ก่อนจะถึงวันที่สำคัญของชีวิต วันที่ลูกน้อยลืมตาออกมาดูโลก แม่ๆ ที่ใกล้ถึงกำหนดคลอด คงตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย ลองอ่าน 10 อย่างที่คุณแม่หลังคลอดอยากบอกเกี่ยวกับการบล็อกหลัง เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนจะดีกว่า
บล็อกหลัง เป็นการฉีดยาชาเข้าในช่องไขสันหลังเพื่อระงับอาการปวด ทำให้เส้นประสาทที่อยู่บริเวณส่วนล่างของร่างกายและขาทั้ง 2 ข้างชา แต่คุณแม่จะยังรู้สึกตัวระหว่างคลอดลูก เป็นความรู้สึกสุดแสนประทับใจในช่วงเวลานั้น แต่การบล็อกหลังก็มักมีผลข้างเคียง และนี่คือ 10 อย่างที่คุณแม่หลังคลอด ขอบ่นเกี่ยวกับการบล็อกหลัง
1.ฉีดยาเข้าสันหลังต้องใช้ความอดทน
ขณะที่แพทย์ฉีดยาเข้าสันหลัง แม่ๆ มักบ่นกันว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะแม่ต้องนอนนิ่งในท่าคู้กอดขาที่งออยู่ ทำท่าคล้ายกับตัวกุ้ง นาน 10 นาที และต้องอยู่ในท่านี้จนกว่ายาจะออกฤทธิ์ อาจเนิ่นนานถึง 20 นาที ทั้งท้องที่โตเกินกว่าจะงอขาได้ง่ายๆ และอาการเจ็บท้องคลอดก็รุมเร้า ทำให้ขั้นตอนนี้ยากกว่าที่คิด
2.บล็อกหลังแล้วก็ต้องนอนรอเวลาบนเตียงห้ามไปไหน
เสียงบ่นจากคุณแม่ที่ผ่านการบล็อกหลังมาแล้วก็คือ ณ ช่วงเวลาที่เจ็บปวดนั้น ไม่สามารถลุกเดินเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดได้เลย การบล็อกหลัง ทำให้ต้องนอนติดแหงกอยู่บนเตียงตลอดเวลา จึงรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ากว่าความเป็นจริง
3.ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ
การบล็อกหลังแพทย์ต้องฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ ทำให้แม่ท้องลุกไปไหนไม่ได้ ต้องนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น ส่วนทีมแพทย์ก็ต้องตรวจอัตราการเต้นของหัวใจเด็กว่าทุกอย่างเป็นปกติหรือไม่
4.รู้สึกว่า ขาหายไป
หลังการผ่าคลอดแบบบล็อกหลัง แม่ๆ จะขยับขาไม่ได้หลังผ่าตัดนานราวๆ 2-4 ชั่วโมง ทำให้หลายคนโอดครวญว่า ขาฉันอยู่ไหน เพราะพวกเธอไม่มีความรู้สึกอะไรเลยหลังจากที่บล็อกหลัง แถมบางคนยังมีอาการขาชาแค่ข้างเดียว เป็นสิ่งที่น่ารำคาญสุดๆ
5.ตกอยู่ในภวังค์เพราะบล็อกหลัง
แม่ๆ เผยความรู้สึกกับเราว่า พวกเธอรู้สึกเหมือนกำลังฝันตั้งแต่ยาบล็อกหลังเริ่มออกฤทธิ์ ก็รู้สึกเหมือนอยู่ในภวังค์ ซึ่งสำหรับแม่บางคนนั้นอยากจะรู้สึก สัมผัส และรับรู้ ความรู้สึกจริงๆ ตั้งแต่เริ่มกระบวนการไปจนกระทั่งพบหน้าลูกวินาทีแรก ถ้าคุณเป็นแม่ที่อยากจะซึมซับทุกความรู้สึกเหล่านั้น การบล็อกหลังอาจจะไม่ใช่คำตอบ
6.แม้จะฉีดยาไปแล้ว แต่ฉันก็ยังเจ็บอยู่ดี
บางคนพบว่ายาบล็อกหลัง ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงยังเจ็บปวดอยู่ ซึ่งการบล็อกหลังจะได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ขึ้นอยู่กับร่างกายของคุณแม่ด้วย ถ้ายังรู้สึกเจ็บอยู่ แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดยาเข้าสันหลังอีกหนึ่งเข็ม แต่ก็ต้องเสี่ยงกับการชานานจนเกินไปหลังคลอด
7.มีอาการคลื่นไส้
พอเสร็จสิ้นกระบวนการคลอด แม่บางคนกลับมีอาการคลื่นไส้ บางคนถึงกับมีการอาเจียน ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ หนึ่งในสาเหตุนั้นคืออาการแพ้ยาชา ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และคันตามร่างกาย ทั้งที่ใจแม่อยากจะอุ้มลูก สัมผัสเจ้าตัวน้อยอย่างใกล้ชิด แต่กลับมีอาการเหล่านี้มารบกวน น่าหงุดหงิดจริงๆ
8.ไม่เข้าใจจังหวะเบ่งคลอด
เมื่อแม่ถูกบล็อกหลังจะทำให้ไม่รู้จังหวะการเบ่งคลอด จึงจำเป็นต้องมีแพทย์มาคอยเชียร์ให้เบ่งคลอดตามจังหวะของการหดรัดตัวของมดลูก ต่างจากแม่ที่ไม่ใช้ยาแก้ปวดหรือการบล็อกหลัง ที่รู้ว่าจังหวะไหนที่เธอต้องเบ่งคลอด เนื่องจากเป็นปฏิกิริยาของร่างกาย ซึ่งการเบ่งคลอดที่ไม่เป็นจังหวะนี้เอง อาจทำให้ปากมดลูกบวมได้
9.ปวดหลังตรงด้านที่ถูกฉีดยา
มักมีเสียงบ่นตามมาว่า ด้านที่ถูกฉีดยาจะเจ็บไปอีกหลายเดือน ซึ่งแม่ๆ ที่ผ่านการบล็อกหลังต่างยืนยันว่า พวกเธอปวดหลังจริง สวนทางกับนักวิทยาศาสตร์และหมอที่ยืนยันว่า การบล็อกหลังไม่ทำให้ปวดหลัง
10.มีอาการปวดอื่นๆ ตามมา เช่น ปวดหัวและปวดคอ
แม้ว่านักวิจัยจะเชื่อว่า นี่ไม่ใช่ผลข้างเคียงของการบล็อกหลัง แต่ไม่รู้ทำไม ผู้หญิงหลายคนไม่สามารถอธิบายความเจ็บปวดได้ ทั้งอาการปวดหัวและปวดคอ
ไม่ว่าคุณแม่จะเลือกวิธีคลอดแบบไหนก็ตาม ทั้งการคลอดธรรมชาติ การผ่าคลอด เลือกบล็อกหลัง หรือดมยาสลบ ก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตน้อยๆ ที่คุณแม่รักและหวงแหนตั้งแต่อยู่ในครรภ์ กำลังจะออกมาดูโลกใบกว้างใบนี้ ทางทีมงานขอเป็นอีกกำลังใจให้คุณแม่เข้มแข็งและขอให้ทั้งคุณแม่และคุณลูกสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์นะคะ
ที่มา
http://bit.ly/2f3zXXy
10 อย่างที่คุณแม่หลังคลอดอยากบอกเกี่ยวกับการบล็อกหลัง
ก่อนจะถึงวันที่สำคัญของชีวิต วันที่ลูกน้อยลืมตาออกมาดูโลก แม่ๆ ที่ใกล้ถึงกำหนดคลอด คงตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย ลองอ่าน 10 อย่างที่คุณแม่หลังคลอดอยากบอกเกี่ยวกับการบล็อกหลัง เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนจะดีกว่า
บล็อกหลัง เป็นการฉีดยาชาเข้าในช่องไขสันหลังเพื่อระงับอาการปวด ทำให้เส้นประสาทที่อยู่บริเวณส่วนล่างของร่างกายและขาทั้ง 2 ข้างชา แต่คุณแม่จะยังรู้สึกตัวระหว่างคลอดลูก เป็นความรู้สึกสุดแสนประทับใจในช่วงเวลานั้น แต่การบล็อกหลังก็มักมีผลข้างเคียง และนี่คือ 10 อย่างที่คุณแม่หลังคลอด ขอบ่นเกี่ยวกับการบล็อกหลัง
1.ฉีดยาเข้าสันหลังต้องใช้ความอดทน
ขณะที่แพทย์ฉีดยาเข้าสันหลัง แม่ๆ มักบ่นกันว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะแม่ต้องนอนนิ่งในท่าคู้กอดขาที่งออยู่ ทำท่าคล้ายกับตัวกุ้ง นาน 10 นาที และต้องอยู่ในท่านี้จนกว่ายาจะออกฤทธิ์ อาจเนิ่นนานถึง 20 นาที ทั้งท้องที่โตเกินกว่าจะงอขาได้ง่ายๆ และอาการเจ็บท้องคลอดก็รุมเร้า ทำให้ขั้นตอนนี้ยากกว่าที่คิด
2.บล็อกหลังแล้วก็ต้องนอนรอเวลาบนเตียงห้ามไปไหน
เสียงบ่นจากคุณแม่ที่ผ่านการบล็อกหลังมาแล้วก็คือ ณ ช่วงเวลาที่เจ็บปวดนั้น ไม่สามารถลุกเดินเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดได้เลย การบล็อกหลัง ทำให้ต้องนอนติดแหงกอยู่บนเตียงตลอดเวลา จึงรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ากว่าความเป็นจริง
3.ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ
การบล็อกหลังแพทย์ต้องฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ ทำให้แม่ท้องลุกไปไหนไม่ได้ ต้องนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น ส่วนทีมแพทย์ก็ต้องตรวจอัตราการเต้นของหัวใจเด็กว่าทุกอย่างเป็นปกติหรือไม่
4.รู้สึกว่า ขาหายไป
หลังการผ่าคลอดแบบบล็อกหลัง แม่ๆ จะขยับขาไม่ได้หลังผ่าตัดนานราวๆ 2-4 ชั่วโมง ทำให้หลายคนโอดครวญว่า ขาฉันอยู่ไหน เพราะพวกเธอไม่มีความรู้สึกอะไรเลยหลังจากที่บล็อกหลัง แถมบางคนยังมีอาการขาชาแค่ข้างเดียว เป็นสิ่งที่น่ารำคาญสุดๆ
5.ตกอยู่ในภวังค์เพราะบล็อกหลัง
แม่ๆ เผยความรู้สึกกับเราว่า พวกเธอรู้สึกเหมือนกำลังฝันตั้งแต่ยาบล็อกหลังเริ่มออกฤทธิ์ ก็รู้สึกเหมือนอยู่ในภวังค์ ซึ่งสำหรับแม่บางคนนั้นอยากจะรู้สึก สัมผัส และรับรู้ ความรู้สึกจริงๆ ตั้งแต่เริ่มกระบวนการไปจนกระทั่งพบหน้าลูกวินาทีแรก ถ้าคุณเป็นแม่ที่อยากจะซึมซับทุกความรู้สึกเหล่านั้น การบล็อกหลังอาจจะไม่ใช่คำตอบ
6.แม้จะฉีดยาไปแล้ว แต่ฉันก็ยังเจ็บอยู่ดี
บางคนพบว่ายาบล็อกหลัง ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงยังเจ็บปวดอยู่ ซึ่งการบล็อกหลังจะได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ขึ้นอยู่กับร่างกายของคุณแม่ด้วย ถ้ายังรู้สึกเจ็บอยู่ แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดยาเข้าสันหลังอีกหนึ่งเข็ม แต่ก็ต้องเสี่ยงกับการชานานจนเกินไปหลังคลอด
7.มีอาการคลื่นไส้
พอเสร็จสิ้นกระบวนการคลอด แม่บางคนกลับมีอาการคลื่นไส้ บางคนถึงกับมีการอาเจียน ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ หนึ่งในสาเหตุนั้นคืออาการแพ้ยาชา ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และคันตามร่างกาย ทั้งที่ใจแม่อยากจะอุ้มลูก สัมผัสเจ้าตัวน้อยอย่างใกล้ชิด แต่กลับมีอาการเหล่านี้มารบกวน น่าหงุดหงิดจริงๆ
8.ไม่เข้าใจจังหวะเบ่งคลอด
เมื่อแม่ถูกบล็อกหลังจะทำให้ไม่รู้จังหวะการเบ่งคลอด จึงจำเป็นต้องมีแพทย์มาคอยเชียร์ให้เบ่งคลอดตามจังหวะของการหดรัดตัวของมดลูก ต่างจากแม่ที่ไม่ใช้ยาแก้ปวดหรือการบล็อกหลัง ที่รู้ว่าจังหวะไหนที่เธอต้องเบ่งคลอด เนื่องจากเป็นปฏิกิริยาของร่างกาย ซึ่งการเบ่งคลอดที่ไม่เป็นจังหวะนี้เอง อาจทำให้ปากมดลูกบวมได้
9.ปวดหลังตรงด้านที่ถูกฉีดยา
มักมีเสียงบ่นตามมาว่า ด้านที่ถูกฉีดยาจะเจ็บไปอีกหลายเดือน ซึ่งแม่ๆ ที่ผ่านการบล็อกหลังต่างยืนยันว่า พวกเธอปวดหลังจริง สวนทางกับนักวิทยาศาสตร์และหมอที่ยืนยันว่า การบล็อกหลังไม่ทำให้ปวดหลัง
10.มีอาการปวดอื่นๆ ตามมา เช่น ปวดหัวและปวดคอ
แม้ว่านักวิจัยจะเชื่อว่า นี่ไม่ใช่ผลข้างเคียงของการบล็อกหลัง แต่ไม่รู้ทำไม ผู้หญิงหลายคนไม่สามารถอธิบายความเจ็บปวดได้ ทั้งอาการปวดหัวและปวดคอ
ไม่ว่าคุณแม่จะเลือกวิธีคลอดแบบไหนก็ตาม ทั้งการคลอดธรรมชาติ การผ่าคลอด เลือกบล็อกหลัง หรือดมยาสลบ ก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตน้อยๆ ที่คุณแม่รักและหวงแหนตั้งแต่อยู่ในครรภ์ กำลังจะออกมาดูโลกใบกว้างใบนี้ ทางทีมงานขอเป็นอีกกำลังใจให้คุณแม่เข้มแข็งและขอให้ทั้งคุณแม่และคุณลูกสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์นะคะ
ที่มา
http://bit.ly/2f3zXXy