[CR] แบกเป้ขึ้นรถไฟ ปล่อยใจไปกับสายลมที่ " สังขละบุรี "

สวัสดีครับ ชาวพันทิป ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนเลยว่านี่เป็นการเขียนกระทู้รีวิวครั้งแรกของพวกเรา
เรียกได้ว่าเพิ่งสมัคร Account กันเลยทีเดียว
อมยิ้ม06

.
.
เอาละ !! อย่าเสียเวลาเลย เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าาา
พวกเราได้วางแผนไปท่องเที่ยวกันสักที่หนึ่ ซึ่งถกเถียงกันไปต่างๆนาๆ จนมาได้บทสรุปคือ...  " สังขละบุรี "   นั่นเอง !!!
เราวางแผนจะเริ่มออกเดินทางกันวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม ไปพักผ่อน 3 วันสองคืน
โดยในคืนแรกพวกเราได้ตกลงกันไว้ว่าจะไปพักที่บ้านพี่เบล (เป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกัน)
และก่อนออกเดินทางประมาณ 1-2 สัปดาห์ พวกเราก็ได้โทรไปบอกพี่เบลล่วงหน้าไว้แล้ว และพี่เบลก็ตอบตกลง
ยิ้ม
.
.

วันที่ 1
พวกเราเลือกเดินทางด้วยการนั่งรถไฟฟรี เรานัดกันที่สถานีธนบุรีเพื่อขึ้นรถไฟที่จะออกในเวลา 13.55 น.
ซึ่งวันนั้นพวกเรามาเฉียดฉิวมากๆ เนื่องจากรถติด ทำให้เกือบตกรถไฟ
ระหว่างทางรถไฟนั้นจะมีเเม่ค้าขึ้นมาขายของตั้งแต่สถานีนครปฐม มีทั้งข้าวแกงที่ใส่ถ้วยใบตอง น้ำ ขนมต่างๆ และแม่ค้าจะทยอยลงในสถานีถัดๆไป
เวลาประมาณ 18.20 น. พวกเราลงที่สถานีวังโพ และพี่เบลขับรถมารับพวกเราที่สถานีวังโพเพื่อไปพักที่บ้านพี่เบล
เมื่อถึงบ้านพี่เบลแล้ว พี่เบลได้พาพวกเราไปสวดมนต์ที่วัดพุน้อย ซึ่งคืนนั้นครอบครัวของพี่เบลได้เป็นเจ้าภาพในการร่วมสวดอภิธรรมบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทำให้เราได้มีโอกาส สวดมนต์ถวายความอาลัยและร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกับผู้คนที่มาในวันนั้น
เมื่อกลับจากการสวดมนต์แล้ว เราได้กินหมูกะทะ ได้พูดคุยวางเเผนเรื่องการเดินทางในวันต่อไป และเข้านอน _ _ zzZ

วันที่ 2
ในตอนเช้าวันถัดมาพวกเราตื่นนอนกันเวลา 6.30 น. อาบน้ำ กินข้าว เก็บของ เพื่อออกเดินทางจากบ้านพี่เบล สู่สังขละบุรี และพี่เบลก็ร่วมเดินทางไปกับพวกเราด้วย
พวกเราใช้วิธีโบกรถ ที่ขึ้นเขาเพื่อไปยังป้ายที่รถบัสผ่าน ซึ่งเราโชคดีมากๆ เพราะเมื่อเราโบกเพียงรถคันแรกเท่านั้นก็เจอคุณน้าใจดี ><
ซึ่งคุณน้าขับซิ่งมากๆ และพาพวกเราไปส่งที่รถบัสแดงผ่าน
รถบัสแดงไปยังสังขละบุรีนั้นมีค่าใช้จ่ายคนละ 130 บาท ฟังดูอาจจะเเพงเกินแต่ระยะทางนั้นไกลมากๆ ใช้เวลาเดินทางถึง 4 ชั่วโมงเลย
ทีเดียว พวกเราขึ้นรถบัสเวลา 10.00 ระหว่างทางนั้นเราจะได้เห็นบรรยากาศภูเขา หมอก น้ำตกต่างๆ ซึ่งสวยงามมากๆ
เมื่อเราเดินทางถึงสังขละบุรีเวลาประมาณ 14.00 น. แล้ว ก็จะมีพี่วินมอเตอร์ไซด์ มาติดต่อตรงท่ารถบัสเเดง แต่พวกเรามากันหลายคนเลยจะไปหาเหมารถสองเเถวกันแทน แต่พี่วินก็บอกพวกเรา “ ก็ผมนี่เเหละคนขับสองเเถว ” ทำให้พวกเราอึ้งกันไปเลย 5555 เราจึงเหมารถสองเเถวเพื่อไปยังที่พักที่สะพานมอญ และตกลงที่จะเหมารถเพื่อไป-กลับด่านเจดีย์สามองค์เลยในราคาคนละ 60 บาท
(ขอเบอร์พี่เขาไว้แล้วเพื่อโทรหาหลังจากเก็บของในที่พัก)
เมื่อพวกเราถึงสะพานมอญแล้วเราได้ข้ามฝั่งสะพานมอญ (สะพานอุตตมานุสรณ์) ไปกินมื้อเที่ยงกันที่ร้านป้าหยิน
ซึ่งจะมีขนมจีนน้ำยาต่างๆ เช่น น้ำยากะทิ น้ำยาหยวกกล้วย เเกงฮังเล เป็นต้น ซึ่งแต่ละอย่างนั้นอร่อยมากๆ
                                                                                                                                                                                                                                                                
บรรยากาศบนสะพานมอญนั้นจะเห็นวิวรอบๆ สวยงามมากๆ และจะมีชาวบ้านเด็กนั่งขายของ และนั่งรอปะเเป้งให้ และให้ถ่ายรูปด้วย
(น้องๆน่ารักมากกกก ><)
หลังจากนั้นเราก็เข้าที่พัก ซึ่งเราได้จองแพไว้ที่แพมิตรสัมพันธ์ เมื่อเราเข้าที่พัก เก็บของเรียบร้อยเเล้ว
เราก็เดินทางต่อไปยังด่านเจดีย์สามองค์ (เดินทางโดยพี่คนขับรถสองแถวที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้)
ระหว่างทางนั้นจะมีด่านทหารตรวจคนเป็นระยะๆ ก็ดูน่าตื่นเต้นไปอีกแบบ 5555
แต่เมื่อพวกเราไปถึงด่านเจดีย์สามองค์ ก็เป็นที่น่าเสียดายมากๆ เพราะด่านข้ามชายเเดนไปประเทศพม่านั้น
เปิดให้เข้าถึงเวลา 17.00 น. เท่านั้น ซึ่งข้อมูลไม่ตรงกับที่พวกเราได้ศึกษาและวางแผนมา
ทำให้พวกเราพลาดโอกาสที่จะได้ข้ามไปยังประเทศพม่า T_T

**ซึ่งถ้าใครอยากข้ามไปฝั่งพม่านั้น ต้องวางแผนการเดินทางให้ดีๆ นะจ๊ะ
เพราะด่านข้ามชายเเดนนั้นเปิดให้เข้าตั้งแต่เวลา 06.00 น. - 17.00 น. และต้องออกจากพม่าก่อนเวลา 18.00 น.
เมื่อพวกเราเดินถ่ายรูปกันที่ด่านเจดีย์แล้วเราก็เดินทางกลับไป และแวะเดินที่ถนนคนเดินเพื่อหามื้อเย็นกินกัน ><
พวกเรากินมื้อเย็นกันที่ " บารมีหมูจุ่มไม้ละบาท " ซึ่งอร่อยมากๆ (อร่อยทุกอย่างเลยจริงๆ 555) มีหลายอย่างในหม้อให้เลือกกิน
พวกเราก็เลยจัดไปทั้งหมด 245 ไม้ 5555 อิ่มกันเลยทีเดียว
และเดินซื้อของกินกันในถนนคนเดินต่อ (กินอีกละ >o<)
ซึ่งจะมีของกินพื้นบ้านอร่อยๆมากมาย เช่น
" ขนมซามูซา " จะเป็นขนมอิสลามไส้มันและหอมใหญ่ทอดซึ่งจะหอมกลิ่นเครื่องเทศอร่อยมากๆ
" ขนมทองโย๊ะ " ซึ่งเป็นขนมพื้นบ้านกะเหรี่ยง จะเป็นข้าวเหนียวดำผสมงาทอด จิ้มกับนมข้นอร่อยมากๆ  (อร่อยอีกแล้วววว)
และในถนนคนเดินยังมีของกินพื้นบ้านเเปลกๆ ที่หน้าตาน่ากิน เเละอร่อยอีกมากมายเลยทีเดียว
เมื่อกินมื้อเย็นกันอิ่มจนท้องเเทบเเตกแล้ว เราก็เดินทางกลับที่พักเพื่อพักผ่อน _ _ zzZ
ชื่อสินค้า:   สังขละบุรี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่