับสามีปัจจุบัน
ก่อนหน้าสามี เคยมีผู้ชายมาชอบ แต่เราก็ไม่เคยให้ใครล้ำเส้น แต่กับสามี เจอปุ๊บคือปังมาก และทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่งงานกันภายในหนึ่งปี ด้วยความรักและความสุขล้วนๆ ต่อมาก็มีลูก และเรียกว่าเป็นครอบครัวที่อบอุ่น สามีเป็นคนดี แบบที่เรียกว่าดีมาก เป็นคนรักครอบครัว รักไปถึงพ่อแม่พี่น้องของเราด้วย เรื่องบนเตียงเราก็เข้ากันได้ดี เรียกว่าเป็นชีวิตแต่งงานที่มีความสุข อยู่กันมาสิบปี ต่างฝ่ายต่างไม่เคยมีเรื่องนอกใจ เรามีความไว้ใจกันมาก จนเราแน่ใจเลยว่าเราจะอยู่ด้วยกันไปจนลมหายใจสุดท้ายของกันนั่นแหละ
แต่.. แต่ทำไมชีวิตต้องมีคำว่าแต่ก็ไม่รู้ ประมาณหกเดือนที่ผ่านมา เฟสบุคนี่แหละ ทำให้เราได้เจอเพื่อนเก่าสมัยมัธยมต้นที่ห่างกันไปนานแล้ว คนนั้นต่อคนนี้ จนเราได้เจอกับเพื่อนที่เคยสนิทกัน เป็นทอมนะคะ ตอนเรียนด้วยกันก็สนิทแบบเด็กๆ เรามีอะไรก็จะแบ่งปันกันมากกว่าคนอื่นๆ เรียกว่าเราเป็นความทรงจำที่ดีของกันและกันมากๆ แล้วพอห่างกันไปก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนตอนนี้ พอได้เจอกัน เราสองคนก็ต่อกันติดแบบเร็วมาก เค้าอยู่เชียงใหม่ เราอยู่กรุงเทพ แรกๆก็คุยโทรศัพท์กันเป็นเพื่อน สามีเราก็รู้ และเพื่อนเราคนนี้เค้าก็รู้ว่าเราแต่งงานมีลูกแล้ว มันไม่น่าจะมีอะไรใช่ไหมคะ เพราะเราเป็นเพื่อนกันเท่านั้น
แต่ครั้งแรกที่นัดเจอกัน พอได้เจอกัน ความรู้สึกระหว่างเรามันแรงมาก มันเหมือนกึ่งๆออกเดท เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดวัน คุยและอัพเดทเรื่องชีวิตของกันและกัน แต่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยนะคะ เราก็ยอมรับแหละว่าวันนั้นเราอยู่กับเค้าแล้วมีความสุข หลังจากนั้น เราก็เริ่มคุยกันบ่อยขึ้น และบ่อยมาก จนกลายเป็นคุยกันทุกวัน วันละหลายๆครั้ง เราสองคนไม่เคยคุยกันว่าเรารู้สึกอย่างไรต่อกันนะคะ แต่มันไม่ใช่ปกติของความเป็นเพื่อนนี่คือแน่ๆล่ะ บางครั้งเราก็มีงอนกัน คือเหมือนคนเพิ่งจีบกันใหม่ๆแหละ เค้าเองช่วงนี้ก็ไม่มีแฟน แต่เราไม่ได้คุยกันแบบสวีทหวานแหววนะคะ เราคุยกันไปเรื่อยๆ และคุยกันได้ทุกเรื่องจริงๆ เราเปิดใจให้กัน อาจจะเพราะเรามีความเป็นเพื่อนตั้งแต่ตอนเด็กๆที่รู้สึกไว้ใจกันได้ และเราห่างกันพอที่จะไม่ได้เป็นสังคมเดียวกันตอนโต ทำให้เรามีความสะดวกใจและสบายใจที่จะเล่าให้กันฟังทุกเรื่องก็เป็นได้
นี่แหละค่ะ สำหรับเรา ความหวั่นไหวมันเข้ามาตรงนี้ แต่เราก็ยังรักสามีเราอยู่นะคะ ไม่ได้รักน้อยลง และเราก็รักลูกมาก หน้าที่การเป็นภรรยาหรือแม่ก็ไม่ได้น้อยลง ที่เราคุยกับเพื่อน สามีไม่ได้คิดอะไรค่ะ เขารู้ว่าเราเคยมีแฟนเป็นทอม แต่คงไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะเราก็แต่งงานกันมาสิบปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องอะไรแบบนี้เลย และเขาก็มีความไว้ใจให้เรามาก เราเองที่รู้สึกแบบนี้ก็รู้ตัวว่าแย่ค่ะ แต่เราต้องยอมรับความจริงกับตัวเองว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับใจของเรา ถ้าจะให้ตัดเพื่อนคนนี้ออกไป ตอนนี้ยังทำไม่ได้จริงๆค่ะ เค้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว และเราก็รู้ตัวว่าเราชอบเค้ามาก มีความสุขที่ได้คุยกัน ได้เจอกันบ้าง แม้จะไม่มีอะไรมากไปกว่าจูงมือกันและกอดกันแบบเพื่อนนะคะ
สำหรับความรู้สึกของเพื่อนเรา เค้าไม่เคยพูดออกมาตรงๆ แต่เค้าจะไม่พูดถึงสามีของเราค่ะ และถ้าการกระทำมันสำคัญกว่าคำพูด เราเป็นคนแรกที่เค้าโทรหาเวลาเค้าตื่น เป็นคนที่เค้าคุยด้วยตลอดวัน ไปไหนก็คอยรายงาน ถ่ายรูปให้ดูว่าอยู่กับใคร เป็นคนสุดท้ายที่เค้าคุยก่อนนอนจนเค้าหลับไปนั่นแหละค่ะ หกเดือนที่ผ่านมานี่ ไม่เคยมีวันไหนที่เราไม่ได้คุยกันเลย เป็นแบบนี้ทุกวันจริงๆ จนเรารู้สึกผูกพันกับเค้ามากๆนั่นแหละ
แต่เรารู้สึกผิดกับสามีมาก ถ้าสามีเราเขาทำแบบนี้กับเพื่อนเก่า เราคงเสียใจมากนะคะ แล้วทำไมเราถึงทำกับเขาได้ใช่ไหมคะ เราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ไม่เคยนึกจริงๆว่าจิตใจคนเรามันจะสามารถรักคนหนึ่งได้ และอ่อนไหวไปกับอีกคนหนึ่งได้ในขณะเดียวกันแบบนี้ คือมันยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดที่เราต้องหาทางออกตอนนี้หรอกนะคะ เพราะยังไงเราก็ไม่คิดที่จะเลิกกับสามีแน่ๆ แต่เราแค่รู้สึกอยากระบาย และไม่มีใครรอบตัวที่เราจะสามารถคุยเรื่องนี้ได้เลย มีใครที่เคยผ่านความรู้สึกหรือเหตุการณ์แบบนี้บ้างคะ แล้วทำอย่างไรกันบ้าง มาแชร์ประสบการณ์กันนะคะ