ขับรถเที่ยวโปรตุเกส เหนื่อยก็แวะ ง่วงก็พัก เจออะไรก็ถ่ายรูปเล่น

เพิ่งไปเที่ยวโปรตุเกสมาค่ะ  ขับรถเที่ยวเลยอยากเอามาแบ่งปันประสบการณ์ให้คนที่สนใจการขับรถเที่ยวเหมือนกับเรา

ทริปนี้เราลัดเลาะไปเรื่อยๆตั้งแต่ลิสบอน ขึ้นเหนือไปจนถึงไร่ไวน์แถบริมแม่น้ำโดรู เลยไปเมืองสวยๆทางเหนืออย่างโปร์ตู  ซึ่งมีสีสัน น่ารัก กับหมู่บ้านเล็กๆเมืองน้อยๆ ที่อยู่ตามรายทาง  



เราเลือกเดินทางไปที่โปรตุเกสเดือนตุลาคม เพราะอากาศยังไม่หนาวมาก สบายๆ นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก ชิลๆค่ะ อากาศหนาวแค่ตอนเช้ากะกลางคืน กลางวันแดดเปรี้ยง เดินร้อนอยู่ แต่เมืองทางเหนือๆก็เริ่มมีใบไม้เปลี่ยนสี กับไร่ไวน์บรรยากาศคูลๆ ให้พอรู้สึกว่ามีหลายอารมณ์



การเดินทางโปรตุเกสของเราเริ่มต้นที่กรุงเทพฯ แวะต่อเครื่องที่บรัสเซลก่อนจะเดินทางต่อมาที่ลิสบอน สองสามวันแรกนี้เราจะยังไม่ใช้รถ เพราะจะเที่ยวในลิสบอนแบบคาร์ฟรี ขึ้นรถลงเรือไปตามเรื่อง

ใครที่ฝันจะไปช้อปปิ้งแบรนด์เนมประเทศนี้ ขอบอกเลยว่าผิดหวังแน่ เพราะมีน้อยมาก



เมื่อผ่านขั้นตอนเข้าเมืองแล้ว ตอนที่ลากกระเป๋าออกจากประตู สิ่งแรกที่เราสัมผัสคือ กลิ่นปลาเค็ม  อุตะ

ประเทศนี้มีการกินปลาเป็นล่ำเป็นสันขนาดที่สนามบิน จะมีร้านขายปลาแห้งปลาเค็มตั้งอยู่ที่ลอบบี้สนามบินเลยเรอะ  เมื่อออกมาถึงที่ลอบบี้ เราพบว่ามีร้านขายปลาแห้งปลาเค็มต้นตอของกลิ่นนี้จริงๆ แต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะความสำคัญต่อไปคือ อินเตอร์เนท!  



เมื่อออกมาแล้ว เลี้ยวขวามาเรื่อยๆก็เจอเคาน์เตอร์ tourist information อยู่ข้างๆกับเคาน์เตอร์ Vodafone
เราซื้อแพกเกจ 3 gic ราคา /20 euro แต่คิดว่าจริงๆคิดว่าไปหาเอาในเมืองน่าจะถูกกว่า แต่เราโอเคกับราคานี้แล้ว เลยจัดไป

แนะนำให้คนที่มาเที่ยวลิสบอนซื้อลิสบอนคาร์ดเป็นอันดับแรก จากเคาน์เตอร์ information ซึ่งตั๋วลิสบอนคาร์ด มีตั้งแต่ 24 ชม. ราคา €18.50 48 ชม. €31.50  72 ชม. €39.00   ให้เลือกตามเวลาและสถานที่ท่องเที่ยวที่เราอยากจะแวะเข้าไปชม. นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้วลิสบอนคาร์ด ยังสามารถใช้ลดราคาอะไรได้อีกหลายอย่าง เช่น เดินทางในลิสบอนฟรี ทั้งรถเมล์ รถราง รถไฟใต้ดิน ขึ้นลิฟต์ และลดราคารถแอโรบัสเข้าเมืองได้ 40+% เข้าที่ท่องเที่ยวฟรีหลายแห่ง ดังนั้น ถ้าแพลนวันเดินทางให้ดีก็ช่วยประหยัดไปได้พอสมควร แต่ของเรากว่าจะรู้เรื่องพวกนี้ก็วันสุดท้าย เรียกว่าพลาดส่วนลดไปหลายอย่าง เลยต้องรีบเอามาบอกกันไว้



เราแพลนเข้าเมืองด้วยรถแอโรบัส ซึ่งคิดๆเอาว่าน่าจะสะดวกกว่าเดินทางอย่างอื่น แต่พอเอาเข้าจริง แอโรบัสจะมาทุก 20 นาที และไม่ค่อยตรงเวลา ผู้โดยสารขึ้นรถต้องมีที่นั่งทุกคน ที่ใส่กระเป๋าไม่ค่อยจะพอเท่าไหร่ คนมาต่อแถวขึ้นรถเยอะพอสมควร แต่ก็คงดีกว่าไปรถไฟแน่ๆ  จากที่ยืนสังเกตดู ก็มีรถยี่ห้ออื่นเข้าเมืองอีกเรื่อยๆ รวมถึงรถบัสธรรมดา ลองหาข้อมูลกันดูนะคะ

ในเมืองลิสบอนมันแบบว่ากลางเก่ากลางใหม่  มีการก่อสร้างเยอะเหมือนกรุงเทพฯ ค่อนข้างดิบๆ เมืองอาจจะใหม่กว่าที่คิด เพราะเคยมีเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี 2298 เรื่องมีอยู่ว่า แผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2298 ซึ่งเป็นวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints' Day) วันหยุดของนิกายคาทอลิก รายงานร่วมสมัยระบุว่าแผ่นดินไหวเกิดขึ้นนาน 3.5-6 นาที ทำให้เกิดรอยแรกขนาดใหญ่กว้าง 5 เมตรเกิดขึ้น ณ ใจกลางนคร ผู้รอดชีวิตต่างเร่งรุดไปยังพื้นที่เปิดของท่าเรือเพื่อความปลอดภัย แต่เรื่องร้ายยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะเพียง 40 นาทีหลังเกิดแผ่นดินไหว คลื่นสึนามิขนาดยักษ์ได้พัดท่วมท่าเรือและเขตเมือง ไปจนถึงแม่น้ำทากัส หลังจากนี้ยังมีคลื่นสึนามิอีกสองคลื่นเกิดขึ้นตามมาในบางพื้นที่ เกิดเพลิงไหม้ในลิสบอนนานถึงห้าวัน  เรียกว่าสิ่งที่เคยสั่งสมมาในอดีต ....เรียบค่ะ  ข้อมูลว่ามีผุ้เสียชีวิตตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 คน

แต่กระนั้น  ลิสบอนก็ค่อยๆฟื้นตัวมาเรื่อยๆ  แม้จะไม่สวยงาม หรูเริ่ดเท่าประเทศอื่นๆในยุโรป  แต่มนต์เสน่ห์แห่งลิสบอนก็ยังไม่เสื่อมคลาย



ลิสบอนเป็นเมืองที่มีเนินเขาเต็มไปหมด  ถ้าใครไม่แน่จริงมีหงายเงิบ แนะนำให้ซ้อมเดินมาก่อนค่ะ
อย่างย่านที่นักท่องเที่ยวชอบไปคือ Alfama เดินขึ้นเดินลงรับรองเหนื่อย



เก็บของที่โรงแรมแล้วก็บ่ายเกือบเย็น เราคิดว่าเราควรตามรอยคุณ PKL ว่าออกมาซื้อตั๋วรถไฟไปซินทราไว้ล่วงหน้า เพราะกลัวนักท่องเที่ยวเยอะในเช้าวันถัดไปซึ่งเป็นเช้าวันอาทิตย์ แต่อารามที่เราติดกับกระทู้รีวิวมากเกินไป กลัวนู่นกลัวนี่ กลัวจะต้องต่อคิวเที่ยวเช้า  

นั่งรถเมล์มาลงที่หน้า Rossio เอ...เงียบๆแฮะ



ก่อนมาที่นี่มีข่าวนี้ว่า..นักท่องเที่ยวพยายามขึ้นไปเซลฟี่กับรูปปั้นหน้าสถานีรถไฟ อายุก็ร้อยกว่าปี



พอไปถึง เหลือแค่นี้ค่ะ 555



เราบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอซื้อตั๋วไปซินทรา เจ้าหน้าที่บอกไม่ขายให้ ให้มาซื้อวันรุ่งขึ้น ความงงบังเกิด
ไม่เป็นไร พอนึกออกว่า เจ้าหน้าที่เขาหมายถึงตัววัน เดินทางไปกลับ  เราก็พยายามต่อไป คือไปหาซื้อตั๋วเติมเงิน viva gram สีเขียว ที่หลายๆคนแนะนำ  แต่พอไปจริงๆ เหมือนมันหมดจากตู้ มีสีน้ำเงินแทน

ถามจนแน่ใจ  เจ้าหน้าที่บอกว่า ใช้ได้เหมือนกัน  ไปเที่ยวดีกว่า พรุ่งนี้ก็รู้  

เดินเล่นดูรอบๆย่านดาวน์ทาวน์ของลิสบอน เรียกว่า Baixa



สิ่งที่เจอขายเยอะคือเกาลัดค่ะ  เราชอบซื้อมากินเล่น  ราคา 2.5 ยูโร  ได้มา 12 ลูก



มันมีทั้งสวยไม่สวย ปนๆกันไป แต่ที่รู้คือ  มันไม่พลุกพล่านเท่าเมืองใหญ่อื่นๆของยุโรปแน่ๆ  
ดูแล้วก็ไม่อันตรายอะไร  ดูชิลๆซะด้วยซ้ำ





ร้านที่เจอบ่อยๆคือร้านขายผ้าค่ะ





เดินเล่นไปเรื่อยๆ มาโผล่ที่ทะเลล่ะ





วันนี้ง่วงแล้ว เดินทางมาเหนื่อย กลับโรงแรมดีกว่า ไปลองขึ้นรถไฟกัน



เงิบ  ทำไมเงียบงี้อ่ะ





ไว้มาต่อเมืองอื่นๆนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่